เช้าจรดเย็นครบรสที่ “ท่าเตียน”

25 Jun 2022 - 4 mins read

Lifestyle / Guide

Share

เพราะทุก ๆ ชุมชนมีของดีซ่อนอยู่ให้ไปเรียนรู้ และหาแรงบันดาลใจไว้ไปต่อยอดวันทำงานให้มีพลัง สุดสัปดาห์นี้เลือกย่าน “ท่าเตียน” ไปเก็บเกี่ยวแรงบันดาลใจในย่านประวัติศาสตร์เก่าแก่ ซึ่งนอกจากจะโดดเด่นด้วยอาคารห้องแถวสถาปัตยกรรมลูกผสมไทย-ยุโรปแล้ว ย่านเก่าแก่แห่งนี้ยังถูกเติมเต็มด้วยชีวิตใหม่ที่มาพร้อมกับร้านอาหาร คาเฟ่ พิพิธภัณฑ์ และโรงแรม ที่ได้ปลุกพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 500 ปีแห่งนี้ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ชนิดที่วันเดียวไม่เคยพอสำหรับย่านนี้

เริ่มต้นวันที่ “วัดโพธิ์” มรดกแห่งความทรงจำของศิลปะ สถาปัตยกรรม และฤๅษีดัดตนที่โด่งดัง

นึกถึงท่าเตียนต้องนึกถึงความยิ่งใหญ่ของศิลปะ และสถาปัตยกรรมต้นยุคกรุงรัตนโกสินทร์ที่วัดโพธิ์ หรือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม นอกจากเจดีย์ประจำสี่รัชกาล และพระนอนที่มีรอยพระบาทประดับมุกอันละเอียดงดงามแล้ว จารึกวัดโพธิ์ที่มีมากถึง 1,440 ชิ้น ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเอกสารมรดกความทรงจำแห่งโลกจากยูเนสโก โดยจารึกเหล่านี้มิใช่แค่โคลงกลอนกลบท แต่ยังมีรูปปั้นฤๅษีดัดตนที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการนวดไทย ซึ่งล่าสุดภายในวัดได้มีการจัดสร้างรูปปั้นฤๅษีดัดตนใหม่ เป็นรูปหล่อฤๅษีดัดตน 80 ท่า 82 ตน ครบถ้วนจากที่เคยชำรุดไป วัดโพธิ์จึงไม่ใช่แค่หมุดหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสดีที่ชาวไทยเองจะซึมซับมรดกแห่งความทรงจำระดับโลกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์

ต่อด้วยพิพิธภัณฑ์ “มิวเซียมสยาม” ร่วมสมัยในความเป็นไทย เติมพลังใจพร้อมไปต่อ

เดินต่อจากวัดโพธิ์ มุ่งหน้าไปไม่ไกล พอเรียกเหงื่อได้ จะเจอกับพิพิธภัณฑ์ สมัยนี้การใช้เวลาในพิพิธภัณฑ์ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป โดยเฉพาะที่นี่ “มิวเซียมสยาม” เค้าได้ทำให้เรื่องเล่าในพิพิธภัณฑ์เป็นเรื่องที่จับต้องได้  เข้าใจง่าย และสนุกได้ทุกวัย โดยนิทรรศการของมิวเซียมสยามแบ่งเป็นนิทรรศการถาวร และนิทรรศการหมุนเวียนเล่าถึงแง่มุมต่าง ๆ ของสยามจากอดีตสู่ปัจจุบัน เช่น การตั้งคำถามว่าอะไรคือความเป็นไทย ซึ่งบอกเลยว่าแต่ละนิทรรศการที่คัดสรรมา ล้วนสะท้อนมุมมองเกี่ยวกับความเป็นไทยที่แม้แต่คนไทยเองอาจจะมองข้าม อยากมาก็แนะนำให้เช็กเว็บไซต์ก่อนว่า ช่วงนั้นมีนิทรรศการอะไรบ้าง เดินจบนั่งเล่นพักที่ด้านหน้าซึมซับบรรยากาศก่อนไปต่อ

ยามเย็นก่อนตะวันลับฟ้าที่ “Sala Rattanakosin”

แดดร่มลมตกพอดี เดินย้อนกลับมาแวะถ่ายรูปประปราย จุดหมายอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ บอกเลยว่าแม้ท่าเตียนจะเป็นย่านที่ไม่ใหญ่มาก แต่ถ้าได้เดินเที่ยวจริง ๆ หนึ่งวันไม่เคยพอ ดังนั้นทางเดียวที่จะรู้จักท่าเตียนได้ลึกซึ้ง แนะนำให้จองที่พัก ให้ท่าเตียนเป็นจุดหมายของการ Staycation ซึ่งหนึ่งในโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ท่าเตียนได้เป็นอย่างดีคือ ศาลารัตนโกสินทร์ โรงแรมที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างวิววัดโพธิ์ และวิวพระปรางค์วัดอรุณ ห้องพักของที่นี่จึงมีให้เลือก 2 ความอลังการของวิวประวัติศาสตร์ระหว่างห้องวัดโพธิ์ ดีลักซ์ ที่มองเห็นพระปรางค์วัดโพธิ์ และห้องวัดอรุณ เราแนะนำว่าห้องวัดอรุณ สวีท คือหนึ่งในห้องพักวิวสวยติดอันดับต้นของกรุงเทพฯ ที่ต้องมาเช็กอินให้ได้สักครั้ง เพราะยามพระอาทิตย์ตกลับเหลี่ยมวัดอรุณว่าสวยแล้ว ยามค่ำคืนที่พระปรางค์วัดอรุณสะท้อนริ้วแม่น้ำเจ้าพระยา ยิ่งโชว์ให้เห็นความน่าทึ่งของช่างศิลป์ไทยในอดีต มองผ่านกระจกใสที่ติดไว้ตรงผนังห้องผ่านออกไป ราวกับมองภาพวาดกรุงเทพฯ ชิ้นมาสเตอร์พีซเลยทีเดียว

นอกจากเดินเที่ยวทั้งวันแล้ว ใครอยากมาแถวนี้ Live to Life ไม่พลาดแนะนำร้านอาหารย่านท่าเตียนให้ชิมกัน 3 ร้าน 3 สไตล์

“ตงกิง อันนัม”

ร้านอาหารเวียดนามที่ติดลิสต์มิชลินไกด์บิบกูร์มองต์ พร้อมเสิร์ฟความอร่อยรสเวียดนามกลางฉบับเมืองเว้ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเมนูอาหารเวียดนามที่คนไทยคุ้นเคย โดยเฉพาะแหนมเนือง สำหรับตงกิง อันนัม แตกต่างจากรสชาติเวียดนามที่เคยเสิร์ฟอยู่ทั่วไป ด้วยการใช้วัตถุดิบออริจินัลที่ส่งตรงจากเวียดนาม เช่น น้ำปลา กะปิ หรือแม้แต่แป้งแหนมเนืองก็เลือกใช้สูตรเวียดนามแท้ ๆ ที่ไม่ต้องแช่น้ำนาน ๆ ก็สามารถนำมาม้วนกับผักและหมูย่างได้นุ่มมาก หรืออย่างบั๋นห์แบ่วก็ทำแบบเวียดนามแท้ ราดซอสที่มีส่วนผสมของน้ำปลาเวียดนามอร่อยละมุนมาก ปิดท้ายด้วยกาแฟเวียดนามที่ยังคงใช้กรรมวิธีการชงแบบเวียดนามแท้ ๆ จิบแล้วก็ให้นึกถึงร้านกาแฟเวียดนามที่เปิดขายด้วยโต๊ะตัวเตี้ย ๆ ทั่วทุกมุมถนนในเวียดนาม

“นุสรา”

ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งสไตล์ Chef’s Table ที่ให้รสชาติของอาหารเล่าเรื่องความทรงจำถึงคุณยาย ออกแบบรสชาติและความทรงจำ โดยเชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เชฟเจ้าของร้านมิชลินติดดาว Le Du โดยในส่วนของนุสรานี้แตกต่างด้วยการจัดเสิร์ฟอาหารไทยที่ได้แรงบันดาลใจจากอาหารไคเซกิของญี่ปุ่น รองรับลูกค้าได้ราว 10 ที่นั่ง พร้อมอาหารประมาณ 12 สำรับ  ต้มข่า กะเพรา น้ำพริก ยำ ขนมหวานราดกะทิ เรียกว่ามาครบรสชาติสำรับไทย แตกต่างด้วยการนำมาตีความใหม่ ใส่วัตถุดิบที่มีความพรีเมียมมากขึ้น เหมือนได้มากินข้าวบ้านคุณยายที่มีคำจำกัดความอาหารไทยที่แปลกใหม่ขึ้น

“Mayrai Pad Thai Wine Bar”

หากจะให้นิยามสั้น ๆ ที่นี่คือ “เนเชอรัลไวน์บาร์และผัดไทย” ในบรรยากาศของตึกแถวเก่าย่านท่าเตียน ตัวบาร์ไม่ใหญ่มาก เหมาะสำหรับเที่ยวท่าเตียนมาทั้งวันแล้วแวะจิบไวน์ดี ๆ คู่ผัดไทย ซึ่งมีซิกเนเจอร์เป็น “ผัดไทยเมรัย” ผัดไทยที่ใช้วุ้นเส้นมาผัดกับซอสผัดไทยสูตรเฉพาะเมรัย ที่บอกเลยว่ารสชาติค่อนข้างจัดจ้านตัดกับไวน์เป็นอย่างดี หรือจะเลือกเป็นข้าวซอย ก็เป็นอีกซิกเนเจอร์ที่หลายคนชื่นชอบเมื่อนึกถึงเมรัย นอกจากรสชาติอาหารแล้ว อีกสิ่งที่เป็นเสน่ห์ของร้านนี้ คือบรรยากาศที่ไม่ต้องทางการ ไม่ใช่ไวน์บาร์ที่ต้องแต่งตัวเนี้ยบหรู เข้ากับความสบาย ๆ ยามเย็นของย่านและของผู้คน นี่แหละเสน่ห์ย่านท่าเตียน ความ contrast ของร่วมสมัยในแบบฉบับของตัวเอง

 

ขอบคุณภาพจากร้าน

- ตงกิง อันนัม

- นุสรา

- Mayrai Pad Thai Wine Bar

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...