ตลาดพลูไม่ได้มีแค่กุยช่าย ชวนย้อนวันวานผ่านขนมโบราณหากินยากที่ ‘ประชา’ คาเฟ่ลับย่านฝั่งธน

06 Dec 2024 - 5 mins read

Lifestyle / Guide

Share

นึกถึง ‘ตลาดพลู’ ย่านเก่าแก่แห่งกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี หลายคนมักนึกถึงกุยช่ายที่แทบจะรับบทพระเอกประจำย่านไปแล้ว

 

แต่นอกจากกุยช่าย ตลาดพลูยังเต็มไปด้วยของเด็ดของดีอีกมากมาย ไม่จำกัดเฉพาะอาหารอร่อยเจ้าเก่าทั้งคาวหวาน แต่ยังรวมถึงวัดวาอารามเก่าแก่ วัฒนธรรมดั้งเดิมประจำถิ่น และผู้คนในย่านตลาดพลูที่สืบสานภูมิปัญญาเก่าแก่ไว้ให้ลูกหลานได้เรียนรู้

 

ตลาดพลูเต็มไปด้วยของดีขนาดนี้ แล้วจะตามเก็บทุกสิ่งที่น่าสนใจอย่างไรให้ครบถ้วน

 

LIVE TO LIFE ชวนมาทำความรู้จักย่านตลาดพลูให้ครบทุกมิติอย่างง่ายดาย เพียงไปที่ ‘ประชา’ อดีตโรงพิมพ์เก่าแก่อายุกว่า 70 ปี ที่ถูกปลี่ยนโฉมใหม่ให้กลายเป็นคาเฟ่ที่ทั้งเก๋และเก๋าที่สุดในย่านตลาดพลู โดยเสิร์ฟเครื่องดื่มสุดสร้างสรรค์ที่เข้ากันกับขนมโบราณนานาชนิด ในบรรยากาศของแกลเลอรีกึ่งศูนย์เรียนรู้ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าทึ่งของตลาดพลู ที่สามารถย้อนเวลาพาคุณกลับไปซึมซับวันวาน และดึงอดีตให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง

 

 

แกลเลอรีที่จัดแสดงวิถีชีวิตชาวประชาย่านตลาดพลู

 

“เราพยายามรวบรวมของเด่น ๆ ของย่านมาไว้ที่นี่ อยากให้เหมือนเป็น Tourist Center ใครอยากรู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตลาดพลู มาที่นี่จะได้รู้ หรือถ้าอยากไปดูของจริง เราจะพาไป”

 

ตรี - มนตรี ศิริกัณฑ์ ผู้ร่วมพลิกโฉมโรงพิมพ์แสงประชาให้เป็น ‘ประชา’ คาเฟ่ห้องแถวในซอยเทอดไท 20 เล่าให้ฟังถึงความตั้งใจของการต่อลมหายใจให้อาคารเก่าแก่ของบรรพบุรุษเป็นมากกว่าคาเฟ่ทั่ว ๆ ไป และที่จริงแล้วความเป็นคาเฟ่นั้นมาทีหลังการเติมเต็มมิติของการสร้างความเป็น Community ที่ถือเป็นความตั้งใจแรกของการก่อร่างสร้างบ้านประชาขึ้นมา

ตรี - มนตรี ศิริกัณฑ์

ผู้ร่วมก่อตั้ง ‘ประชา’

 

“ความคิดแรกเกิดจากการที่ผมเห็นทัวร์จักรยานของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติปั่นผ่านหน้าบ้านทุกวันมาตลอดสิบปี เลยเกิดความคิดอยากทำทัวร์จักรยานปั่นรอบย่านตลาดพลู พาคนที่สนใจไปดูว่าย่านนี้มีวัฒนธรรม ของกิน หรือประวัติศาสตร์ตามวัดต่าง ๆ อย่างไรบ้าง”  

 

“พอเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ทำให้ธุรกิจโรงพิมพ์แสงประชาที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่จนมาถึงรุ่นพ่อในปัจจุบันจำเป็นต้องปิดตัวลง เราเลยมาคุยกันในครอบครัวว่าอยากทำอะไรเกี่ยวกับตัวบ้านหลังนี้ เลยมาลงตัวที่การทำเป็นทัวร์จักรยานในคาเฟ่บ้านประชา”

 

หลังจาก Pracha Bike Tour ทัวร์จักรยานวินเทจเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา มนตรีพบว่าหลังจากลูกค้าปั่นจักรยานเที่ยวรอบย่านตลาดพลูจนเหนื่อย แล้วกลับมาที่บ้านประชา (ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้รีโนเวทเป็นคาเฟ่) ก็คิดว่าน่าจะมีเครื่องดื่มเย็น ๆ ไว้บริการให้ชื่นใจ นั่นจึงเป็นที่มาของการรื้อ ทุบ และก่อร่างสร้างบรรยากาศของโรงพิมพ์เก่าให้กลายเป็นคาเฟ่ที่เก็บรายละเอียดดั้งเดิมของวันเก่า ๆ เอาไว้ครบถ้วน

 

“เราอยากคงไว้ซึ่งความเป็น Old Town เลยไม่ค่อยเปลี่ยนอะไรมากนัก ทั้งผนัง หน้าต่าง เหล็กดัด และบานเกล็ดก็เป็นของเดิมของบ้าน เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นมีมาตั้งแต่สมัยอาม่า แล้วเติมของใหม่ผสมผสานเข้าไป และด้วยความที่ผมอยากให้ที่นี่เป็นเหมือนอาร์ตแกลเลอรี เลยมี Art Piece อย่างหัวสิงโตตั้งโชว์ไว้ในโซนแกลเลอรีบนชั้นสอง ซึ่งไปได้มาจากคณะเชิดสิงโตที่อยู่ถัดบ้านเราไป 200-300 เมตร เราอยากเอามา Display ให้เห็นถึงรายละเอียดการตกแต่งและโครงข้างในของหัวสิงโตหุ่นเชิดว่าจริง ๆ แล้วมีลักษณะเป็นอย่างไร ถือเป็น Art Piece  ที่หาดูได้ยากชิ้นนึงกว่าได้” 

 

ในวันที่ LIVE TO LIFE ไปเยี่ยมเยือนบ้านประชา ในห้องแกลเลอรีบนชั้นสองอยู่ในระหว่างการจัดนิทรรศการ 9 วัด 4 ศาลเจ้า 1 มัสยิด โชว์ผลงานภาพถ่ายฝีมือของมนตรีที่เดินสำรวจย่านตลาดพลู เพื่อบันทึกภาพวัดเด่นประจำย่าน 9 แห่ง ศาลเจ้า 4 แห่ง และมัสยิดอีก 1 หลัง ที่สามารถบอกเล่าถึงความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมของตลาดพลูได้เป็นอย่างดี

 

“เดิมผมไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องของประวัติศาสตร์ พอได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่และเริ่มค้นคว้าหาเรื่องของตลาดพลูอ่านไปเรื่อย ๆ ก็ได้รู้จักเรื่องราวของที่นี่มากขึ้น ยิ่งพอได้ออกไปเดินเล่นสำรวจย่านก็เจอสิ่งที่น่าสนใจและน่าทึ่งมากมาย เช่น วัดเก่าแก่ในย่านนี้ส่วนใหญ่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่ว่าจะเป็นวัดพระเจ้าตาก (หรือวัดอินทารามวรวิหาร) เป็นวัดที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงบูรณะและทรงปฏิบัติธรรมที่นี่เป็นประจำ รวมถึงเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ท่านด้วย ตรงข้ามกับวัดอินฯ เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าใหญ่อายุเก่าแก่กว่า 160 ปี เลยไปอีกนิดก็มีมัสยิดของชุมชนมุสลิม ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันที่นี่มาอย่างยาวนาน”

 

ใครที่ทำความรู้จักตลาดพลูผ่านภาพถ่าย 9 วัด 4 ศาลเจ้า 1 มัสยิด แล้วอยากไปสัมผัสประวัติศาสตร์ในสถานที่จริง สามารถติดต่อทางร้านแล้วปั่นจักรยานออกไปลัดเลาะทั่วย่านตลาดพลูได้ด้วยตัวเอง หรือจะให้เจ้าถิ่นอย่างคุณมนตรีพาไปก็ย่อมได้ โดยจะเริ่มต้นจากร้านประชาไปยังสถานีรถไฟตลาดพลู แวะกินอาหารอร่อยประจำย่าน แล้วค่อยไปไหว้พระ ณ วัดโบราณรายทาง รวมถึงศาลเจ้าจีนทั้ง 4 แห่ง ก่อนจะไปจบทริปที่การสักการะพระใหญ่ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญริมคลองบางหลวง ระยะทาง 4.5 กิโลเมตรโดยประมาณ

 

เสิร์ฟรสชาติแห่งวันวาน

ผ่านขนมลูกเต๋า ดอกจอก ทองพับ และตุ้บตั้บ

 

“เราไม่อยากขายเค้กเหมือนร้านอื่น เลยไปเดินสำรวจในตลาดว่ามีขนมอะไรน่าสนใจบ้าง จนเป็นที่มาของการนำขนมโบราณมานำเสนอลูกค้าได้ลองชิมคู่กับเครื่องดื่มของเรา”

 

มนตรีเล่าถึงความตั้งใจในการเดินตระเวนทั่วย่านตลาดพลูในตอนเช้า เพื่อคัดสรรขนมกินเล่นที่หลายคนคุ้นเคยในวัยเยาว์อย่างขนมลูกเต๋า ขนมอัด ขนมเปี๊ยะ ตุ้บตั้บ ทองพับ ไปจนถึงขนมดอกจอก ที่ยังมีขายอยู่ในร้านขายของชำเล็ก ๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในย่านตลาดพลู

 

“ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป คนยุคใหม่เลยไม่รู้จักหรือไม่เคยกินขนมเหล่านี้ เวลาเขามาเจอขนมเหล่านี้ในคาเฟ่ของเราก็รู้สึกตื่นเต้น หรือแม้แต่คนรุ่นที่เคยกินขนมโบราณเหล่านี้ตอนเด็ก ๆ เขาก็มารำลึกความหลังผ่านขนมเหล่านี้ที่ร้านของเรา”

 

ทางเลือกในการอร่อยกับขนมแห่งวันวานมีตั้งแต่เลือกสั่งเฉพาะอย่างมาทานคู่กับเครื่องดื่ม หรือจะสั่งแบบสามสหายหรือรวมขนมเพื่อดื่มด่ำกับรสชาติแห่งความคิดถึงของขนมลูกเต๋า ขนมเปี๊ยะ ตุ้บตั้บ ทองพับ และขนมดอกจอกแบบครบเครื่อง 

รวมขนมลูกเต๋า ทองพับ ตุ้บตั้บ ขนมเปี๊ยะ และดอกจอก

 

ลองจับคู่ความอร่อยกับเครื่องดื่มรสชาติ ๆ หวาน ๆ ก็เป็นตัวเลือกที่เข้ากันได้ดี อาทิ ชาไทยเฉาก๊วย ส่วนผสมสุดลงตัวของชาไทยรสเข้มข้นและเฉาก๊วยเนื้อหนึบหนับ ที่ไปกันได้ดีกับขนมลูกเต๋า แป้งจี่เนื้อนุ่มหุ้มไส้เผือกกวนมาอย่างพอดิบพอดี ที่แค่ได้สัมผัสรสชาติหอมนวลเฉพาะตัวของเนื้อแป้งที่ไม่มีขนมชนิดไหนลอกเลียนแบบได้ ก็ทำให้ภาพวัยเยาว์ของแต่ละคน Flashback ขึ้นในหัวได้อย่างแน่นอน

กาแฟอัฟโฟกาโต้

 

ใครอยากลองกินขนมดอกจอกแบบพอดีคำ แนะนำให้สั่ง กาแฟอัฟโฟกาโต้ กาแฟเอสเปรสโซเสิร์ฟคู่ไอศกรีมที่เลือกได้ระหว่างไอศกรีมกะทิลอดช่องหรืออัลมอนด์วานิลลา โดยมีขนมดอกจอกประดับอยู่ข้างบนเนื้อไอศกรีม จะเลือกรินเอสเปรสโซอุ่น ๆ ผ่านดอกจอกลงไปยังไอศกรีม หรือจะแยกชิมดอกจอกทีละคำไปพร้อมกับอัฟโฟกาโต้ ก็อิ่มเอมกับรสชาติหวานมันของขนมโบราณรูปทรงวิจิตรชิ้นนี้ได้อร่อยไม่แพ้กัน

ชาไทยเฉาก๊วยและมัทฉะครั้นชี่

 

มัทฉะครั้นชี่ เป็นอีกหนึ่งความลงตัวที่อยากให้ลอง เพราะเป็นเครื่องดื่มที่เข้มข้นด้วยผงมัทฉะที่ผสมผสานกับความกรุบกรอบของขนมตุ้บตั้บ ที่บดละเอียดเป็นเนื้อเดียวกับมัทฉะ แถมยังมีตุ้บตั้บบดหยาบโรยอยู่บนวิปครีมหอมหวาน สั่งแก้วนี้แก้วเดียวได้อร่อยกับทั้งมัทฉะและตุ้บตั้บไปในตัว

 

รู้จักงานฝีมือประจำย่าน

ผ่านเวิร์กชอปประดิษฐ์ว่าวไทยและโมเดลรถไม้

 

นอกเหนือไปจากการเป็นคาเฟ่เสิร์ฟขนมโบราณที่มีทั้งแกลเลอรีและศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับตลาดพลูอยู่ในตัว บ้านประชายังขยันจัดเวิร์กชอปดี ๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยเชิญปราชญ์ประจำชุมชนตลาดพลูมาร่วมแบ่งปันความรู้สู่คนรุ่นใหม่ ได้แก่ กิจกรรม DIY ว่าวไทย สอนโดย ลุงเบื๊อก - เสรี สุดจินดา แชมป์การแข่งขันว่าวสายบางสะแกระดับประเทศ เจ้าของว่าวจุฬาตัวเขื่องที่ประดับเด่นเป็นสง่าบนผนังชั้นสองของร้าน

ว่าวจุฬาฝีมือลุงเบื๊อก

 

อีกหนึ่งเวิร์กชอปที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ได้แก่ การประกอบโมเดลรถไม้ สอนโดย ลุงตุ๋ย - อาทร พูลศิริ อดีตนายทหารผ่านศึกที่สนุกกับการการแกะแบบและสร้างโมเดลไม้ทำด้วยมือให้กลายเป็นรถโดยสารภูเก็ตแบบโบราณ (โพต๊อง) สามล้อ เกวียน เรือไม้ ฯลฯ ที่ทั้งน่ารักและน่าทึ่งในการค่อย ๆ ประกอบร่างสร้างยานพาหนะจิ๋วให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้  

โมเดลรถไม้ฝีมือลุงตุ๋ย

 

“ผมพยายามจัดเวิร์กชอปเป็นประจำทุกเดือน ตอนนี้กำลังมองหากิจกรรมใหม่ ๆ มาเสริม เช่น การประดิษฐ์หน้ากากงิ้ว ที่แต่ละลวดลายสื่อถึงวรรณคดีของจีน ซึ่งอยู่ในช่วงหาข้อมูลและพัฒนาความเป็นไปได้ให้เกิดขึ้นจริง” มนตรีเล่าถึงโปรเจกต์ใหม่ที่เขากำลังปลุกปั้น เพื่อขับเคลื่อนบ้านประชาให้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาของวิถีแห่งวันวานร่วมสมัย ตอกย้ำเสน่ห์ไม่เหมือนใครแห่งย่านตลาดพลู

 

 

ประชา – Pracha

เลขที่ 103 ซอยเทอดไท 20 ตลาดพลู กรุงเทพฯ 

เปิดบริการ : วันพุธ – วันจันทร์ เวลา 10.30 - 19.30 น. (ปิดวันอังคาร)

โทร : 062 290 2582

Facebook : ประชา - Pracha

Instagram : baanpracha

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...