

ชวน ‘อูน’ ชนิสรา วงศ์ดีประสิทธิ์ เล่นเกม 20 คำถามที่ทำให้รู้จักเธอมากขึ้นกว่าเดิม
Better Life / People
28 Mar 2023 - 10 mins read
Better Life / People
SHARE
28 Mar 2023 - 10 mins read
จำครั้งแรกที่คุณเริ่มรู้จักกับ อูน - ชนิสรา วงศ์ดีประสิทธิ์ ได้ไหม?
ก่อนหน้านี้ หลายคนรู้จักอูนในฐานะเจ้าของไดมอนด์เกรนส์ แบรนด์ธุรกิจแรกของเธอที่ประสบความสำเร็จอย่างมากและยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเสมอมา แต่หลายปีให้หลัง อูนท้าทายตัวเองด้วยบทบาทใหม่ที่แตกต่างออกไป เธอเป็นทั้งครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ให้ตัวเธอเอง อูนมักจะถ่ายคลิปอัปเดตชีวิตและไลฟ์สไตล์ประจำวันลงในช่องโซเชียลมีเดีย เพื่อให้คนได้ตามติดความเคลื่อนไหวและคอยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับลูกค้าที่ใช้สินค้าของเธอ
ชื่อของอูนจึงมีคำสร้อยที่สื่อถึงความเป็นเธอผ่านภาพจำที่แต่ละคนรู้จักตามมาด้วยเสมอ ทั้ง ‘อูน ไดมอนด์เกรนส์’ เพราะเธอเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย และ ‘อูน TheChanisara’ เป็นคนโซเชียลที่มีคนจำนวนมากกดติดตาม ‘อูน สาวกดิสนีย์และแฮร์รี่ พอตเตอร์’ เพราะสื่อถึงความชอบและความคลั่งไคล้ที่บ่งบอกความเป็นเธอได้ดีที่สุด นอกจากนี้ ‘อูน เฮอร์ไมโอน้อง’ เพราะเป็นผลงานเพลงแรกในชีวิตที่เธอตั้งใจทำ แล้วผลลัพธ์ที่ออกมาก็กลายเป็นเพลงดังติดหูทันทีตั้งแต่ฟังครั้งแรก
การเป็นคนมากบทบาท ย่อมเป็นคนมากประสบการณ์ชีวิตหลายแง่มุม LIVE TO LIFE จึงชวนอูนมาเล่นเกมถามตอบ 20 คำถาม ซึ่งไม่เพียงทำให้เราทุกคนรู้จักเธอมากขึ้นกว่าเดิม แต่เชื่อว่าทุกคำตอบจะแปรเปลี่ยนเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนเลือกใช้ชีวิตและได้เรียนรู้ไปพร้อมกับเธอ
1. ทำไมถึงชื่อเล่นว่า ‘อูน’ และชื่อจริงว่า ‘ชนิสรา’
“เป็นคำถามที่เราเฝ้าถามคุณพ่อคุณแม่มาตลอด แต่ได้คำตอบไม่เคยเหมือนกันเลย (หัวเราะ) เอาเป็นว่า คำตอบที่ส่วนตัวชอบที่สุดคือ ถ้าเขียนชื่อ ‘อูน’ ด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ จะไม่ได้สะกดว่า OUN แต่เป็น UNE ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสจะใช้คำนี้นำหน้าคำนามเพศหญิง นี่คือที่มาของ TheChanisara เป็นชื่อที่เราใช้ตั้งในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ถ้าจะให้ถูกต้องตามแกรมม่าควรเป็น a แต่เราชอบ The มากกว่า เพราะสื่อถึงตัวเราที่มีคนเดียวหนึ่งเดียว”
“ส่วนชื่อจริง ‘ชนิสรา’ แปลว่า เจ้าแห่งคน ตอนแรกที่รู้ความหมายก็สงสัยเหมือนกันว่า คุณพ่อคุณแม่เลือกชื่อนี้เพราะอะไรกันนะ น่าจะอยากให้ลูกได้เป็นเจ้าคนนายคน แต่เอาเข้าจริง เราอยากเป็นแค่คนที่ถูกรักคนหนึ่งเท่านั้นแหละ”
2. จำได้ไหม อะไรคือความฝันของ ด.ญ.ชนิสรา
“อูนจำได้ว่าเป็นคนฝันเล็ก ๆ ไม่ได้เป็นเด็กฝันยิ่งใหญ่หรืออยากได้อะไรที่ไกลตัวมาก ๆ ถึงตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ คือฝันแต่สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว เพราะอูนเป็นคนชอบสังเกตความสุขที่เกิดขึ้นรอบตัวในทุก ๆ วันมาตั้งแต่เด็ก อะไรทำให้เรามีความสุข หรือเวลาเราได้ทำอะไรแล้วมีความสุข ก็อยากได้สิ่งนั้น”
3. คิดว่าตัวเองเป็นตัวละครตัวไหนในจักรวาลดิสนีย์
“เราชอบ ‘จัสมิน’ จากเรื่องอะลาดินที่สุด คิดว่าระหว่างความเป็นจัสมินกับความเป็นอูน มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เหมือนกัน เราคิดเห็นตรงกัน เราเลือกทำสิ่งเดียวกัน วัยเด็กของจัสมินถูกตีกรอบค่อนข้างเยอะ ทั้งจากครอบครัวและสังคม ส่วนตัวอูนเอง ไม่เคยถูกตีกรอบจากครอบครัว แต่อูนเชื่อว่าทุกคนเป็นเหมือนจัสมินตรงที่ใช้ชีวิตอยู่ในเงื่อนไขหรือข้อจำกัดบางอย่าง ทำให้ไม่มีอิสระทำตามที่ใจต้องการได้ทุกอย่าง กลายเป็นว่าบางครั้งการยกมือค้านหรือเห็นต่างออกไป กลับเป็นเรื่องต้องห้าม ซึ่งจัสมินกับอูนต่างก็เป็นคนที่พยายามก้าวข้ามและเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้”
4. รีวิวชีวิตตัวเองในหนึ่งวัน อูนทำอะไรบ้าง
“โห ทำเยอะมาก (เน้นเสียง) หลังจากตื่นนอนตอนเช้า ก็จะเข้าแชตงานดูว่ามีเรื่องอะไรต้องจัดการ ต้องรีบแก้ปัญหาบ้าง พอเคลียร์เสร็จ จะไล่ตอบแชตที่ลูกค้าส่งเข้ามาในช่องทางต่าง ๆ แล้วก็ใช้ชีวิตไปตามแผนของวันนั้น ๆ ถ้าไม่มีนัดเลย ก็จะอยู่บ้านทำโน่นนี้ไปเรื่อย”
“ส่วนเรื่องงาน อูนเป็นคนทำงานที่บ้านเพราะคล่องตัวกว่า ยิ่งวันไหนงานเยอะ จะไม่กินข้าวกลางวันเลย ไว้กินมื้อเย็นทีเดียว ไม่ใช่อะไรนะ กลัวตัวเองง่วงตอนบ่าย (หัวเราะ) ตกเย็นจะเป็นเวลาเช็กสินค้าแต่ละแบรนด์ ตรวจดูความเรียบร้อยให้เสร็จ หลังจากเคลียร์งานทั้งวันครบแล้ว อูนจะเคลียร์สมองตัวเองด้วยการเรียบเรียงความคิดว่าวันนี้ทำอะไรไปบ้าง เกิดอะไรขึ้นบ้าง รู้สึกยังไง ตามตัวเองให้ทันแล้วค่อยเข้านอน”
5. ตอนนี้อูนดูแลธุรกิจอยู่กี่แบรนด์
“อูนมีธุรกิจที่ดูแลอยู่ 7 แบรนด์ (1) Diamond Grains แบรนด์กราโนล่าคลีนเจ้าแรกในไทย (2) Moleculogy แบรนด์ที่ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์มาปรุงโมเลกุลที่ดีเพื่อบำรุงความงามให้ผิว สมอง และสุขภาพภายใน (3) Aurora’s Potion แบรนด์ที่จะใช้พืชและคุณค่าที่ได้จากพืช ทั้งสมุนไพรไทยและพืชต่างประเทศ มาทำเครื่องดื่มและของใช้เพื่อดูแลตัวเอง (4) ผักฉ่ำ คำหอม แบรนด์อาหารดิลิเวอรี ขายเฉพาะอาหารคลีนแบบมังสวิรัติ ไม่ใส่ผงชูรส แล้วก็มีน้ำผักผลไม้สมุนไพรสกัด (5) Home To My Heart แบรนด์เสื้อที่ทอและตัดเย็บด้วยผ้าฝ้ายออแกนิค 100% (6) Bekin แบรนด์อาหารคีโตที่ผลิตและขายที่อเมริกา (7) Serious Snack แบรนด์ขนมที่ทำกับ พี่แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์”
6. อะไรคือสิ่งที่ทำให้อูนตัดสินใจเริ่มต้นทำธุรกิจแรก
“พี่แพ็คค่ะ (วุฒิกานต์ วงศ์ดีประสิทธิ์ - สามี) อย่างที่บอก เพราะอูนเป็นคนที่ไม่ได้มีความฝันยิ่งใหญ่อะไร แค่เป็นคนชอบทำงานให้ดี วันหนึ่งเขาให้โจทย์เรามาว่า เขาอยากทำธุรกิจ อูนก็เลยคิดหาวิธีว่า ทำยังไงให้เราสองคนได้เป็นนักธุรกิจร่วมกัน แล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ด้วย แบรนด์แรกเลยเกิดจากตรงนี้”
7. คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงเก่งไหม
“ผู้หญิงทุกคนเก่งหมด เพราะทุกคนเกิดมาเพื่อแก้ปัญหา หลาย ๆ ครั้งก็ไม่ใช่ปัญหาของตัวเองอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาของคนอื่นที่เราต้องช่วยแก้ ชีวิตในแต่ละวันเลยไม่เคยง่าย อูนเชื่อว่าทุกคนพยายามเต็มที่เพื่อทำให้ชีวิตดำเนินไปได้อย่างราบรื่นที่สุด อูนไม่รู้จะเรียกตัวเองว่าผู้หญิงเก่งได้ไหม แต่ถ้ามีประสบการณ์อะไรที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วคิดว่าเป็นประโยชน์กับทุกคน อูนไม่เคยรู้สึกลังเลเลยที่จะแชร์ เพราะอยากให้ทุกคนผ่านมันไปได้เหมือนกัน”
8. ถ้าให้รางวัลตัวเองได้ในตอนนี้ จะให้อะไรกับตัวเอง
“ไปอเมริกา อูนไปที่นั่นเพื่อฮีลใจตัวเองตลอด เพราะเป็นที่ที่ทำให้อูนเข้าใจว่า เราเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่คนเยอะขนาดนั้น มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมก็จริง แต่มนุษย์เกิดมาเพื่อมี Individuality มีความเป็นตัวเอง การได้เป็นตัวเองทำให้เรารู้สึกมีพลัง มีขีวิตชีวามาก ๆ”
“ทุกครั้งที่ได้กลับไปอเมริกา รู้สึกว่าได้พักใจ ได้เป็นตัวเองเต็มที่ แล้ววิธีการแสดงออกของคนที่นั่นก็น่ารัก อูนคิดถึงเวลาเดินเข้าลิฟต์แล้วเขาพูดทักทาย Good Morning หรือเวลาเราใส่เสื้อตัวเก่งแล้วเขาชมว่าเสื้อสวย อูนพยายามเอาแบบนิสัยนั้น เวลาเจอใครจะทักทายและพูดชมเขาก่อนเลย แต่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกันเท่าไหร่ เพราะสังคมเราไม่ได้กล่าวชมกันเป็นปกติ แต่อูนรู้สึกว่า ในเมื่อเราเห็นว่าสวย แล้วทำไมเราต้องเก็บไว้ในใจด้วยล่ะ ชมไปเถอะ เพราะเวลาได้ยินคำชม เชื่อว่าเขาก็จะยิ่งรู้สึกดีกับตัวเองด้วย ทำให้เขามั่นใจในการเป็นตัวของตัวเอง”
9. แรงบันดาลใจของอูนในการทำสิ่งต่างๆ ก่อเกิดขึ้นจากอะไร
“ปัญหาของลูกค้าเป็นแรงบันดาลใจที่ดีที่สุด ทำให้อูนอยากทำธุรกิจและคิดสินค้าใหม่เรื่อย ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาของลูกค้า”
“ถ้าเป็นสมัยก่อน แรงบันดาลใจคงเป็นความอยากได้เงินและอยากมีชีวิตมั่นคง อูนตั้งใจทำงานเพื่อหาเงินเยอะ ๆ จนกลายเป็นรู้สึกเหนื่อยมาก ๆ แล้วอูนก็ได้ค้นพบทีหลังว่า ในเมื่อความอยากมีเงินและมีชีวิตที่มั่นคงของเรา ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้ใครเลย คงจะมีใครอยากเอาเงินมายื่นให้เฉย ๆ หรอกนะ”
“แต่การเป็นนักธุรกิจที่ทำหน้าที่แก้ปัญหาให้ลูกค้าผลิตสินค้าอะไรก็ได้ที่ทำให้ลูกค้ามีชีวิตที่ดีขึ้น จะทำให้ทั้งเราและลูกค้าได้ในสิ่งที่ต้องการ เราต้องรู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ เพื่อแก้ปัญหาให้ลูกค้าเรื่องอะไร ปัญหาของลูกค้าจึงเป็นทั้งแรงบันดาลใจและแรงผลักดันที่ดีที่สุดให้อูนทำทุกสิ่ง”
10. ‘ทำในสิ่งที่รัก’ กับ ‘รักในสิ่งที่ทำ’ อูนเลือกอย่างไหน
“เลือกทั้งสองอย่าง เพราะ Purpose กับ Passion ต้องมาด้วยกัน แล้วอูนก็สามารถทำไปพร้อมกันได้”
“Purpose คือตัวงาน ส่วน Passion คือความชอบ เป็นกิเลสที่อยากทำแต่ไม่คาดหวังว่าจะได้เงินจากการทำตรงนี้ พอตัดเรื่องเงินออกไป เลยรู้สึกสนุกมาก เพราะถ้าเอา Passion มาหาเงิน อูนเชื่อว่าตัวเองจะไม่เหลือความชอบและความสนุกอะไรเลยในชีวิต”
“แต่สิ่งที่สำคัญกว่า ‘ทำในสิ่งที่รัก’ และ ‘รักในสิ่งที่ทำ’ คือการทำตามโจทย์ที่เราได้รับ หรือทำให้ได้ตามเป้าที่วางไว้ เพราะสิ่งที่คนทำธุรกิจอยากได้มากที่สุดคือเงิน แต่เวลาทำงานเราแค่อย่าลืมใส่ความสนุกลงไปด้วย”
11. อะไรคือสิ่งที่อูนอยากบอกกับคนที่กำลังพยายามทำอะไรสักอย่างจากความชอบหรือความสนใจ
“ถ้าคิดจะทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ต้องระวังสองเรื่องนี้ คือ ‘เงิน’ กับ ‘ใจ’ เงินถึงใจไม่ถึงทำไม่ได้ ใจถึงเงินไม่ถึงทำไม่ได้ ต้องพร้อมทั้งเงินและใจ ดูแลสองสิ่งนี้ให้ดีตลอดเวลาที่ทำธุรกิจ”
“โดยเฉพาะเงิน ให้เอาเงินเย็นมาทำ อย่าเอาเงินเดือนหรือเงินเก็บทั้งชีวิตทั้งหมดมาทำ อย่าเอาเงินที่หากหมดไปแล้วจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนมาทำ ถ้าไม่พร้อมก็ทำให้พร้อมก่อน ไม่อย่างนั้นจะเสี่ยงมาก โอกาสที่ธุรกิจจะประสบความสำเร็จถึงขั้นคืนทุนและกำไรได้ มันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายอย่างที่ทุกคนคิด ส่วนคนที่มีพร้อมทั้งเงินและใจ ก็ลงมือได้ทำเลย ไม่ว่าใครจะพูดยังไงเราไม่ต้องสนใจ แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ง่ายและเหนื่อยสุด ๆ นี่คือความยากของการทำธุรกิจ”
“ที่บอกกันตรง ๆ แบบนี้ เพราะอูนเป็นคนมองโลกตามความเป็นจริง แต่หลายคนมักจะเข้าใจว่าเราเป็นคนมองโลกแง่บวก อูนแค่อยากจะบอกว่า เพราะอูนมองโลกตามความเป็นจริง ถึงมองโลกแง่บวกได้ ไม่อย่างนั้น ถ้าหากอูนวิ่งอยู่กลางทุ่งลาเวนเดอร์โดยไม่ได้มีความเข้าใจโลกเลย สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือความเจ็บปวด เพราะโลกความเป็นจริงไม่ได้สวยงามอย่างที่เราอยากให้เป็น”
12. อะไรคือสิ่งที่อูนได้รับกลับคืนจากความตั้งใจทำธุรกิจควบคู่กับทำสิ่งที่รัก
“ทำให้อูนเจอเป้าหมายในชีวิต ก่อนหน้านี้เราอยู่ด้วยความสนุกทำงานไปวัน ๆ มานานมาก จนเพิ่งมารู้ตัวทีหลังว่า สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันส่งผลไปยังคนอื่น ๆ ด้วย ทั้งคนที่ซื้อสินค้าไปใช้ และคนที่ติดตามเรา เขามักจะกลับมาบอกว่า ชีวิตเขาดีขึ้นและมีความสุขจากสิ่งที่อูนทำ นี่คือการค้นพบที่ทำให้ชีวิตของอูนมีความหมายและมีคุณค่ามาก ๆ พอโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น อูนไม่ได้อยากทำอะไรเพื่อให้คนมารุมรักเราเหมือนตอนที่ยังเป็นเด็ก แต่เราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ใครก็ตามมองกระจกแล้วรู้สึกรักตัวเองมากขึ้น สิ่งนี้ทำให้อูนทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ”
13. ถ้ามีโอกาสได้ส่องกระจกวิเศษในเรื่องสโนว์ไวท์ อูนจะถามอะไร
“อาจจะเป็นคำตอบที่คิดไม่ถึงนะ แต่อูนอยากรู้จริง ๆ ว่า พระพุทธเจ้าองค์ใหม่ใกล้เกิดหรือยัง ถ้ามีโอกาสก็อยากเจอท่านสักครั้ง แต่ชีวิตนี้คงไม่ได้เจอหรอก ขอเจอในชาติภพอื่น ๆ แทน แค่คิดก็รู้สึกว่าน้ำตาจะไหลออกมา เพราะคำสอนของท่านทำให้อูนเองผ่านอะไรไปได้เยอะมาก”
14. เมื่อรู้สึกทุกข์หรือไม่สบายใจ อูนทำอะไรเป็นอย่างแรก
“สิ่งที่ทำแต่ก่อนคือ อดทนอย่างเดียว เพราะอูนเคยคิดมาตลอดว่า เราห้ามอ่อนแอเด็ดขาด ต้องเข้มแข็งเข้าไว้ เราไม่มีสิทธิ์ที่จะทุกข์ด้วยซ้ำ แต่พอมาถึงจุดหนึ่ง ก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังฝืนธรรมชาติ เราคือมนุษย์คนหนึ่งนะ ดีใจได้ เสียใจได้ เข้มแข็งได้ อ่อนแอได้”
“อูนมีสติมากขึ้นเมื่อรู้จักจริงใจกับตัวเอง อูนได้หลักคิดนี้มาจากคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำให้คิดได้ว่า ปัญหาอาจไม่ได้เกิดจากเราเสมอไป แต่ความทุกข์เกิดจากเราเอง เพราะฉะนั้น เราจึงดับความทุกข์ได้ด้วยตัวเอง ทำส่วนของเราให้ได้ที่สุดก็พอ อะไรที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา แค่ยอมรับความเป็นไปของสิ่งนั้น”
15. ปณิธานหรือข้อคิดประจำใจที่อูนยึดถือมาตลอดคืออะไร
“(ร้องเพลง) Qué será, será
Whatever will be, will be
The future's not ours to see
Qué será, será
What will be, will be
Qué será, será”
“เป็นความสบายใจในชีวิตที่อูนเลือกคิดว่า อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ก่อนหน้านี้เคยเป็นคนยึดติดว่า ไม่ได้สิ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่ใจเราอยาก เราต้องมีความสุขตลอดเวลา แต่การเป็นคนแบบนั้น มันทำให้อูนยิ่งเป็นทุกข์และไม่มีความสุข ทุกวันนี้เลยเปลี่ยนเป็นคนที่คิดแค่ว่า อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เพราะเรามีหน้าที่ทำตอนนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้”
16. ทุกวันนี้ อูนนิยามตัวเองว่าอะไร
“A student. I’m always a student. อูนเป็นนักเรียนเสมอ ไม่เคยเรียนจบ และไม่มีวันหยุดเรียนด้วย ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ ชีวิตก็ไม่มีวันสำเร็จการศึกษา”
17. ทำไมชีวิตต้องเรียนรู้ตลอดเวลา
“ไม่อย่างนั้น ชีวิตของเราก็คงไม่มีความหมายอะไรเลย อย่างเวลาทุกข์ เราก็ต้องอยู่กับความทุกข์ไปตลอดอย่างนั้นเหรอ เราต้องเรียนรู้สิว่า จะจัดการความทุกข์ยังไงให้เก่งขึ้น มีความสุขให้เก่งขึ้นในทุกวัน แล้วถ้ามีโอกาสแบ่งปันสิ่งที่อูนได้เรียนรู้ไปยังคนอื่น ช่วยทำให้เขาใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นบ้าง ก็ถือว่าเราได้ทำสิ่งที่มีคุณค่ามากเลยนะ”
“แล้วการเรียนรู้ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำต่อเนื่องไม่มีหยุด เหมือนเวลาเรากำลังเรียนรู้วิชาใหม่ ช่วงแรกจะรู้สึกว่าตัวเองยังรู้แค่ผิวเผิน ผ่านไปสักระยะ จะเริ่มหลงคิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่าง แต่เมื่อใช้เวลาเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ จะตระหนักได้ทันทีว่า จริง ๆ แล้วเราไม่รู้อะไรเลย นี่แหละ คือเหตุผลที่ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต เราต้องไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว”
“อูนคิดเสมอว่า เราตัวเล็ก เราโง่ เราไม่รู้ เพราะมีเรื่องอีกตั้งเยอะแยะที่อูนไม่รู้ อย่างทุกวันนี้ อูนยังขับรถเองไม่เป็น เลยรู้สึกดีเวลาไปเจออะไรที่ทำให้เข้าใจตัวเองว่า เราไม่รู้ เพราะยิ่งทำให้อยากรู้ ตัวเองจะได้มีอะไรใหม่ทำเรื่อย ๆ”
18. ช่วงนี้เห็นอูนกำลังศึกษาเรื่องการปรุงกลิ่นจากพืชและสมุนไพร ถ้าเปรียบตัวเองเป็นกลิ่น คิดว่าอูนเป็นกลิ่นอะไร
“เชื่อไหม ทุกวันนี้เราชอบใช้น้ำหอมที่ให้กลิ่นอายมาสคูลีน (Masculine) หรือความเป็นผู้ชายมาก เลยคิดว่าตัวเองเป็นกลิ่นอะไรก็ได้ที่บ่งบอกความเป็นมาสคูลีนที่มีอยู่ในตัว เพราะตรงกับความเป็นอูนและเป็นกลิ่นที่ใช้บ่อยที่สุด แต่คนส่วนใหญ่ มักคาดไม่ถึงว่าอูนจะใช้กลิ่นผู้ชาย
“อูนรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนคาดเดายากและมีความหลากหลายทางเพศ แล้วกลิ่นมาสคูลีนก็บอกความเป็นอูนได้ โอเค! เราเป็นผู้หญิงมีสามี แต่ก็มีบางครั้งที่เราเห็นผู้หญิงแล้วรู้สึกชอบคนนี้จัง เลยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีความลื่นไหลกับหลาย ๆ เรื่องในชีวิต ไม่ใช่แค่เรื่องเพศ”
19. เห็นอูนชอบทุกอย่างในจักรวาลแฮร์รี่ พอตเตอร์มาก เคยคิดไหมว่า ถ้าได้สวมหมวกคัดสรรจะบอกให้หมวกส่งตัวเองไปอยู่บ้านหลังไหนในฮอกวอตส์
“ไม่พูดอะไรเลย อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ไม่ว่าจะได้ไปอยู่บ้านไหน อูนก็จะทำให้ดีที่สุด แต่ถ้าถามว่าอยากอยู่บ้านไหนที่สุด ก็ต้องเป็นบ้านกริฟฟินดอร์อยู่แล้ว เพราะอยากเป็นคนเก่งกล้าแบบพี่เฮอร์ไมโอนี่”
“ลองคิดเล่น ๆ นะว่า ถ้าอูนได้เข้าไปอยู่บ้านนี้ ก็อยากจะแข่งกับคนที่เก่งกล้าเหมือนกัน แต่ถ้าได้ไปอยู่บ้านฮัฟเฟิลพัฟ ก็คงจะรู้สึกว่า สู้หน่อยไหมทุกคน สู้บ้างเหอะ (เน้นเสียง) เป็นคนประเภทที่ว่า เราอยากมีเขาเป็นเพื่อน แต่ไม่ได้รู้สึกอยากแข่งกับเขา เพราะคนในบ้านฮัฟเฟิลพัฟไม่เคยคิดจะแข่งขันอะไรกันเองเลย”
“เอาเป็นว่า หมวกคัดสรรจะส่งให้อูนไปอยู่บ้านไหนก็ไม่สำคัญ เพราะไม่ว่าอยู่บ้านไหน อูนเชื่อว่าตัวเองจะอยู่บ้านหลังนั้นได้อย่างมีความสุข เพราะอูนรักทุกบ้านในฮอกวอตส์”
20. ถ้ามีโอกาสได้ใช้ Time-Turner ของเฮอร์ไมโอนี่ ย้อนเวลากลับไปได้ อูนจะกลับไปทำอะไร
“บอกไม่ได้ อูนขอเก็บไว้เป็นความลับ :D ”