

จากเคยทำงานในทุกขณะที่ตื่นอยู่ สู่ปีที่ ‘ฟรัง นรีกุล’ ตั้งเป้าในการเซตระบบใหม่ให้ชีวิต
Better Life / People
20 May 2025 - 7 mins read
Better Life / People
SHARE
20 May 2025 - 7 mins read
ท่ามกลางบรรยากาศของผู้คนมากหน้าหลายตาที่ต่างก็ยิ้มแย้มสดใส และล้วนแต่งกายในโทนสีขาว เทา และเขียว เข้ากันกับภาพรวมของคอนเซ็ปต์ในงานเปิดตัว ONE Surgery and Aesthetics คลินิกศัลยกรรมและความงามแห่งใหม่ล่าสุดบนถนนพระรามสี่ในย่านกล้วยน้ำไท
LIVE TO LIFE มีนัดกับ ฟรัง - นรีกุล เกตุประภากร ซึ่งเคยแจ้งเกิดในบท ‘ฟรัง ฮอร์โมนส์’ จากซีรีส์ Hormones วัยว้าวุ่น ที่บอกเล่าเรื่องราวหลากหลายแง่มุมของชีวิตวัยรุ่นวัยเรียน สอดรับกับวัยของฟรังในตอนนั้นที่กำลังเรียนชั้นมัธยมปลายและใฝ่ฝันอยากเป็นหมอ ซึ่งในที่สุดเธอก็สอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้สำเร็จ เรียนจบโดยคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 มาครอง และได้เป็นคุณหมอสมความตั้งใจ ต่อยอดมาสู่การได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ในการก่อตั้งคลินิกศัลยกรรมและความงามแห่งนี้ รวมถึงอีกหลากหลายงานที่คุณหมอคนขยันซึ่งมักนิยามตัวเองแบบติดตลกว่า “เป็นคนชอบหาทำ” อันเป็นที่มาที่ LIVE TO LIFE อยากพูดคุยกับหมอฟรังในเรื่องของศาสตร์แห่งการผสานงานกับชีวิตให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกันในแบบ Work Life Integration
“ONE Surgery and Aesthetics มีพาร์ทเนอร์ทั้งหมดห้าคน และทุกคนต่างก็มีส่วนในการทำงานแตกต่างกันออกไปตามความถนัด โดยฟรังอยู่ในวงการบันเทิงและคุ้นเคยกับการทำสื่อมาประมาณนึง เลยก้าวมารับผิดชอบด้านการตลาด เพราะคิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ กับอีกพาร์ตที่ทำคือ รับผิดชอบงานบริการ เช่น ติดต่อกับคุณหมอท่านอื่น ๆ ด้วยความที่เราเรียนหมอทำให้พอจะมี Connection อยู่บ้าง หรือเรื่องของตัวยาต่าง ๆ ที่ฟรังรับหน้าที่ดูแลในส่วนนี้ด้วย” หมอฟรังเริ่มต้นเล่าถึงธุรกิจล่าสุดของตัวเอง หลังจากที่เมื่อปีที่แล้ว เธอเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจใหม่ 2 อย่างภายในเวลาไล่เลี่ยกัน
“ธุรกิจแรกในชีวิตของฟรัง คือ ร้านสูท Ellis ที่ก่อตั้งเอง ทำเองทุกอย่าง เริ่มต้นจากความไม่รู้อะไรเลย ไม่มีทีมงาน มีแค่ช่างตัดสูท ที่เหลือทำเองทุกขั้นตอน ทั้งแพ็กของ ส่งของ มีคุณแม่คอยช่วยในบางขั้นตอนและดึงน้อง ๆ ที่ช่วยทำช่อง ‘เล่าให้ฟรัง’ มาช่วยงานบ้าง จนตอนนี้ร้านสูทเริ่มลงตัวมากขึ้น จ้างพนักงานมาดูแลร้านให้ แต่ฟรังก็ยังต้องดูภาพรวมทั้งหมดด้วยตัวเอง เพราะเรายังไม่แข็งพอที่จะจ้างคนระดับสูง ๆ หรือคนเก่งมาก ๆ เข้ามาช่วยงาน” คุณหมอในมาดนักธุรกิจสวม Green Vest ตัดเย็บเนี้ยบเข้ากันกับกางเกงสีเขียวเฉดเดียวกันจากแบรนด์ Ellis ของตัวเอง เล่าสนุกถึงธุรกิจแรกในชีวิตที่เธอรักมากเป็นพิเศษ
สำหรับอีกหนึ่งธุรกิจซึ่งมาออกบูธในงานเปิดตัวคลินิกความงามในวันนี้เช่นกัน ก็คือ Mooood แบรนด์น้ำผลไม้สุขภาพที่ Collab กับกาแฟได้อย่างลงตัว
“Moood เกิดจากความชอบของฟรังและเพื่อนที่มาร่วมกันเป็นหุ้นส่วนรวม 3 คน ฟรังรับผิดชอบเรื่องของหน้าบ้านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การตลาด การทำคอนเทนต์ในช่องทางโซเชียลต่าง ๆ คิดโปรโมชัน รวมถึงการ Collab กับแบรนด์อื่น ๆ เพื่อนอีกคนเป็นเชฟก็ดูแลด้าน R&D คิดสูตร และงานด้าน Corporate ต่าง ๆ”
ทำไมถึงสนใจทำธุรกิจ - LIVE TO LIFE สงสัย เพราะแค่เป็นหมอก็น่าจะงานยุ่งไม่เว้นแต่ละวัน
“อืม นั่นสิคะ” เธอนิ่งนึก “จริง ๆ แล้วฟรังชอบอิสระ ชอบคิดนอกกรอบ ชอบทำอะไรหลาย ๆ ส่วน ซึ่งการทำธุรกิจตอบโจทย์นี้ เวลาเราเจอ Pain Point หรืออยากแก้ปัญหาอะไรก็สามารถทำได้เลย เราได้ทำทั้งในส่วนของงานหน้าบ้านและหลังบ้าน ซึ่งฟรังอยากรู้ให้ครบทุกองค์ประกอบ หรืออาจจะด้วยพื้นฐานเติบโตมาในครอบครัวคนจีนเลยคุ้นเคยกับการค้าขายตั้งแต่เด็ก ซึ่งพอฟรังจะเริ่มทำธุรกิจของตัวเองก็ไม่ได้ปรึกษาใครในบ้าน แค่บอกว่าจะทำ ถ้ามีใครห้ามก็อาจจะฟังบ้างนิดหน่อย แต่สุดท้ายฟรังจะกลับมาคิดเองอยู่ดี หรือถ้าเราต้องการคำปรึกษาก็จะไปถามเขา แต่คนตัดสินใจหลักก็จะเป็นเราอยู่ดี ครอบครัวจึงเหมือนเป็นฝ่ายสนับสนุนฟรังมากกว่า เขาคอย Support ในทุกเส้นทางที่เราเลือกเสมอ”
หนึ่งงานหลักในฐานะหมอ กับการต้องดูแล 3 ธุรกิจใหม่ในมือ ยังไม่รวมการเป็น Content Creator ที่ผลิตคอนเทนต์สาระและบันเทิงให้ติดตามทางช่อง เล่าให้ฟรัง อย่างต่อเนื่องมานานกว่า 6 ปีแบบไม่มีพักและไม่เคยแผ่ว ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอบริหารเวลา 24 ชั่วโมงของแต่ละวันอย่างไร
“วันจันทร์ถึงศุกร์ฟรังจะประจำอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนพาร์ตของธุรกิจก็จะดูว่าวันไหนเราอยากโฟกัสอะไร เช่น ฟรังจะมีประชุมทุกวันอังคาร เราก็จะเซตไว้เลยว่าอังคารเช้าเป็นการประชุมกับฝ่าย HR (Human Resource) อังคารบ่ายประชุมด้านการตลาด ซึ่งก็มีการประชุมทั้งแบบออนไลน์และเจอหน้าเจอตัว ฟรังชอบการได้เจอกันมากกว่า เพราะรู้สึก Connect กันได้ดีกว่าการประชุมออนไลน์” กับอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ทำให้ตารางการทำงานชัดเจนอยู่ในหัวเสมอก็คือ ตั้ง Google Calendar เป็น Wallpaper บนหน้าจอสมาร์ทโฟน
“หน้าตาของ Google Calendar จะคล้าย ๆ ตารางเรียนสมัยเด็ก เราจะได้ไม่ต้องเปิดเข้าไปดูให้ยุ่งยาก แค่เปิดมือถือก็เห็นเลยว่าวันนี้เรามี Routine อะไร หรือต้องประชุมอะไร กับใครบ้าง ซึ่งจริง ๆ ฟรังอยากให้ Calendar ของแต่ละวันสามารถอัปเดตได้ตามที่เราตั้งไว้แล้ว sync มาขึ้นบนหน้าจอให้เลยจะดีมาก ถ้า Google ได้อ่าน ฝากอัปเดตเทคโนโลยีนี้ให้หน่อยนะคะ” เธอเสนอแนะความคิดเห็นพลางหัวเราะสดใส ก่อนจะเล่าต่อถึงการผสมผสานกิจกรรมหลายอย่างในชีวิตให้กลมกลืนกับการทำงาน
“ด้วยความที่เราไม่มีเวลาเข้ายิมเพื่อออกกำลังกายบ่อยนัก เวลาไปไหนฟรังเลยเลือกที่จะเดินให้มากและบ่อยที่สุด อีกวิธีคือ ฟรังซื้อ Walking Pad ติดบ้านไว้เลย บางทีเวลาประชุมทาง Zoom ก็เดินไปประชุมไป ถ้าเราอยากจะทำซะอย่าง การหาเวลาออกกำลังกายก็สามารถเบลนด์เข้ากับการใช้ชีวิตได้อยู่แล้ว ส่วนวันไหนที่เหนื่อยมากก็แค่นอนหลับ วันรุ่งขึ้นค่อยตื่นมาแก้ปัญหาใหม่ การนอนเป็นหนึ่งในความ Productive ที่ฟรังค่อนข้างให้ความสำคัญมาก”
อีกหนึ่งเคล็ดลับการพักผ่อนของฟรังที่เธอทำบ่อย คือ การนั่งเฉยเงียบ ๆ คนเดียว
“ที่จริงการได้ออกมาเจอน้อง ๆ เพื่อนๆ ในงานเปิดตัวคลินิกวันนี้ก็ถือเป็นการพักผ่อนที่ดีอย่างหนึ่งสำหรับฟรัง แต่ที่สุดแล้วในหนึ่งวัน ฟรังจะมีช่วงเวลาที่อยากนั่งเฉย ๆ คนเดียวในห้อง อยู่นิ่ง ๆ ไม่ต้องเปิดอะไรดู ไม่ต้องเปิดอะไรฟัง การได้นั่งเฉย ๆ คิดโน่นคิดนี่สัก 10-20 นาทีต่อวันก็ทำให้เรามีความสุขแล้ว ฟรังนับว่านั่นคือช่วงเวลาที่ตัวเองได้พักผ่อนจริง ๆ”
“ในแง่ของความเครียดที่เกิดจากงาน ตอนนี้ฟรังยังไปไม่ถึงจุดที่เจอความเครียด เพราะยังเอนจอยและสนุกอยู่ อีกอย่างคือ ฟรังไม่ได้กู้เงินมาทำธุรกิจ เลยไม่ต้องเผชิญแรงกดดันมากนัก ด้วยความที่พื้นฐานเป็นคนที่ไม่ได้ใช้เงินเยอะ ตลอดเวลาที่ทำงาน ฟรังจึงทยอยเก็บเงินมาเรื่อย ๆ จนมีเงินเก็บจำนวนนึง ทำให้เมื่อถึงวันที่เราอยากทำธุรกิจจึงสามารถนำเงินก้อนนั้นมาใช้ลงทุนได้ทันทีโดยไม่ต้องไปกู้ธนาคาร ปัจจุบัน ฟรังแบ่งเงินเก็บมาทำธุรกิจค่อนข้างเยอะ เพราะเรายังรับความเสี่ยงได้อยู่ และถือเป็นการลงทุนที่น่าสนใจวิธีหนึ่ง”
“ฟรังเองก็ไม่ได้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกอย่าง แต่รู้สึกว่าแค่ได้ลงมือทำก็มีความสุขแล้ว แค่ได้ทำก็ถือเป็น Achievement อย่างหนึ่งโดยไม่ต้องรอความสำเร็จที่ปลายทาง ในทุก ๆ วันที่ฟรังได้ตื่นมาได้ทำโน่นทำนี่ แค่ลูกค้าชมคนนึงเราก็แฮปปี้แล้ว นั่นคือความสำเร็จที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ฟรังไม่ได้มีภาพใหญ่ว่าต้องไปให้ถึงจุดไหนถึงจะมีความสุข ฟรังแฮปปี้ทุกวัน เพราะแค่ได้ทำก็กำไรแล้ว เราแค่อยากทำให้ดีที่สุดในแบบที่เราสามารถทำได้ และหวังว่าวันนึงแต่ละธุรกิจที่ทำจะเจริญเติบโตขึ้น ถ้าล้มเหลวก็ไม่เป็นไร เพราะเราเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน แน่นอนว่าการทำธุรกิจมีความเสี่ยง แม้เราจะทำเต็มที่แล้ว เราอาจจะไม่มีความรู้มากพอก็ได้ อีกทั้งยังมีปัจจัยภายนอกอีกมากมาย”
“ฟรังคิดว่า Work Life Integration ไม่มีสูตรสำเร็จ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคน อย่างตอนนี้ฟรังค่อนข้างแฮปปี้กับการทำงานเลยไม่ต้องการเวลาพัก แต่ก็จัดลำดับความสำคัญให้กับทั้งครอบครัวและตัวเอง บางคนที่มีเป้าหมายใหญ่มาก ๆ เขาอาจจะต้องเสียสละหลายอย่างในชีวิต เช่น เวลา หรือความสัมพันธ์ หรือบางคนมีเป้าหมายว่าฉันอยากมี Work Life Balance ที่ดี มีทุกวันที่แฮปปี้ ได้อยู่กับคนที่เรารัก แบบนี้ก็ถือเป็นการใช้ชีวิตอีกรูปแบบ”
“สิ่งสำคัญคือ ต้องรู้ว่าตัวเองอยากได้อะไร ฟังเสียงตัวเอง ออกแบบชีวิตของตัวเองให้เข้ากับเป้าหมายของเรา ไม่ใช่เป้าหมายของคนอื่น อย่างฟรังตอนนี้ทำงานเจ็ดวันต่อสัปดาห์ แต่คุณไม่ต้องทำงานเจ็ดวันเหมือนฟรัง เพราะความฝันของเราอาจจะไม่ได้เหมือนกัน”
“ถ้าเราชอบงานที่เราทำ Work Life Integration จะเป็นเรื่องง่าย ฟรังเคยผ่านช่วงที่ต้องการมี Work Life Balance คือ งานก็ส่วนงาน การพักผ่อนคือต้องได้พักจริง ๆ ส่วนปีนี้ ฟรังตั้งใจปรับวิถีชีวิตให้ขยับเข้าใกล้ความเป็น Work Life Integration มากขึ้น เพราะฟรังสนุกกับงานที่ทำ การทำงานคือหนึ่งในการใช้ชีวิตของเรา ถึงแม้จะเหนื่อย แต่เรามีความสุขที่ได้ทำ ทุกวันนี้ฟรังให้งาน 90% ถามว่าแฮปปี้ไหม แฮปปี้มาก”
ติดตามสาระความรู้และเคล็ดลับในการสร้างสมดุลให้กับการทำงานและการใช้ชีวิตในแบบ ฟรัง นรีกุล ได้ทาง Facebook : LaohaiFrung - เล่าให้ฟรัง และ Youtube : laohaiFrung