เปิดเพลลิสต์ Music for Work ชวนฟังเพลงที่ช่วยให้ผ่อนคลายและทำงานได้ Productive

31 May 2023 - 8 mins read

Art & Culture / Entertainment

Share

เชื่อไหมว่า? การนั่งทำงานท่ามกลางความเงียบสงัด จนได้ยินแค่เสียงหายใจกับเสียงกดแป้นพิมพ์ กลับทำให้ใครหลายคนทำงานไม่ได้

 

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความไม่คุ้นชินกับความเงียบ ซึ่งทำให้หัวไม่แล่นและคิดงานไม่ออก แตกต่างจากตอนที่ได้เปิดเพลงคลอหรือพอมีเสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมงานที่ไม่ดังจนเกินไปอยู่รอบข้าง เสียงเหล่านี้เอง ไม่เพียงตอกย้ำถึงบรรยากาศการทำงาน แต่ยังช่วยให้คนที่ไม่ชอบความเงียบสามารถนั่งทำงานได้อย่างราบรื่น

 

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า เสียงเพลงที่คนทำงานเลือกเปิดฟังกำลังทำหน้าที่คล้ายกับ ‘Music Therapy’ หรือ ‘ดนตรีบำบัด’ ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเคร่งเครียดและความกดดัน ยิ่งได้ฟังเพลงที่ชอบด้วยล่ะก็ จะยิ่งคิดงานได้ รู้สึกสนุก และทำงานเสร็จเร็วขึ้นกว่าเดิม

 

LIVE TO LIFE ได้คัดเลือกดนตรีต่างรูปแบบให้เข้าสไตล์การทำงานที่หลากหลายของแต่ละคน รับรองว่าหากเปิดฟังระหว่างทำงาน จะช่วยให้เกิดแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ทำงานได้อย่าง Productive และเต็มที่กับชีวิตการทำงานได้อย่างมีความสุข 

 

 

ทำงานสร้างสรรค์ที่ใช้หัวคิด

ต้องฟัง ‘เพลงคลาสสิก’

 

หลายคนมักจะเข้าใจว่าเพลงคลาสสิกคือยานอนหลับขนานดี แค่เริ่มฟังไปไม่เท่าไหร่ ก็ชวนง่วงเหงาหาวนอนได้ง่าย ๆ นั่นเป็นเพราะเสียงโน้ตที่บรรเลงโดยเครื่องดนตรีคลาสสิก โดยเฉพาะเสียงสะท้อนจากสายของแกรนด์เปียโน จะช่วยปรับอารมณ์ให้คนฟังรู้สึกถึงความสงบนิ่ง หากฟังเพลงคลาสสิกโดยไม่ได้ทำอะไรอยู่เลย ท้ายที่สุดคนฟังจะผล็อยหลับไป ถือเป็นเคล็ดลับสำหรับผ่อนคลายตัวเองวิธีหนึ่ง

 

แต่สำหรับคนทำงานที่ฟังเพลงคลาสสิกควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะผลงานประพันธ์ของ ‘โมสาร์ท’ (Mozart) นอกจากความเพลิดเพลิน ซึ่งช่วยให้ทำงานต่อไปได้เรื่อย ๆ โดยไม่รู้สึกเป็นกังวลหรือกระวนกระวายใจแล้ว เพราะเพลงคลาสสิกมีแต่ดนตรีบรรเลง ไม่มีเนื้อร้องคอยรบกวนสมาธิ ทำให้ยิ่งจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าได้นานกว่าปกติ

 

อีกสิ่งสำคัญที่คนทำงานจะได้รับจากเพลงคลาสสิกก็คือ ช่วยกระตุ้นให้เกิดความคิดที่เรียกว่า Divergent Thinking หมายถึง การคิดนอกกรอบเพื่อสร้างสิ่งใหม่ เน้นหาวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาที่มีความท้าทายและพัฒนาผลงานให้ดีกว่าเดิม โดยใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ถึงความเป็นไปได้ใหม่ ๆ เพลงคลาสสิกจึงเหมาะกับคนทำงานสร้างสรรค์ที่ต้องใช้หัวคิดตลอดเวลา

 

เพลลิสต์ : เพลงคลาสสิกที่แนะนำให้ฟัง

(1) Sonata for Two Pianos in D major, K. 448

(2) Piano Concerto No. 23

(3) Sonata in C, K. 545, Allegro

(4) Eine kleine Nachtmusik, K. 525

(5) Symphony No. 29 A Major K. 201

 

 

ทำงานเครียดจัดจนสมาธิไม่อยู่กับตัว

ต้องฟัง ‘เสียงธรรมชาติ’

 

ไม่ว่าใคร หากทำงานหนักแล้วต้องการพักให้หายเหนื่อย เชื่อเถอะว่า ‘ธรรมชาติ’ ช่วยเยียวยาได้เสมอ ขนาดดวงตาที่อ่อนล้าหลังจากจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์มาทั้งวัน คุณหมอยังแนะนำให้พักสายตา โดยหันมองต้นไม้ใบหญ้าหรืออะไรก็ตามที่มีสีเขียว จึงเป็นเรื่องเข้าใจได้ทันที หากเสียงธรรมชาติจะช่วยให้คนทำงานเคร่งเครียดที่สมาธิไม่อยู่กับตัว รู้สึกสงบและผ่อนคลายในคราวเดียวกัน เหมือนได้นั่งปล่อยใจอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่นและปลอดภัย

 

เสียงตามธรรมชาติ หรือ Nature Sounds ไม่ใช่เสียงรบกวนน่ารำคาญอย่างเสียงเครื่องจักรในโรงงาน แต่ถือเป็น White Noise หรือเสียงในช่วงความถี่ปกติที่หูคนเราสามารถรับรู้ได้ ซึ่งอยู่ระหว่าง 10-50 เดซิเบล และดังต่อเนื่องสม่ำเสมอเป็นระยะเวลานาน เช่น เสียงฝนตกกระทบใบไม้ผืนหญ้าหรือพื้นดิน เสียงต้นไม้สูงเสียดสีกันเพราะแรงลมพัด เสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่ง

 

การฟังเสียงธรรมชาติขณะทำงาน จะช่วยเสริมสร้างสมาธิให้คนทำงานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคนที่ต้องการสมาธิสูงแต่กำลังเครียดจัดจนทำงานต่อไม่ได้ เมื่อเสียงธรรมชาติไปได้สักพัก จะรู้สึกว่าความตึงเครียดทั้งหมดจะทุเลาเบาลง กลายเป็นความรู้สึกสบายและอารมณ์ดี สามารถจัดลำดับความคิดให้เป็นระเบียบ รู้ว่าอะไรควรทำก่อนหลัง ไม่หุนหันพลันแล่นด่วนตัดสินใจจนขาดความรอบคอบ 

 

เพลลิสต์ : เสียงธรรมชาติที่แนะนำให้ฟัง

(1) เสียงน้ำลำธารไหล

(2) เสียงฝนตกพรำ ๆ

(3) เสียงนกร้องก้องป่า

(4) เสียงลมพัดผ่านทุ่งหญ้า

(5) เสียงคลื่นทะเล

 

 

เสพติดเสียงจอแจ เพราะทำงานได้ลื่นไหล

ต้องฟัง ‘เสียงบรรยากาศ’

 

เคยสังเกตไหมว่า ทำไมหลายคนไม่ชอบนั่งทำงานที่บ้าน แต่เลือกแบกโน้ตบุ๊คหรือแท็บเล็ตออกไปนั่งทำงานใน Co-Working Space หรือร้านกาแฟที่มีคนเข้าออกร้านแทบตลอดเวลาแทน แม้หลายร้านจะมีโต๊ะและสิ่งอำนวยความสะดวกให้คนทำงาน เช่น มีปลั๊กให้ชาร์จแบต มีอินเทอร์เน็ตให้เชื่อมต่อได้ฟรี แต่ด้วยบรรยากาศจอแจภายในร้าน หากมองดูอย่างผิวเผินแล้วช่างไม่เหมาะกับการทำงานเอาเสียเลย

 

ทั้งที่ในความเป็นจริง Ambient Sound หรือ เสียงบรรยากาศ ซึ่งหาไม่ได้จากที่อื่น ๆ โดยเฉพาะที่บ้านอันเงียบสงบ แม้ใครจะมองว่าเป็นเสียงรบกวนที่ทำให้เสียสมาธิ แต่สำหรับคนทำงานที่เสพติดเสียงจอแจ กลับเป็นเสียงน่าฟังและโหยหาที่จะได้ยินระหว่างทำงาน เพราะช่วยให้ใช้ความคิดได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด ไม่เกิดอาการสมองเจอทางตันจนคิดงานไม่ออก หรือที่เรียกว่า Creative Block

 

ถึงอย่างนั้น คนทำงานประจำส่วนใหญ่ยังต้องเข้ามานั่งทำงานในออฟฟิศอยู่ดี ทำให้โอกาสที่จะได้นั่งทำงานในร้านกาแฟน้อยลงตามไปด้วย การเปิดเสียงบรรยากาศฟัง จึงเป็นหนทางที่ช่วยทดแทนความต้องการอยากฟังเสียงเหล่านี้จริง ๆ ได้ ในทางกลับกัน สำหรับคนที่เสพติดเสียงบรรยากาศในออฟฟิศ แต่ต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ ก็อาจเปิดเสียงบรรยากาศในออฟฟิศฟังแทน

 

เพลลิสต์ : เสียงบรรยากาศที่แนะนำให้ฟัง

(1) เสียงบรรยากาศในร้านกาแฟ

(2) เสียงบรรยากาศในห้องสมุด

(3) เสียงบรรยากาศในออฟฟิศ

(4) เสียงบรรยากาศในร้านอาหาร

(5) เสียงบรรยากาศให้ห้างสรรพสินค้า

 

 

ทำงานสะดุด ไม่ได้อย่างใจอยาก

ต้องฟัง ‘ดนตรี Lo-Fi’

 

‘Lo-Fi’ ย่อมาจาก Low Fidelity เมื่อแปลตรงตัวจะได้ความหมายว่า ความเที่ยงตรงต่ำ ซึ่งหมายถึงเพลงที่มีคุณภาพเสียงไม่ดี เกิดความผิดเพี้ยนสูงระหว่างบันทึกเสียงจากข้อจำกัดของอุปกรณ์อัดเสียงสมัยก่อน เสียงที่ได้จึงไม่ค่อยชัด คล้ายกับเพลงที่มีเสียงซ่าของคลื่นวิทยุสอดแทรกขึ้นมา ตรงข้ามกับเสียงเพลงคุณภาพสูงอย่าง ‘Hi-Fi’ หรือ High Fidelity ซึ่งใช้เทคโนโลยีบันทึกเสียงสมัยใหม่ ทำให้ได้เพลงที่ให้เสียงชัดเจนไร้ที่ติ

 

แต่ดนตรี Lo-Fi คุณภาพต่ำแบบนี้แหละ กลับมีประโยชน์กับคนทำงานเกินความคาดหมาย เพราะการเปิดดนตรี Lo-Fi ฟังขณะทำงาน จะช่วยผ่อนคลายเครียดและกระตุ้นความสนใจ รับมืองานที่มีความยากหรือซับซ้อนได้ จากที่เคยไม่มีสมาธิ ความคิดฟุ้งซ่านในหัวตีกันจนทำงานไม่ได้ กลายเป็นคนนิ่งขึ้น เรียบเรียงความคิดได้เป็นลำดับขั้นตอนจนเกิดความรู้สึกสบายใจ ทำให้สามารถนั่งทำงานได้อย่าง Productive โดยไม่รู้สึกว่ามีอะไรมารบกวนสมาธิ

 

ดนตรี Lo-Fi จึงเหมาะกับคนทำงานสะดุดบ่อย ขาดความต่อเนื่องในงาน หรือรู้สึกว่าทำงานไม่ได้อย่างใจอยากเพราะว่อกแว่กง่าย สมาธิไม่อยู่กับงาน เพราะไม่มีเสียงร้อง แถมยังเป็นดนตรีที่มีให้เลือกฟังหลากหลายแนวเพลง ทั้ง Jazz, Chill, Funk, Groovy รวมไปถึง Hip-Hop ทำให้ในปัจจุบัน ดนตรี Lo-Fi กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนทำงานและนักศึกษา

 

เพลลิสต์ : ดนตรี Lo-Fi ที่แนะนำให้ฟัง

(1) ดนตรี Lo-Fi แนวเพลง Hip-Hop

(2) ดนตรี Lo-Fi แนวเพลง Funk

(3) ดนตรี Lo-Fi แนวเพลง Jazz

(4) ดนตรี Lo-Fi แนวเพลง Groovy

(5) ดนตรี Lo-Fi แนวเพลง Chill

 

 

อยากทำงานเสร็จไว มั่นใจเป็นที่หนึ่ง

ให้ฟัง ‘เพลงโปรด’

 

ถ้าให้เลือกฟังเพลงได้ตามใจ เชื่อว่าทุกคนต้องเลือกเปิดฟังแต่เพลงที่ตัวเองชอบ อาจเป็นเพลงเร็ว เพลงช้า หรือมีทั้งเพลงช้าและเร็วผสมกันก็ยังได้ เพราะการได้ฟังเพลงที่คุ้นเคยอย่างดี ไม่เพียงช่วยเปลี่ยนการทำงานที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายให้กลายเป็นเรื่องสนุกและเพลิดเพลินได้ทันที แต่ยังกระตุ้นให้ตื่นตัวอยู่ตลอด รู้สึกมีพลังงาน มีความสุข และเสริมสร้างความมั่นใจ ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้ทำงานได้อย่าง Productive และเสร็จงานเร็วขึ้น

 

หากเป็นเพลงโปรดที่มีเนื้อร้อง ก็ไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคระหว่างทำงาน เพราะความชอบที่มีต่อเพลงนั้น ๆ จะทำให้สมองเปลี่ยนการรับรู้ว่า นี่คือเพลงโปรดที่ต้องการฟังอยู่ก่อนแล้ว หลายคนอาจร้องหรือฮัมเนื้อไปตามเพลงที่เปิดฟังด้วย เพลงโปรดจึงไม่ใช่เพลงนอกเหนือความสนใจที่สร้างเสียงหนวกหูและความรำคาญจนไม่เป็นอันทำงาน

 

คนทำงานส่วนใหญ่มักจะเลือกเปิดเพลงโปรดฟังระหว่างทำงานมากที่สุด เพราะเป็นเพลงที่ชื่นชอบส่วนตัว ทำให้ฟังได้บ่อยโดยไม่เคยรู้สึกเบื่อ ส่วนการจัดเพลลิสต์เพลงโปรดสำหรับทำงานให้ตัวเอง แนะนำให้ปรับเปลี่ยนลำดับเพลงอยู่เสมอ อาจปรับทุกเดือนให้มีทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่ เพื่อสร้างความรู้สึกสดใหม่ขณะเปิดฟัง สามารถนำหลักการนี้ไปใช้จัดเพลลิสต์เพื่อออกกำลังกายได้เหมือนกัน 

 

 

อ้างอิง

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...