

ดูกี่ครั้งก็ยังตราตรึงใจ แนะนำ 5 หนังดีบนเวทีออสการ์ ที่บอกเล่าชีวิตของผู้หญิงเก่ง
Art & Culture / Entertainment
10 Mar 2023 - 5 mins read
Art & Culture / Entertainment
SHARE
10 Mar 2023 - 5 mins read
ภาพยนตร์เปลี่ยนโลกได้และโอบรับผู้คนเอาไว้มากมาย
เรื่องราวในภาพยนตร์อาจเป็นชีวิตของใครคนหนึ่ง ณ มุมใดมุมหนึ่งของโลกที่ถูกนำมาเล่าอีกครั้งอย่างละเมียดละไม จนเข้าไปนั่งอยู่ในใจคนดู และมีพลังที่จะเปลี่ยนโลกได้ เรื่องราวของ ‘ผู้หญิง’ ก็เช่นกัน
ในอดีตเรื่องราวของผู้หญิงในภาพยนตร์มักจะถูกเล่าผ่านสายตาของผู้ชาย พวกเธอในภาพยนตร์จะมีความอ่อนหวาน อ่อนไหว แต่งงาน มีครอบครัวในตอนท้าย หรือไม่ก็จบชีวิตลงด้วยเหตุบางอย่างในหนังสุดเศร้า จนทำให้ภาพเหล่านี้กลายเป็นภาพจำที่กำหนดอัตลักษณ์ของเพศหญิงมาแล้วหลายต่อหลายสมัย
แต่หลายปีให้หลังมานี้เห็นได้ว่าภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องผู้หญิงด้วยมุมมองผู้หญิงนั้นมีมากขึ้น ไม่ใช่แค่การบอกเล่าข้อเท็จจริงทั่วไป แต่ยังรวมถึงความคิด อุปสรรค การต่อสู้และความพยายามของผู้หญิงมากมาย
มีนาคมนี้นอกจากจะมีการประกาศรางวัลออสการ์ประจำปี เวทีที่คนรักหนังต่างเฝ้ารอแล้ว ยังเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลอง ‘วันสตรีสากล’ เราจึงขอชวนไปดูภาพยนตร์สร้างชื่อบนเวทีออสการ์ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องราวของผู้หญิง มีตัวละครหญิงเป็นคนเล่าและถ่ายทอดชีวิตในแง่มุมต่าง ๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างไม่รู้จบ
1
Hidden Figures
ทีมเงาอัจฉริยะ
(2016)
“มันไม่ใช่เพราะพวกเราใส่กระโปรง
แต่เป็นเพราะพวกเราสวมแว่นตาต่างหาก”
แคทเธอรีน จอห์นสัน พูดกับจิม จอห์นสัน เมื่อเขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงได้ทำงานในนาซา
แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของผู้หญิงผิวสี 3 คนที่ทำงานให้กับนาซา (NASA) และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งยานอวกาศไปสู่นอกโลกได้สำเร็จ ดัดแปลงมาจากหนังสือชื่อเรื่องเดียวกัน โดย มาร์กอท ลี เชตเตอร์ลี (Margot Lee Shetterly)
ในปี 1961 แคทเธอรีน จอห์นสัน, โดโรธี วอห์น และ แมรี แจ็กสัน เป็นหญิงชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่ทำงานอยู่ใน Langley Research Center เมืองแฮมป์ตัน รัฐเวอร์จิเนีย ในตึกฝั่งตะวันตกสำหรับคนผิวสีซึ่งแยกออกจากแผนกอื่น ๆ
แคทเธอรีนเป็นนักเรขาคณิตวิเคราะห์ที่ทำงานกับทีมวิศวกรที่กำลังจะส่งยานอะพอลโล 11 ไปเยือนอวกาศ แมรีอยู่ในแผนกทำฉนวนกันความร้อน ใฝ่ฝันอยากจะเป็นวิศวกรของนาซาเต็มตัว ส่วนโดโรธีเป็นนักคอมพิวเตอร์ที่สามารถติดตั้งเครื่องคำนวณ IBM 7090 ได้สำเร็จ
แม้ว่าทั้งสามจะมีความสามารถไม่แพ้ใคร แต่อุปสรรคหนึ่งเดียวในหน้าที่การงานคือการเป็นผู้หญิงผิวสี เธอจึงโดนเลือกปฏิบัติและกีดกันด้วยอคติเรื่องเพศและสีผิวอย่างไม่เป็นธรรม
นอกจากภารกิจส่งยานอวกาศออกนอกโลกแล้ว ทั้งสามยังยืนหยัดและต่อสู้เพื่อให้คนในองค์กรและสังคมยอมรับด้วยความสามารถของพวกเธอ บุกเบิกค่านิยมใหม่ให้ผู้หญิงผิวสีมีที่ยืน พวกเธอสร้างความเปลี่ยนแปลงในนาซามากมาย และบอกกับเราว่า ไม่ว่าจะเพศไหน สีผิวอะไร คุณก็ฝันจะไปเหยียบดวงจันทร์ได้เหมือนกัน
เข้าชิงออสการ์ครั้งที่ 89 ประจำปี 2017
รับชมได้ทาง Disney+ / Amazon Prime Video
2
Everything Everywhere All at Once
ซือเจ๊ทะลุมัลติเวิร์ส
(2022)
“เราทุกคนไร้ประโยชน์เมื่อโดดเดี่ยว
คงจะดีกว่าถ้าเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว”
เอเวอลีน หวัง
เอเวอลีน เป็นหญิงวัยกลางคนชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ในอเมริกากับสามีและลูกสาวชื่อ ‘จอย’ นอกจากเป็นแม่ ภรรยา และเป็นลูกสาวที่ต้องดูแลพ่อผู้แก่ชราแล้ว เธอยังเป็นหัวเรือบริหารกิจการร้านซักรีดซอมซ่อของครอบครัวอีกด้วย
วันหนึ่งเอเวอลีน เวย์มอนด์ผู้เป็นสามีและพ่อของเธอพากันไปยื่นภาษี ระหว่างการตรวจสอบเอกสารอย่างตึงเครียด เธอก็ได้พบกับเวย์มอนด์-อัลฟา Version ซึ่งมาจากอีกมัลติเวิร์ส
หลังจากนั้นเอเวอลีนก็ได้ทะลุมิติไปเยือนมัลติเวิร์สต่าง ๆ ได้เป็นตัวเองคนใหม่หลายเวอร์ชัน ในจักรวาลหลายรูปแบบ
หนังเรื่องนี้สะท้อนภาพของผู้หญิงชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่ต้องแบกรับภาระและความกดดันจากสังคมมากมาย เธอต้องต่อสู้กับเรื่องปวดหัวทั้งหลายแหล่อย่างโดดเดี่ยว รับมือกับทั้งงานและคน จนทำให้เธอหลงลืมตัวตนของตัวเองและคนรอบข้าง การท่องมัลติเวิร์สของเธอครั้งนี้จะทำให้เธอได้พบคำตอบบางอย่างของชีวิต รู้สึกยอมรับตัวเอง ยอมรับคนอื่น และรู้ว่าความสัมพันธ์เหล่านั้นมีค่าแค่ไหน
เข้าชิงออสการ์ครั้งที่ 95 ประจำปี 2023
รับชมได้ทาง : Apple TV
3
Little Women
สี่ดรุณี
(2019)
“ผู้หญิงมีความคิด มีจิตวิญญาณ เช่นเดียวกับที่มีหัวใจ
พวกเธอมีความทะเยอทะยาน มีความสามารถ เช่นเดียวกับที่มีความสวย
ฉันเบื่อเหลือเกินที่คนมักจะบอกว่าความรักเป็นสิ่งเดียวที่คู่ควรกับผู้หญิง”
โจ มาร์ช
ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึงสี่พี่น้องตระกูลมาร์ชที่เติบโตมาในเมืองคองคอร์ด รัฐแมสซาชูเซตส์ ในช่วงศตวรรษที่ 19 ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันจากปลายปากกา ลูอิซา เมย์ อัลคอตต์ (Louisa May Alcott) ที่ตีพิมพ์ในปี 1868
เม็ก โจ เอมี และ เบธ มาร์ช เป็นสี่พี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกัน พวกเธออาศัยอยู่กับแม่และสาวใช้ โดยที่พ่อไปเป็นทหารประจำการอยู่ที่เมืองอื่น แม้จะเป็นพี่น้องกัน ทว่าแต่ละคนนิสัยแตกต่างกัน เม็ก - พี่คนโตเป็นคนรักสวย รักงาม และชอบงานสังคม โจ - พี่คนรองเป็นนักเขียนหัวก้าวหน้าที่อยากทำตามความฝันของตัวเอง เอมี - น้องคนกลางเป็นเด็กร่าเริง ขี้อิจฉาและเฉลียวฉลาด ส่วนเบธ - น้องคนสุดท้อง แม้จะพูดน้อยแต่เล่นเปียโนเก่งที่สุดในบ้าน
สี่พี่น้องต่างมีเส้นทางชีวิตและความฝันของตัวเอง แต่สิ่งที่เชื่อมพวกเธอไว้คือสายใยแห่งครอบครัว ที่ช่วยเพิ่มพลังใจให้พวกเธอก้าวผ่านทุกอุปสรรคไปได้
ภาพยนตร์เล่าเรื่องอย่างเรียบง่ายผ่านความสัมพันธ์หลากรูปแบบทั้งครอบครัว พี่-น้อง และหนุ่ม-สาว ชวนเข้าใจมุมมองผู้หญิงในศตวรรษที่ 19 ที่มีต่อความรัก ความสัมพันธ์ การงาน และตัวตนของพวกเธอ
เข้าชิงออสการ์ครั้งที่ 92 ประจำปี 2020
รับชมได้ทาง : Netflix / Amazon Prime Video
4
Lady Bird
เลดี้ เบิร์ด
(2017)
“ฉันตั้งชื่อให้ตัวเอง ชื่อถูกมอบให้ฉัน โดยตัวฉันเอง”
เลดี้ เบิร์ด พูดถึงชื่อเล่นที่เธอตั้งเอง
เรื่องนี้พาเราย้อนไปยังปี 2002 ในตอนที่ ‘เลดี้ เบิร์ด’ หรือ คริสติน แม็คเฟอร์สัน ยังเป็นนักเรียน ม.ปลาย อยู่ในเมืองแซคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนีย ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ เกรตา เกอร์วิก (Greta Gerwig) เขียนบทและกำกับเองโดยอ้างอิงจากชีวประวัติของเธอ
เลดี้เบิร์ดคือเด็กสาวที่เป็นตัวของตัวเองสูงและมีความทะเยอทะยาน แม้จะดำเนินเรื่องโดยวัยรุ่นมัธยมปลาย แต่กลับต่างจากหนัง Coming of Age เรื่องอื่น ๆ เพราะเรื่องเพศ ตัวตน และค่านิยมของสังคมถูกเล่าผ่านมุมมองของผู้หญิงออกมาได้จริงใจที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง
เรื่องนี้พาเราไปสำรวจความคิดและชีวิตของเด็กวัยรุ่นผู้หญิงผ่านความสัมพันธ์แบบต่าง ๆ ทั้งกับแม่ เพื่อน และแฟนหนุ่ม ความคิดขบถของเลดี้เบิร์ดอาจทำให้เด็กสาวหรือผู้หญิงที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้มั่นใจกับความแตกต่าง มีพลังที่อยากจะปฏิวัติค่านิยมเดิม ๆ และสบายใจได้ว่าการจะเป็นเด็กสาวที่เป็นตัวเองสูงอย่างเลดี้เบิร์ดนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เราไม่ได้แปลกแยกอยู่คนเดียว
เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 90 ประจำปี 2018
รับชมได้ทาง: Amazon Prime Video / Apple TV / Google Play Movie & TV
5
The Help
คุณนายตัวดี สาวใช้ตัวดำ
(2011)
“ไม่มีใครเคยถามว่าฉันรู้สึกอย่างไรที่ฉันเป็นฉัน
ครั้งหนึ่งฉันได้เล่าความจริงเหล่านั้นออกไป และนั่นทำให้ฉันเป็นอิสระ”
เอบิลีน คลาร์ก
เรื่องราวมิตรภาพ ความสัมพันธ์ที่ทั้งเจ็บปวด อบอุ่น และงดงาม ระหว่างสาวใช้ผิวสีกับคุณนายผิวขาว ในปี 1963 ดัดแปลงมาจากนวนิยายของแคทเธอรีน สต็อกเกตต์ (Kathryn Stockett) ตีพิมพ์ในปี 2009
เอบิลีน คลาร์ก และ มินนี่ แจ็กสัน เป็นหนึ่งในบรรดาสาวใช้ผิวสีทำงานอยู่ในบ้านของคนขาวในรัฐมิสซิสซิปปี ในยุคนั้นชาวอเมริกันยังคงแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติกับคนผิวสี และตามมาด้วยความรุนแรง สาวใช้หลาย ๆ บ้านต่างก็ต้องทนกับการกลายเป็นพลเมืองชั้นสองที่ยอมถูกเจ้านายกดขี่ เอาเปรียบและเหยียดหยาม ในขณะเดียวกันอีกหลาย ๆ บ้านความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและสาวใช้ก็เริ่มก่อตัวเป็นมิตรภาพที่สวยงาม
ยูจีเนีย ‘สกีเตอร์’ ฟีแลน ในวัย 23 ปีก็เหมือนกับคนขาวทั่ว ๆ ไป ที่เติบโตมากับพี่เลี้ยงผิวสี เธอแตกต่างจากคนอื่นก็ตรงที่เธอรักและนับถือพวกเขาเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่ง เธอจึงได้แรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือเล่าเรื่องจริงที่สาวใช้ผิวสีต้องเจอ เอบิลีนและมินนี่เป็นสองคนแรกที่ยอมเปิดใจเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้สกีเตอร์ฟัง และหลังจากนั้นหนังสือเล่มนี้ก็เปลี่ยนชีวิตพวกเธอไปตลอดกาล
เรื่องราวของสาวใช้ผิวสีในเรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของผู้ถูกกดขี่ ทำให้เห็นถึงความอยุติธรรม ความไม่เท่าเทียมที่สาวใช้ผิวสีต้องเผชิญ เห็นถึงพลังของผู้หญิงผิวสีที่กล้าสู้เพื่อความยุติธรรม ทำให้ผู้ชมอมยิ้ม เอาใจช่วย และเสียน้ำตาไปกับพวกเธอ
เข้าชิงออสการ์ครั้งที่ 84 ประจำปี 2012
รับชมได้ทาง : Disney+ / Apple TV