

ฉลองวาเลนไทน์แบบไม่ซ้ำ กับ 4 พิกัดร้านอาหารที่เหมือนได้ควงแขนคู่รักลัดฟ้าไปชิมของอร่อย
Lifestyle / Guide
09 Feb 2024 - 7 mins read
Lifestyle / Guide
SHARE
09 Feb 2024 - 7 mins read
ต้อนรับเดือนแห่งความรักด้วยพิกัดร้านอาหาร 4 แห่ง 4 สัญชาติ ที่ชวนให้คุณอยากพาคนรักออกเดตได้ไม่ซ้ำบรรยากาศ
เริ่มต้นกันตั้งแต่มื้อเช้าในสไตล์นอร์ดิกที่ร้าน kasnäsbkk (คาสนาสบีเคเค) ที่บรรจงคัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาลมาปรุงอาหารเช้าและบรั้นช์รสชาติดีในแบบสแกนดิเนเวียนเสิร์ฟตลอดวัน จากนั้นอิ่มมื้อกลางวันกันต่อกับทงคัตสึต้นตำรับจากเมืองเกียวโตที่ Katsukura (คัตสึคุระ) จิบชายามบ่ายในบรรยากาศของทีเฮ้าส์สไตล์ไต้หวันที่ Casa Formosa (คาซา ฟอร์โมซา) ปิดท้ายด้วยดินเนอร์มื้อหรูในร้านอาหารฝรั่งเศสของเชฟเจ้าของสมญาพ่อมดแห่งอาหารฝรั่งเศสที่ Blue by Alain Ducasse (บลู บาย อลัง ดูคาส) ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
จะเดตวันเดียวให้ครบทั้ง 4 สัญชาติ หรือเดตสัปดาห์ละแห่งก็ช่วยชุบชูใจ เติมความหวานผ่านมื้อพิเศษได้บ่อยเท่าที่ต้องการ โดยไม่ต้องรอวาเลนไทน์แค่วันเดียว
kasnäsbkk
อิ่มอร่อยได้คุณค่ากับอาหารเช้าสไตล์นอร์ดิก
ลัดฟ้าสู่ฟินแลนด์ได้ในพริบตา เพียงพาตัวเองไปให้ถึงถนนสาทร แล้วอิ่มเอมความสุขกับอาหารเช้าและบรั้นช์ลูกครึ่งบริติช-นอร์ดิกกันที่ kasnäsbkk (คาสนาสบีเคเค) ร้านอาหารที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตบนเกาะคาสนาสในประเทศฟินแลนด์ ดินแดนที่ พุธ - เกวลิน พิทยานุกุล ผูกพันและหลงใหลในเสน่ห์ของที่นั่นจนต้องกลับไปเยือนเป็นประจำทุกปี และเมื่อถึงคราวปลุกปั้นร้านอาหารแห่งแรกในชีวิต เธอจึงเลือกที่จะนำความอร่อยตำรับนอร์ดิกเสิร์ฟใส่จานให้ชาวกรุงเทพฯ ได้ลิ้มรสชาติแบบที่เธอติดใจ
“อาหารนอร์ดิกสำหรับพุธ หมายถึง อาหารคลีนที่กินแล้วอิ่ม คลีนในที่นี้ไม่ได้แปลว่าเฮลธ์ตี้ไปเสียทั้งหมด แต่จะกินแล้วไม่รู้สึกเลี่ยน อิ่ม สบายท้อง สบายใจ รสชาติไม่เค็มหรือเปรี้ยวโดด มีความกลมกล่อมของรสชาติ เพราะคนฟินแลนด์ใส่ใจเรื่องรสชาติวัตถุดิบเป็นพิเศษ เขากินผักผลไม้ที่ปลูกเอง หรือแม้แต่เนื้อสัตว์ก็ออกไปล่าเองเมื่อถึงฤดูกาล”
การใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลจึงเป็นหัวใจสำคัญของคาสนาส ทำให้ในบางเดือนของบางฤดู เมนูที่คุณเคยกินมาก่อนอาจหายไปจากเมนู หรือมีส่วนผสมในจานที่ต่างไปจากเดิม
Salmon Avocado Toast
เอกลักษณ์อีกอย่างของคาสนาส คือ อาหารเช้าสไตล์นอร์ดิกที่นิยมรับประทาน smörgås (สมอร์โกส) หรือแซนด์วิชแบบเปิดหน้า ที่อุดมไปด้วยนานาท็อปปิ้งโปะบนขนมปังจนมิดเหมือนอย่าง Salmon Avocado Toast ของคาสนาสที่จัดเต็มเครื่องครบครัน ทั้งอะโวคาโด แซลมอนดองเกลือที่เรียกว่า กราฟลักซ์ (Gravlux) ซึ่งเป็นวิธีถนอมอาหารในแบบสแกนดิเนเวียน ให้กลิ่นและรสชาติต่างจากแซลมอนรมควันที่คุ้นเคย ทานคู่กับผักชีลาวและเคเปอร์ดอง ยิ่งถ้าสั่งไข่กวนเพิ่มก็จะเป็นส่วนผสมที่อิ่มอร่อยลงตัว
Breakfast Board
อีกเมนูที่คุณพุธภูมิใจนำเสนอ คือ Breakfast Board เซตอาหารเช้าที่ลูกค้าสามารถเลือกวัตถุดิบที่ชอบใจได้เอง ตั้งแต่ขนมปัง ไข่ ผัก เนื้อสัตว์ และของหวาน อย่างเซตนี้เป็นขนมปังบริออช ไข่ดาว กราฟลักซ์ และเบคอนกรอบราดน้ำผึ้ง เคียงด้วยสลัดมะเขือเทศและอัลมอนด์ ผลไม้ตามฤดูกาล แล้วมาจบที่โยเกิร์ตกราโนลากับเมล็ดเจีย จะทานโน่นนิดนี่หน่อยไปทีละคำ หรือนำทุกอย่างมาโปะบนขนมปังแล้วกินแบบแซนด์วิชหน้าเปิดก็แล้วแต่ความชอบได้เลย
ปิดท้ายด้วยขนมเค้กประจำชาติของชาวฟินแลนด์อย่าง Finnish Brita Cake สปอนจ์เค้กเนื้อเบาแป้งบาง เข้ากันกับรสหอมหวานของเมอแรงและครีมสดแต่งหน้าด้วยผลไม้สดอย่างกีวี สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และกูสเบอร์รี่ จึงกลมกล่อมด้วยรสชาติเปรี้ยวอมหวานของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่ตัดรสหวานของเค้กได้อย่างลงตัว
ไม่เฉพาะอาหารเท่านั้นที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบนอร์ดิก บรรยากาศทั้งหมดของร้านก็อบอวลไปด้วยการตกแต่งสไตล์สแกนดิเนเวียน ทั้งการเลือกใช้ไม้โทนสีอบอุ่น เลือกใช้ผนังเป็นกระจกเพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติและเพื่อให้เห็นต้นไม้ใบเขียวด้านนอก ทั้งยังประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์สัญชาติสแกนดิเนเวียนแท้ แค่โคมไฟดอกไม้สีพาสเทลน่ารักออกแบบโดยดีไซเนอร์ระดับโลกอย่าง Verner Panton ที่คุณพุธทยอยสะสมและหิ้วมาเองจากเดนมาร์ก ก็แสดงออกถึงความใส่ในใจทุกรายละเอียดของคาสนาสที่ตั้งใจให้ทุกคนที่มาเยือนได้รับความสุขความสบายใจสไตล์นอร์ดิกติดตัวกลับบ้านเป็นของฝาก
สำหรับใครที่ชอบพาน้องหมาน้องแมวไปเที่ยวด้วย ร้านนี้เป็น Pet Friendly ที่ยินดีต้อนรับสัตว์เลี้ยงแสนรักของทุกท่านให้มีความสุขร่วมโต๊ะเดียวกัน ทางร้านคิดเมนูพิเศษมาเพื่อน้องหมาโดยเฉพาะ พาน้องมาลองกันได้เลย
kasnäsbkk
42/1 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ
เปิด : วันพุธ - วันจันทร์ เวลา 8.30 - 17.00 น. วันพฤหัส - วันอาทิตย์ เวลา 8.30 - 22.00 น. ปิดวันอังคาร
โทร : 061 659 2626
Facebook : Kasnasbkk
Instagram : kasnasbkk
Katsukura
อร่อยเต็มคำกับทงคัตสึรสแท้ตำรับเกียวโต
สำหรับคนรักอาหารจานทอด โดยเฉพาะทงคัตสึ ต้องไม่พลาดการไปเช็กอินที่ Katsukura (คัตสึคุระ) ร้านหมูทอดทงคัตสึพรีเมียมจากเมืองเกียวโตที่มาเปิดสาขาแรกในเมืองไทย ณ ชั้น 4 สยาม ทาคาชิมายะในไอคอนสยาม
Photo: iconsiam.com
ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านอาหารต้นตำรับญี่ปุ่นที่เลือกเปิดสาขาเป็นแห่งแรกนอกเกาะญี่ปุ่นทั้งที คัตสึคุระ กรุงเทพฯ จึงเหมือนกับยกเอาคัตสึคุระในเมืองเกียวโตมาครบทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งบรรยากาศการตกแต่งในแบบญี่ปุ่นแท้ตั้งแต่เพดานไปจนถึงจานชามที่เป็นเครื่องกระเบื้องทำมือ แม้แต่ตะแกรงลวดที่ใช้เสิร์ฟทงคัตสึก็เป็นศิลปะทำมือตำรับเกียวโตโดยเฉพาะ
เช่นเดียวกับรสชาติอาหารที่ถ่ายทอดความอร่อยแบบต้นตำรับเอาไว้ครบถ้วน โดยเฉพาะทีเด็ดอย่างซอสทุกชนิดไปจนถึงน้ำมันพืชสำหรับทอด ซึ่งเป็นเคล็ดลับความอร่อยของทงคัตสึ ก็นำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งหมดเช่นกัน
Photo: iconsiam.com
มั่นใจได้ในทุกจานอร่อยด้วยลีลาการทำงานแบบมืออาชีพของ Head Chef ชาวญี่ปุ่น ที่ดูแลทุกขั้นตอนโดยละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าทงคัตสึทุกจานผ่านการทอดจนกรอบ อร่อย และได้คุณภาพตามมาตรฐานของร้านที่สร้างชื่อเสียงมานานกว่า 30 ปี
Natsu Noumi
Photo: iconsiam.com
สำหรับเมนูพิเศษที่ร้านสร้างสรรค์ขึ้นมาเสิร์ฟเฉพาะสาขาไอคอนสยามเท่านั้น ได้แก่ Natsu Noumi ที่มีความหมายว่า ทะเลฤดูร้อน ตามเอกลักษณ์ของการผสมผสานวัตถุดิบจากท้องทะเล ได้แก่ กุ้ง Black Tiger Prawn และแซลมอน ให้เข้ากับสันในหมูคุโรบุตะเกรดพรีเมี่ยม เสิร์ฟพร้อมทาร์ทาร์ซอสที่ช่วยขับรสชาติของอาหารทะเลได้เป็นอย่างดี ทานกับข้าวญี่ปุ่นผสมข้าวบาร์เล่ย์ได้ทั้งความกรุบและหนึบเข้ากันเป็นอย่างดีกับของทอด
Photo: iconsiam.com
เคล็ดลับความอร่อยที่แท้จริงนั้นซ่อนอยู่ใน Original Sauce ซอสสูตรลับที่เชฟผสมไวน์แดงเข้าไป ช่วยให้รสชาติไม่หวานจัดเข้ากันกับรสเปรี้ยวกลมกล่อม รวมถึงเข้ากันเป็นอย่างดีกับงาขาวคั่วที่ลูกค้าต้องบดเองสด ๆ ก่อนกิน ส่วนน้ำสลัดสำหรับกินคู่กับกะหล่ำซอยเป็นน้ำสลัดส้มยูสุที่ไม่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม จึงอร่อยสดชื่นได้อย่างสบายใจ
Photo: iconsiam.com
ความพิเศษของคัตสึกุระยังอยู่ในเครื่องเคียงอย่างซุปมิโสะและผักดองที่เสิร์ฟมาในอาหารทุกเซ็ต โดยซุปมิโสะนั้นเป็นการผสมมิโสะ 2 ชนิดเข้าด้วยกัน ทั้งมิโสะแดงและมิโสะขาว ที่มีรสชาติต่างกัน แต่เมื่อมาร่วมกันแล้วเกิดเป็นซุปรสพิเศษที่อร่อยไม่รู้ลืม เช่นเดียวกับผักดอง ที่ทางร้านเลือกใช้ผักฮิโรชิมะดองเท่านั้น เพื่อให้ได้รสชาติกลมกล่อมเข้ากันของทั้งข้าว ผักดอง สลัด และซุปมิโสะ ซึ่งทุกรายการ (ที่ไม่ใช่ของทอด) สามารถขอเติมได้ไม่อั้น เพื่อให้ทุกท่านได้มีความสุขกับมื้ออร่อยตำรับเกียวโตอย่างอิ่มท้องและอิ่มใจ
Katsukura
ชั้น 4 สยาม ทาคาชิมายะ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ถ.เจริญนคร คลองสาน กรุงเทพฯ
เปิด : ทุกวัน เวลา 11.00 – 22.00 (รับออเดอร์สุดท้าย เวลา 21.00 น.)
โทร : 02 288 0205
Facebook : かつくら / Katsukura Bangkok
Website : www.katsukura.jp/
Casa Formosa
ดื่มด่ำรสชาติชาไต้หวันในตึกโบราณย่านสำเพ็ง
นึกถึงประเทศไต้หวัน หลายคนนึกถึงชาไข่มุกขึ้นมาทันที โดยเป็นการพัฒนามาจากวัฒนธรรมดื่มชาของชาวไต้หวันที่แข็งแรงและหยั่งรากลึกมายาวนาน ในไต้หวันจึงเต็มไปด้วยร้านน้ำชา (Tea House) ในทุกมุมเมือง และแทบทุกร้านน้ำชายังมีกิจกรรมทางวัฒนธรรมให้ศึกษาเรียนรู้ไปในตัว
หากใครอยากสัมผัสบรรยากาศของร้านน้ำชาที่เป็นแหล่งเรียนรู้ศิลปะวัฒนธรรมดังกล่าว ยังไม่ต้องจองตั๋วเครื่องบินไปไกลถึงไต้หวัน แค่มาที่ย่านสำเพ็งก็ได้สนุกกับการดื่มชาอู่หลงไต้หวันแท้คู่ขนมอร่อยที่ Casa Formosa (คาซา ฟอร์โมซ่า) คาเฟ่ที่เสิร์ฟสาระความรู้ควบคู่สำรับชา
คาซา ฟอร์โมซ่า เป็นร้านน้ำชาในห้องแถวหนึ่งคูหาที่แทรกตัวอยู่อย่างกลมกลืนในตลาดสำเพ็ง โดยถือกำเนิดขึ้นเพราะความคิดถึงบ้านของ ลาร์รี โก (Larry Ko) หนุ่มไต้หวันที่ตกหลุมรักเมืองไทยและใช้ชีวิตอยู่ที่ภูเก็ตและกรุงเทพฯ มานานร่วม 4 ปี จนสามารถสื่อสารภาษาไทยได้คล่องแคล่ว กระทั่งเกิดการล็อกดาวน์ในช่วงสถานการณ์โรคโควิด 19 แพร่ระบาด ชายหนุ่มเกิดความรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาจับใจ และรสชาติที่เขาคิดถึงที่สุดไม่ใช่อาหาร กลับเป็นรสชาติของชาไต้หวันแท้ ๆ ที่หากินได้ยากในเมืองไทย
“เมื่อ 3-4 ปีที่แล้วไทยยังไม่ค่อยมีร้านชาจริง ๆ มีแต่ชานมไข่มุก ซึ่งโดยส่วนตัวผมชอบชาใสมากกว่า เลยคุยกับเพื่อนคนไทยว่าอยากเปิดร้านชาเหมือนกับที่ไต้หวัน เพราะกรุงเทพฯ มีร้านกาแฟเยอะมาก แต่ไม่มี Tea House สำหรับ Tea Lover เลย” คุณลาร์รีเล่าถึงจุดเริ่มต้นของคาซา ฟอร์โมซ่า ที่เขาตั้งใจคัดสรรใบชาจากไร่ชาทั่วไต้หวัน มีตั้งแต่ชาอู่หลงทิกวนยินในภาคเหนือ ไปจนถึงชาอู่หลงภูเขาสูงแถบภาคกลางของไต้หวัน เพื่อให้ลูกค้าได้ดื่มชาที่มีรสชาติหลากหลาย
1869 Oolong
ยกตัวอย่างชาซิกเนเจอร์ 1869 Oolong ชาอู่หลงที่ผ่านการบ่มอย่างล้ำลึก จนอบอวลด้วยกลิ่นหอมของน้ำผึ้ง ผลไม้ วานิลลา และคาราเมล แนะนำสั่งแบบร้อนจะได้เข้าถึงกลิ่นและรสได้ดียิ่งขึ้น โดยเอกลักษณ์ในการเสิร์ฟชาร้อนของคาซา ฟอร์โมซา จะมีการเสิร์ฟ ‘ถ้วยชาไห่’ ที่มีความหมายตรงตัวว่า ที่พักชา ซึ่งเป็นกรรมวิธีดื่มชาแบบไต้หวัน ด้วยการรินชาจากกาลงในชาไห่ ก่อนจะรินใส่จอกแล้วยกขึ้นดื่ม เพื่อรสชาติที่กลมกล่อมจากการได้พักชาแต่ละน้ำไว้ในชาไห่ก่อน รสชาจะได้ไม่เข้ม ขม หรือฝาดเกินไป
Sun Moon Lake Ruby กับคานาเล่ และพายสับปะรด
ชาอีกตัวที่น่าสนใจ ได้แก่ Sun Moon Lake Ruby ที่หอมกลิ่นซินนามอน ใบมิ้นต์ คาราเมล และช็อกโกแลต สั่งแบบเย็นมาดื่มก็สดชื่นเหมือนได้จิบอเมริกาโนแบบละมุน แนะนำว่าควรสั่งขนมมากินคู่กัน มีทั้งพายสับปะรด ขนมเปี๊ยะตำรับไต้หวันแท้ ขนมโยกัง (ขนมวุ้นถั่วแดง) สูตรเฉพาะนำเข้าจากไต้หวัน และคานาเล่ ขนมสัญชาติฝรั่งเศสที่พิเศษตรงการใส่ผงชาอู่หลงเป็นส่วนผสมในเนื้อแป้ง ได้สัมผัสกรอบนอก เนื้อในหนึบ เข้ากันกับชาทุกตัว ซึ่งใครที่อยากกินชานมไข่มุกหรือชากลิ่นผลไม้ เช่น ชาพีช ทางร้านก็มีไว้บริการเช่นกัน
ชาพีช
สำหรับบรรยากาศคาเฟ่แห่งการเรียนรู้ของที่นี่มีหลากหลายรูปแบบ เช่น จัดงานบรรยายประวัติศาสตร์ชาในเอเชีย เวิร์กช็อปชาไต้หวัน และล่าสุดในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมากับกิจกรรมศิลปะการตัดกระดาษจีนโบราณ โดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีน หรืออย่างในเทศกาลตรุษจีนก็มีบริการเขียนคำมงคลให้กับลูกค้าที่สนใจอีกด้วย
ที่นั่งปูด้วยเสื่อทาทามิบริเวณชั้นลอย (บน) ลังไม้บรรจุชาแบบโบราณ จำลองมาจากในพิพิธภัณฑ์ในไต้หวัน (ล่าง)
“คาเฟ่ที่ไต้หวันเป็นเหมือนสถานที่เรียนรู้ไปในตัว เพราะคนไต้หวันสนใจการเรียนรู้สิ่งใหม่ จึงแล้วแต่ความชอบของเจ้าของร้านแต่ละแห่งว่าอยากจะ Educate อะไร อย่างร้านเราเชียร์ความรู้ด้านศิลปะวัฒนธรรมไทยจีน เราอยากเป็น Hub ที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรมจีนที่เปิดกว้างให้ผู้ที่สนใจเข้ามาสอบถามพูดคุยกันได้” คุณลาร์รีเล่าถึงหัวใจของคาซา ฟอร์โมซา ที่ LIVETOLIFE แนะนำเป็นอย่างยิ่งว่า หากอยากจิบชาที่นี่ให้อร่อยได้อรรถรสยิ่งขึ้น ควรสนทนากับเจ้าของร้าน หรือพนักงานร้านคนไหนก็ได้ เพราะทุกคนพร้อมจะมอบข้อมูลสนุก ๆ เกี่ยวกับชาหรือประวัติศาสตร์เกี่ยวกับจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฯลฯ เป็นอีกหนึ่งกับแกล้มแนมมื้อชายามบ่ายให้เข้มข้นครบรสยิ่งขึ้น
Casa Formosa
470 ถ.วานิช 1 แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
เปิด : ทุกวัน เวลา 10.00 - 18.00 น.
โทร : 099 627 5359
Facebook : Casa Formosa Taiwan Tea House
Instagram : casaformosa_official
Blue by Alain Ducasse
ดินเนอร์มื้อหรูรังสรรค์โดยพ่อมดแห่งอาหารฝรั่งเศส
หากต้องการดินเนอร์มื้อหรูในบรรยากาศสุดพิเศษชวนจดจำ เชื่อว่าชื่อของ Blue by Alain Ducasse (บลู บาย อลัง ดูคาส) คือหนึ่งในลิสต์อันดับต้น ๆ ที่อยู่ในใจใครหลายคน
Blue by Alain Ducasse คือร้านอาหารฝรั่งเศส Fine Dining ที่รังสรรค์โดย อลัง ดูคาส เชฟที่ได้ดาวมิชลินมากถึง 21 ดวง เจ้าของสมญาพ่อมดแห่งอาหารฝรั่งเศสและเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ ผู้มีความสุขกับการได้เดินทางไปทำความรู้จักวัตถุดิบใหม่ ๆ ทั่วโลก โดยกรุงเทพฯ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่เชฟอลัง ดูคาส เกิดความรู้สึกหลงใหลในเสน่ห์ของวัตถุดิบแบบไทย ๆ จึงตั้งใจเปิดร้านอาหารสุดหรูที่เสิร์ฟวิวแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นของกำนัลสายตา
Marinated Langoustine, Gold Caviar
Photo: facebook.com/bluebyalainducasse
เอกลักษณ์ของเชฟอลัง ดูคาส คือ การนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาปรุงให้ได้รสชาติสากล ที่เรียกว่า ‘Glocal’ อาหารแต่ละจานที่ร้าน Blue จึงเป็นส่วนผสมของวัตถุดิบท้องถิ่นไทยเคล้ากับของดีจากต่างแดนอย่างลงตัว เช่น เมนูซิกเนเจอร์อย่าง Marinated Langoustine, Gold Caviar ที่มีเนื้อกุ้งลังกู้สตีนนุ่มละมุนเป็นพระเอกของจาน ชูรสด้วยนางเอกของไทยอย่างเยลลี่ตะไคร้และส้มโอมือที่ช่วยเพิ่มกลิ่นและรสที่สดชื่นได้อย่างเข้ากัน ก่อนจะท็อปด้วยโกลด์คาเวียร์นำเข้าจากฝรั่งเศส เป็นอันครบสูตรรสชาติอันแสนจะกลมกล่อม
Smoked Carabineros with Burrata
Photo: facebook.com/bluebyalainducasse
อีกจานที่สีสันสดสวยงดงามราวชิ้นงานศิลปะ ได้แก่ Smoked Carabineros with Burrata กุ้งคาราบิเนรอสรมควันกับชีสบูราตา ซึ่งในทันทีที่ลงเสิร์ฟก็สะท้อนถึงฤดูร้อนในประเทศฝรั่งเศสได้ไม่ยาก ยิ่งเมื่อได้ลิ้มรสยิ่งรู้สึกถึงความสดชื่นจากความสดของกุ้งคาราบิเนรอส กุ้งสีแดงสดจากประเทศสเปนที่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ยิ่งนำไปรมควันอย่างพิถีพิถันยิ่งได้รสชาติที่อร่อยเข้มข้น เข้ากันกับความนุ่มละมุนครีมมี่ของชีสบูราตา และรสชาติเปรี้ยวอมหวานของเชอร์รี่ดอง ลูกพีชลวก และอัลมอนด์กรอบ ราดด้วยซอสเชอร์รี่วิเนเกรตต์ (Cherry Vinaigrette) เกิดเป็นรสสัมผัสที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร
Free-Range Chicken Black Truffle Pithiviers
Photo: facebook.com/bluebyalainducasse
อีกหนึ่งเมนูที่หลายคนหลงรัก ได้แก่ Pithiviers (พิทิวิเย่อส์) ที่ปกติจะคุ้นเคยในรูปแบบของขนมแป้งพัฟประกบสอดไส้อัลมอนด์และคัสตาร์ดครีม แต่สำหรับที่ร้าน Blue ได้ทำการเนรมิตพิทิวิเย่อส์เสียใหม่ให้เป็นของคาว โดยตัวไส้เป็นเนื้อไก่ที่เลี้ยงอย่างอิสระ นำมาบดกับเห็ดทรัฟเฟิลดำ เสิร์ฟกับซอสสูตรเข้มข้นรสชาติกลมกล่อมเข้ากันกับแป้งพัฟเนยสดอย่างลงตัว
ไม่ได้พิเศษเฉพาะมื้ออาหารเท่านั้น บรรยากาศของ Blue ยังวิจิตรงดงามสมมาตรฐานร้านอาหารของเชฟอลัง ดูคาส เริ่มตั้งแต่โซน The Lounge โถงรับรองที่เปิดให้บริการตลอดวัน สำหรับลูกค้าที่อยากผ่อนคลายไปกับเครื่องดื่มและเบเกอรี่อร่อยในบรรยากาศที่จำลองอุทยานของพระราชวังแวร์ซายส์เอาไว้อย่างเหมาะเจาะ ผ่านผนังไม้วอลนัทและโคมไฟที่ซ้อนกันอย่างงดงาม
บรรยากาศในโซน Dining
Photo: facebook.com/bluebyalainducasse
สำหรับโซนหลักอย่างโซน Dining นั้นล้อมรอบด้วยกระจกใส เพื่อฉายวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบพาโนรามา ตัดกับสีสันของพื้นและผนังที่เลือกใช้โทนสี Royal Blue แลดูหรูหรา สง่างาม ทว่าเรียบเท่ ด้วยดีไซน์พิเศษของแชนเดอเลียร์สีครีมที่แผ่ซ้อนเป็นเลเยอร์โชว์ความงดงามอลังการในยามค่ำคืน
สำหรับเมนูพิเศษในวันวาเลนไทน์นี้ ทางร้านได้จัดเตรียมอาหารรูปแบบ 10 คอร์ส ในราคา 8,888 บาท++ จากวัตถุดิบหลากชนิด อาทิ หอยนางรมสดใหม่ กุ้งคาราบิเนรอสเนื้อหวานฉ่ำ ความกลมกล่อมของหน่อไม้ฝรั่งขาว ฯลฯ พร้อมด้วยปาเน็ตโตเนแสนอร่อยอีกหนึ่งชิ้นเป็นของขวัญจากทางร้านแก่แขกทุกท่านในค่ำคืนวาเลนไทน์
สำรองที่นั่งสำหรับค่ำคืนสุดพิเศษในวันวาเลนไทน์ได้ทางอีเมล reservations@blue-alainducasse.com หรือโทร 065 731 2346
Blue by Alain Ducasse
ชั้น 1 ไอคอนสยาม (โซน ICONLUXE)
เปิด : เวลา 12.00-21:00 น. ปิดวันอังคารและวันพุธ
โทร : 02 005 9412, 065 731 2346
Line ID: BlueByAlainDucasse
Website : www.blue-alainducasse.com
อ้างอิง
- Iconsiam.Katsukura Kyoto ตัวจริงเรื่องทงคัตสึ หนึ่งเดียวในเมืองไทย.https://bit.ly/3Oo2Dea
- HelloMagazine.เชฟที่ได้ดาวมิชลินมากที่สุดในโลกเปิดร้านใหม่ในกรุงเทพฯ BLUE by Alain Ducasse.https://bit.ly/4bc4aO7