

ทำไมคนเกิดก่อนปี 2535 เสี่ยงมะเร็งตับ 100 เท่า ? ภัยเงียบไวรัสตับอักเสบที่คน Gen Y ต้องรู้
Health / Body
08 Sep 2025 - 3 mins read
Health / Body
SHARE
08 Sep 2025 - 3 mins read
จะรู้ได้อย่างไรว่า ‘ตับ’ ของเรายังแข็งแรงดี ?
นี่คือคำถามที่หลายคนสงสัยและอยากรีบไปตรวจสุขภาพตับทันที หลังจากเห็นข้อความเตือนภัยบนสื่อสังคมออนไลน์ที่คนจำนวนไม่น้อยแชร์ต่อ ๆ กันมาว่า
“ผู้ที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535
ต้องเข้ารับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ
หลังพบความเสี่ยงเป็นมะเร็งตับ
สูงกว่าคนทั่วไปถึง 100 เท่า”
เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นสุขภาพที่สร้างความหวั่นวิตกและกังวลใจให้คนที่มีอายุ 33 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มคน Gen Y ที่กำลังตั้งใจสร้างเนื้อสร้างตัวและสร้างความมั่นคงให้ชีวิตและครอบครัว แต่กลับต้องมาตกอยู่ในความเสี่ยงเป็นโรคร้ายแรงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
คำถามสำคัญคือ จริงหรือไม่ ? คนที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 มีความเสี่ยงมะเร็งตับสูงถึง 100 เท่า แล้วมีวิธีดูแลอย่างไรบ้าง ที่จะช่วยให้คน Gen Y ปลอดภัยจากอันตรายของไวรัสตับอักเสบบีและความเสี่ยงเป็นมะเร็งตับ
LIVE TO LIFE ได้รวบรวมข้อมูลสุขภาพที่สามารถตอบทุกข้อสงสัย รวมถึงเคล็ดลับเพื่อใช้ดูแลสุขภาพตับที่คน Gen Y ต้องรู้ ไว้ให้อย่างครบถ้วนในบทความนี้
จริงหรือไม่ ?
คนเกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 เสี่ยงมะเร็งตับ 100 เท่า
คำตอบของคำถามนี้ เป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว หมายความว่า คนที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 เสี่ยงติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้มากกว่าคนที่เกิดปี พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา ซึ่งอาจมีอาการรุนแรงบานปลายจนกลายเป็นโรคตับแข็งและมะเร็งตับ แต่ไม่ได้ตกอยู่ในความเสี่ยงสูงถึง 100 เท่าอย่างที่หลายคนตื่นตระหนก
สมาคมแพทย์ระบบทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า ความเสี่ยงของคนเกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 จะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้นั้น อยู่ที่ 5-8% หรือคิดเป็น 3-5 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับความเสี่ยงของคนที่เกิดในปี พ.ศ. 2535 เป็นต้นมาจะติดเชื้อ ซึ่งมีเพียง 1.5% เท่านั้น
อธิบายให้เห็นภาพและเข้าใจง่ายขึ้นก็คือ หากตรวจสุขภาพของคนที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 ทุก ๆ 100 คน มีความเป็นไปได้ว่าจะพบคนที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีประมาณ 5-8 คน ถึงแม้จะเป็นจำนวนที่ไม่สูงมากนัก แต่ถือเป็นความเสี่ยงของคนเกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 ที่จะมองข้ามหรือวางใจไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะยังคงมีโอกาสติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเหมือนเดิม
ส่วนสาเหตุที่ทำให้คนเกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 หรือกลุ่มคน Gen Y ขึ้นไป ตกอยู่ในความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีมากกว่าใครนั้นเป็นเพราะว่าประเทศไทยเพิ่งเริ่มมีมาตรการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีให้เด็กแรกเกิดในปี พ.ศ. 2535 เป็นปีแรก คนที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 จึงไม่เคยมีประวัติว่าได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีมาก่อน ทำให้ร่างกายไม่มีภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบบีจากวัคซีน
ทำไมเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ถึงอันตรายและเป็นภัยเงียบใกล้ตัว ?
ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis Virus) มีทั้งหมด 5 ชนิด ได้แก่ เอ, บี, ซี, ดี และอี ซึ่งชนิดที่ถือว่าอันตรายและเป็นภัยเงียบที่ทำให้คนทั่วโลกล้มป่วยเป็นตับแข็งและมะเร็งตับจนเสียชีวิตได้มากที่สุด คือ ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Virus หรือ HBV) ถึงขนาดได้รับฉายาว่า The Silent Killer หรือ เพชฌฆาตเงียบ
ภาพจำลองลักษณะของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ผู้ที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 หากติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี มักไม่แสดงอาการป่วยที่ชัดเจน เชื้อสามารถแฝงตัวอยู่ในร่างกายได้นานหลายสิบปี หากไม่ได้รับการตรวจสุขภาพตับอย่างละเอียด ทำให้ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองเป็นพาหะ และสามารถแพร่เชื้อต่อไปได้ผ่าน 3 ทางหลัก ได้แก่
- ผ่านทางเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย
- ผ่านทางเลือดและสารคัดหลั่งเข้าสู่ร่างกาย
- ผ่านการตั้งครรภ์จากแม่สู่ลูก
อย่างไรก็ตามเชื้อไวรัสตับอักเสบบีไม่สามารถติดต่อผ่านทางน้ำลายได้ (หากภายในปากไม่มีบาดแผล) จึงสามารถรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำร่วมกันได้ แต่เพื่อสุขอนามัยที่ดี ควรใช้ช้อนกลางและใช้แก้วส่วนตัว รวมถึงไม่ติดต่อผ่านการไอหรือจามด้วย
ความน่ากลัวของเชื้อไวรัสตับอักเสบบีคือช่วงเวลาที่เชื้อแฝงตัว เพราะเชื้อจะค่อย ๆ ทำลายเซลล์ตับอย่างช้า ๆ โดยผู้ติดเชื้อจะเริ่มมีอาการ เช่น ตัวเหลือง ตาเหลือง อ่อนเพลีย ปัสสาวะสีเข้ม หรือจุกแน่นบริเวณใต้ชายโครงขวา ก็ต่อเมื่อระยะของการติดเชื้อได้ลุกลามเข้าสู่ภาวะร้ายแรงถึงขั้นเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับแล้ว ซึ่งโอกาสที่จะรักษาให้กลับมาหายเป็นปกติได้นั้นเหลือน้อยมาก ๆ
ตาเหลือง อาการบ่งชี้ถึงความผิดปกติของตับ
โมเดลทางการแพทย์ จำลองลักษณะของมะเร็งตับ
การตรวจคัดกรองสุขภาพตับ (Hepatitis B Surface Antigen หรือ HBsAg) ตั้งแต่เนิ่น ๆ และการฉีดวัคซีน จึงเป็นปราการด่านสำคัญที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน (Hepatitis B surface Antibody หรือ anti-HBs) ให้คนเกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 ปลอดภัยจากอันตรายของเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้ เพราะสามารถลดความเสี่ยงการเกิดตับอักเสบได้สูงถึง 97% ป้องกันการติดเชื้อได้ยาวนานหลายปีจนถึงตลอดชีวิต ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ
- ต้องผ่านการตรวจคัดกรองเพื่อดูว่าร่างกายไม่เคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและไม่มีภูมิคุ้มกัน
- ต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีครบ 3 เข็มตามระยะเวลาที่กำหนด
หากตรวจคัดกรองแล้วพบว่าร่างกายติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และไม่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นเอง การฉีดวัคซีนจะไม่สามารถช่วยได้ ต้องเข้ารับการรักษาตามอาการป่วย ร่วมกับการกินยาต้านไวรัสตามคำแนะนำของแพทย์แทน เพื่อลดความรุนแรงของไวรัสไม่ให้ส่งผลอันตรายต่อตับ
ทำไมเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ถึงอันตรายและเป็นภัยเงียบใกล้ตัว ?
ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ประมาณ 3 ล้านคน ส่วนใหญ่พบในคนที่มีอายุมากกว่า 33 ปี ก็คือคนเกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 หรือกลุ่มคน Gen Y ขึ้นไป ซึ่งยังถือเป็นจำนวนตัวเลขที่สูง แม้การแพทย์สมัยใหม่จะสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและลดความรุนแรงของอาการไม่ให้ลุกลามจนเกิดเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับได้
สำหรับคนเกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 นอกเหนือจากการดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากไวรัสตับอักเสบบีแล้ว การวางแผนทำประกันสุขภาพ คือตัวช่วยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเอาไว้รองรับความเสี่ยงยามเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
หนึ่งในตัวเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะกับกลุ่มคน Gen Y ในวัยทำงานหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ต้องการความคุ้มครองยามเจ็บป่วย LIVE TO LIFE ขอแนะนำ ไทยประกันชีวิต Health Fit DD ด้วยจุดเด่นที่ชำระเบี้ยฯ* หลักพัน รับความคุ้มครองเหมาจ่ายสูงสุด 30 ล้านบาท โดยเลือกรับความคุ้มครองครอบคลุมทั้งกรณีผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกได้ รวมถึงเลือกซื้อผลประโยชน์ ความคุ้มครอง ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกเพิ่มได้ สมัครได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือนถึง 80 ปี คุ้มครองยาวนาน ถึงอายุ 99 ปี
เพราะสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่รอช้าไม่ได้ ถึงเวลาแล้วที่คน Gen Y ต้องหันมาดูแลสุขภาพตับให้ดีตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่ปลอดโรคและมีความสุข
อ้างอิง
- สมาคมแพทย์ระบบทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย. วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี: ทำไมคนที่เกิดก่อนปี 2535 จึงควรฉีด?. https://bit.ly/4lVrtA2
- กรมควบคุมโรค. (2565). แนวคิดการรณรงค์วันตับอักเสบโลก Hepatitis B & C can’t wait: โรคไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี ตรวจเร็ว รักษาเร็ว รอไม่ได้ [แผ่นพับ]. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข
- World Health Organization. Hepatitis, the silent killer: know it … confront it. http://bit.ly/4n0blyB
