เช็กอินวังค้างคาว Blessing Shophouse บาร์ลับที่มอบพรแห่งโชคดีด้วยค็อกเทลจากผลไม้มงคล

Lifestyle / Guide

23 Oct 2024 - 5 mins read

Lifestyle / Guide

เอ่ยถึง ‘วังค้างคาว’ คอนิยายกำลังภายในต้องนึกถึงศึกวังค้างคาว หนึ่งในตอนย่อยของนิยายชุด ชอลิ้วเฮียง ของโกวเล้ง ขึ้นมาทันที

วังค้างคาวจึงเป็นเหมือนสถานที่สมมติที่คงมีแต่ในนิยาย หารู้ไม่ว่าใจกลางกรุงเทพฯ ในย่านอโศกมีวังค้างคาวแอบซ่อนตัวอยู่อย่างลับ ๆ

Blessing Shophouse คือชื่อของวังค้างคาวแห่งนั้น ที่นี่คือค็อกเทลบาร์เจ้าของคอนเซปต์ Ancient Modernism ที่ผสานภูมิปัญญาตะวันออกในแบบจีนให้เข้ากันกับความโมเดิร์นในบางดีไซน์ได้อย่างลงตัว โดยนำสัญลักษณ์นำโชคของชาวจีนอย่าง ‘ค้างคาวสี่มุม’ ที่สื่อถึงพรสี่ประการ อย่างความสุข ความสำเร็จ อายุยืนยาว และความโชคดี มาสอดแทรกอยู่ในรายละเอียดของการตกแต่งร้าน เพื่อให้ทั่วทั้งพื้นที่ในบาร์ลับบรรยากาศดุจถ้ำค้างคาวแห่งนี้อบอวลไปด้วยพรประทาน

บรรยากาศที่โดดเด่นด้วยงานไม้ภายใน Blessing Shophouse

“เดิมทีตึกแถวห้องนี้เคยเป็นบ้านของครอบครัว ผมเองก็เติบโตและใช้ชีวิตที่นี่จนเข้ามหาวิทยาลัย” เอ็ด - เอกพล เรืองกิจจานุวัฒน์ สถาปนิกและทายาทของครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนเจ้าของธุรกิจค้าขายเฟอร์นิเจอร์เก่าจากเมืองจีนแบรนด์ Royaltique บอกเล่าถึงจุดกำเนิดของ Blessing Shophouse

“พอถึงเวลาที่ร้านจะย้ายโชว์รูม ผมเลยคิดจะนำเฟอร์นิเจอร์เก่าที่มีอยู่มาตกแต่งเป็นค็อกเทลบาร์ เพราะตัวเองเริ่มหลงใหลในโลกของค็อกเทล ชอบไปตระเวนชิมค็อกเทลรสชาติใหม่ ๆ ในบาร์หลายแห่ง เลยอยากเปลี่ยนตึกแถวห้องนี้เป็นค็อกเทลบาร์”

เอ็ด - เอกพล เรืองกิจจานุวัฒน์

เจ้าของ Blessing Shophouse

“แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ง่าย เพราะเฟอร์นิเจอร์จีนแต่ละตัวไม่เหมือนกันเลยทั้งความสูงและสัดส่วน จึงไม่สามารถยกมาตั้งได้ทันที ผมเลยคุยกับภรรยา (มีมี่ - มิลิน ยุวจรัสกุล ดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ Milin) ว่าถ้าอย่างนั้นควรออกแบบในสไตล์ที่ผมถนัด ซึ่งก็คือ Minimal Modern ที่ปกติจะใช้แต่เหล็กกับปูน แต่โจทย์หลักของที่นี่คือ ไม้ Blessing Shophouse จึงถือเป็นโปรเจกต์แรกที่ผมได้ลองใช้ไม้แบบจัดเต็ม” คุณเอ็ดเล่าถึงความท้าทายใหม่ที่ต้องใช้วัสดุซึ่งตัวเองไม่คุ้นเคยมาเป็นองค์ประกอบหลักในการออกแบบ โดยเริ่มต้นจากการหาข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องของโชคและความเชื่อของชาวจีน เพื่อนำมาบอกเล่าผ่านมิติการตกแต่งร้าน

สัญลักษณ์ค้างคาวสี่ตัว (ที่หนึ่งในนั้นกำลังบินออกไป) รวมร่างกันเป็นดอกบ๊วย

“หลังจากหาข้อมูลก็ได้ไปเจอเรื่องราวของค้างคาว ซึ่งเป็นสัตว์นำโชคของจีนโบราณจึงมีความเชื่อที่เกี่ยวกับค้างคาวเยอะมาก เช่น Four Blessing Bats หรือสัญลักษณ์ค้างคาวสี่มุมที่สื่อถึงการมีอายุยืนยาว ความสุข ความสำเร็จ และความโชคดี ผมเลยหยิบเอาค้างคาวมาทำเป็นโลโก้ของร้านด้วย แทนที่จะเป็นรูปดอกบัวที่นิยมใช้กัน ผมเลือกที่จะวางรูปตรงกลางให้ดูเหมือนดอกบ๊วย และมุมทั้งสี่ด้านเป็นรูปค้างคาว ถ้าสังเกตดี ๆ ค้างคาวตัวที่อยู่มุมบนขวากำลังบินออกไป สื่อถึงการออกไปเที่ยวกินดื่มยามค่ำคืน”

โค้ง Contour ไม้บนเพดานกระจก

คุณเอ็ดยังเลือกใช้สัญลักษณ์ของค้างคาวในการออกแบบอีกหลาย ๆ องค์ประกอบ เช่น โค้ง Contour ไม้บนเพดานที่ยิ่งให้ความรู้สึกเหมือนถ้ำ มุมของเคาท์เตอร์บาร์ก็เป็นรอยโค้งและหยักรูปค้างคาว และที่โดดเด่นเป็นพิเศษก็คือ หลังชั้นวางเครื่องดื่มที่เป็นแผ่นหินอ่อนขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยลวดลายและเส้นแร่ที่ชัดเจน ที่เมื่อนำมาชนกันตรงกลางเกิดเป็นลวดลายคล้ายค้างคาวอย่างพอดิบพอดี

ค้างคาวกางปีกบินบนแผ่นหินอ่อนด้านหลังบาร์เทนเดอร์

“ตอนแรกผมคิดเอาไว้ว่าจะใช้เทคนิคการปูหินอ่อนแบบ Book-Match หรือการต่อลายหินตามปกติ จนมาเจอหินอ่อนแผ่นนี้ที่พอ Flip แล้วออกมาเป็นรูปค้างคาวพอดี ถูกใจมาก” คุณเอ็ดเล่าด้วยรอยยิ้มเมื่อวังค้างคาวในฝันเป็นไปตามที่ตั้งใจในทุกรายละเอียดของการผสมผสานกลิ่นอายเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน

“อย่างเก้าอี้สำหรับนั่งตรงบาร์ ผมก็เอาเก้าอี้เก่าของจีนมาใส่ฐานที่ทำขึ้นใหม่ ใช้ Elements ที่ดูเป็น Futuristic คือ โครเมียม มาผสมกับความ Antique เกิดเป็นเสน่ห์ของความเก่ามาก ๆ กับใหม่มาก ๆ มาเจอกัน”

ส่วนผสมของการตกแต่งที่ลงตัวในสไตล์ Ancient Modernism

กลิ่นอายของความเป็น Ancient Modernism ปรากฏชัดทันทีที่ผลักบานประตูเหล็กเข้ามาในพื้นที่ของร้าน ทางเดินที่รายล้อมด้วยผนังกระจกนำไปสู่ ประตูพระจันทร์ (Moon Gate) ที่ดูสวยเฉียบล้ำสมัย ในขณะเดียวกันก็แฝงไว้ด้วยความเชื่อในแบบจีนที่กล่าวกันว่า ผู้ที่เดินผ่านประตูพระจันทร์จะพบเจอแต่ความโชคดีและมั่งคั่ง ถือเป็นการต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยคำว่า Wealth-Come อย่างแท้จริง

ประตูพระจันทร์

เมื่อเข้าสู่พื้นที่ของบาร์ที่ดูราวกับถูกโอบคลุมด้วยไม้ แต่ก็สอดแทรกด้วยความอร่ามเรืองของเพดานกระจก และวัตถุสีเงินวาวทรงครึ่งวงกลมที่แขวนอยู่บนเพดาน ซึ่งแฝงด้วยนัยแห่งโชคมีสุขตามแบบฉบับความเชื่อของจีน

“ผมโตมากับอากงกับอาม่าเลยคุ้นเคยกับคำว่า ‘อี่อี๊’ ซึ่งสื่อถึงทรงกลมในภาษาจีน หมายถึงความโชคดี เหมือนอย่างที่คนจีนนิยมใช้ขนมอี๊ (สาคูหรือบัวลอย) ในงานมงคลต่าง ๆ ไม่ว่าจะอะไรก็ต้องอี่อี๊ ห้ามมีเหลี่ยมมุม เพื่อให้ชีวิตราบรื่น ผมเลยออกแบบทุกอย่างในร้านให้มีความกลมมน แต่ก็ใช้บางเหลี่ยมมาตัดเลี่ยนนิดหน่อย เช่น โต๊ะเคาท์เตอร์บาร์ที่มีมุมโค้งเป็นรูปค้างคาว และวัตถุครึ่งวงกลมบนเพดานที่เป็นอะคริลิกพ่นโครเมียมไว้ด้านใน เมื่ออยู่บนเพดานกระจกจึงสะท้อนเป็นวงกลมอย่างลงตัว”

มาถึงพระเอกตัวจริงของร้านอย่างค็อกเทลที่สอดแทรกเรื่องราวของโชคและพรไว้ใน Signature Cocktail ทั้ง 9 แก้ว ที่แบ่งออกเป็น 3 หมวด คือ Fresh & Bless ค็อกเทลที่ให้ความสดชื่น Heavenly Fruity ค็อกเทลที่สร้างสรรค์จากผลไม้มงคล และ Spiritual Forward ค็อกเทลที่นำเสนอรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเบสสปิริตอย่างวิสกี้ รัม และจิน จับคู่กับวัตถุดิบและส่วนผสมสไตล์ตะวันออก ให้รสชาติที่เข้มและสุขุมนุ่มลึกที่สุด

“ทางร้านออกแบบมาแล้วว่า ลูกค้าที่มาจะต้องอยากลองอย่างน้อยสามดื่ม” คุณเอ็ดเล่าพลางหัวเราะถึงการคิดเมนูค็อกเทล 3 หมวดที่มีให้เลือกหมวดละ 3 เมนู ถือเป็นความวาไรตี้ที่ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป “ลูกค้าจะได้ไม่เลือกยากด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็ลองกันคนละสามแก้วจริง ๆ”

Cup of Cha Cha

ค็อกเทลจากหมวด Fresh & Bless

“ด้วยความที่เราตั้งใจนำความ Blessing มาใส่ในค็อกเทล จึงเน้นการเลือกส่วนผสมของผลไม้มงคลมาเป็นวัตถุดิบหลัก เช่น แก้วที่ชื่อว่า Oath ใช้ลูกพลับเป็นส่วนผสมหลัก เพื่อสื่อถึงคำสัญญาหรือสาบาน เพราะชาวจีนในอดีตนิยมใช้ลูกพลับในการไหว้บนบานสานกล่าว แก้วนี้เลยเอาลูกพลับอบแห้งไปปั่นกับเสาวรสทำออกมาในรูปแบบ Puree ก่อนนำมาผสมกับจิน”

“เครื่องดื่มบางตัวเป็นการผสมผสานระหว่างไทย-จีน เช่น Cup of Cha Cha ที่นำชามะลิมาผสมกับชาไทยแล้วใส่เตอกีล่าเข้าไป เวลาดื่มจะให้ความรู้สึกเหมือนจิบชามะนาวที่หอมชามะลิกับชาไทยไปในตัว”

“Lucky Threefold หรือโชคสามชั้น ได้ไอเดียมาจากเต้าฮวยฟรุตสลัด เลยเอาซิตรัสสามอย่าง ได้แก่ เลมอน ส้ม และมะนาว มาใส่ Almond Cordial ซึ่งอัลมอนด์ก็สื่อถึงความเป็นเต้าฮวย ตบท้ายด้วย Tonic Water เพิ่มความสดชื่น”

Mango Cult

ค็อกเทลในหมวด Heavenly Fruity

“Bitter is Good เป็นอีกแก้วในหมวด Fresh & Bless ที่น่าสนใจ เพราะเราอยากได้เครื่องดื่มที่มีความ Savory หน่อย ๆ เลยเลือกมะระขี้นกที่ทิ้งรสขมบนปลายลิ้น ที่กลมกล่อมด้วยส่วนผสมของน้ำสาลี่ที่เป็นหนึ่งในผลไม้มงคลของจีน หรือแก้วที่ชื่อว่า Jade ก็ให้สีเขียวที่สื่อถึงมรกต และดื่มง่ายด้วยส่วนผสมของวอดก้ากับเมลอนและสับปะรด นำไป Shake กับไข่ขาว เกิดเป็นโฟมนุ่ม ๆ หอม ๆ”

“อีกหนึ่งผลไม้มงคลที่ขาดไม่ได้ ก็คือ มะม่วง ที่เราเอามาทำเป็นเครื่องดื่มชื่อ Mango Cult ผสมผสานมะม่วงกับมะกรูดเข้าด้วยกันกับ Liquorice Infused Gin โรยขอบแก้วด้วยพริกเกลือ แก้วนี้คนต่างชาติชอบสั่งมาดื่มมาก เป็นที่ถูกใจของหลาย ๆ คน”

“เครื่องดื่มในหมวด Spiritual Forward เป็นที่ถูกอกถูกใจสายดื่ม อย่าง Five Spice เป็นการนำเครื่องเทศจีนห้าชนิด ได้แก่ อบเชย กานพลู โป๊ยกั้ก พริกไทยเสฉวน และยี่หร่า มาเคี่ยวกับนมนานสิบห้านาที เรียกว่าเทคนิค Clarified Milk จากนั้นนำไปเทใส่โหลที่มีสับปะรด จนเกิดการแยกกากของนมออกมา นำมากรองเพื่อเอาส่วนที่เป็นน้ำใส ๆ มาใช้ ซึ่งมีรสชาตินัว ๆ ของนมอยู่ในนั้น แก้วนี้ซ่อนดีกรีเข้มข้นของเหล้ารัมไว้อย่างแนบเนียน โดยเวลาดื่มจะรู้สึกไม่เข้ม เพราะมีความหอม แก้วนี้เป็นแก้วโปรดของผมเลย” คุณเอ็ดเล่าถึงเครื่องดื่มแต่ละตัวโดยละเอียด ก่อนจะย้ำถึงแก้วโปรดของคนรักค็อกเทลอย่างเขา

Five Spice

ค็อกเทลในหมวด Spiritual Forward

“Crystal Clear เป็นเครื่องดื่มสีใส เข้าใจง่าย มีลักษณะเป็น White Negroni ที่ชูความเด่นของเก๊กฮวยเป็นพระเอก และตัวสุดท้ายอย่าง Solar Dynasty เป็นการออกแบบเครื่องดื่มโดยใช้เทคนิค Fat Wash ที่รินวิสกี้ลงบนไขมันวัวโคขุน แล้วนำไปแช่ในช่องแช่แข็งจนเกิดการเกาะตัวเป็นไขมัน เมื่อตักไขมันออกก็จะได้ความนัวของไขวัวในเครื่องดื่ม จากนั้นใส่บีทรูทเข้าไปเพื่อเพิ่มมิติความ Earthy เสิร์ฟคู่กับบุกหมาล่าให้เคี้ยวแกล้มไปด้วย แก้วนี้ลูกค้าบางคนชอบมาก บางคนดื่มแล้วงง ซึ่งก็เป็นธรรมชาติของเครื่องดื่มที่มีความซับซ้อนแบบนี้”

บรรยากาศบนชั้นสองของร้าน

เสน่ห์ของ Blessing Shophouse ไม่ได้จบแค่บริเวณเคาท์เตอร์บาร์หรือโซนที่นั่งในถ้ำค้างคาวของชั้นล่าง ยังมีชั้นสองที่ราวกับได้เข้าไปสู่อาณาจักรจีนโบราณ อลังการด้วยม่านลายไม้ ผนังไผ่เรืองแสง และซุ้มเตียงเก่าแก่อายุหลายร้อยปี ที่เติมเต็มมิติของค่ำคืนแห่งความโชดีให้ครบอรรถรสยิ่งขึ้น

สำรองที่นั่งได้ที่ LINE OFFICIAL : @blessingshophouse