

ทำไมใครๆ ถึงอยากเลี้ยงแมวมงคล คุยกับ ‘บ้านแมวไทยพีพี’ แหล่งพัฒนาและเพิ่มมูลค่าแมวไทย
Lifestyle / Trends
30 Sep 2025 - 5 mins read
Lifestyle / Trends
SHARE
30 Sep 2025 - 5 mins read
รู้ไหมว่าแมวพันธุ์อะไรมีราคาแพงที่สุดในโลก ?
เมื่อลองค้นหาข้อมูลตามเว็บไซต์ต่าง ๆ คำตอบที่ได้มักเหมือนกันทุกเว็บไซต์ นั่นคือ Ashera ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างแมวป่ากับแมวบ้าน ที่ขึ้นแท่นแมวที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าสูงถึงตัวละ 4-10 ล้านบาท
ส่วนแมวพันธุ์อื่น ๆ ที่มีราคาสูงติดอันดับโลกไล่เรียงลงมานั้น แม้ข้อมูลของแต่ละแหล่งจะไม่ตรงกันเสียทีเดียว แต่มักมีชื่อ แมวขาวมณี (Khao Manee) ติดอยู่ในอันดับต้น ๆ เสมอ ถือเป็นแมวไทยสายพันธุ์เดียวท่ามกลางบรรดาแมวสายพันธุ์นานาชาติจากทั่วโลก โดยราคาของแมวขาวมณีในตลาดโลกอยู่ที่ 7,000 – 11,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 222,500-350,000 บาท)
โดยเฉพาะหากเป็นแมวขาวมณีตาสองสี คือ ตาข้างหนึ่งสีฟ้าและอีกข้างสีเหลือง ราคาจะยิ่งสูงขึ้นตามลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร
แต่คำถามที่ตามมาก็คือแล้วถ้าเป็น ‘แมวขาวมณีตาสามสี’ ล่ะ ราคาจะอยู่ที่เท่าไร ?
อ่านถึงตรงนี้ คนรักแมวไทยทั้งหลายคงยังไม่เดาเรื่องราคา แต่สะดุดอยู่ตรงประเด็นที่ว่า แมวขาวมณีตาสามสีมีด้วยเหรอ ?
คุณพีกับตรีเนตร แมวขาวมณีตาสามสีหนึ่งเดียวในไทย
คำตอบคือ แมวขาวมณีตาสามสีมีอยู่จริง ซึ่งเท่าที่ปรากฏหลักฐานตอนนี้มีเพียงตัวเดียวในประเทศไทย คือ ตรีเนตร แห่ง บ้านแมวไทยพีพี (PP Thai Cattery) แหล่งอนุรักษ์และพัฒนาแมวไทยของ คุณพี - ชนภัช อุบลวิรัตนา นักเพาะพันธุ์แมวไทยรุ่นใหม่ และเป็นเจ้าของแมวมงคลครบ 5 สายพันธุ์ที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน (จากทั้งหมด 17 สายพันธุ์ที่บันทึกไว้ในสมุดข่อยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา) ได้แก่ วิเชียรมาศ ขาวมณี สีสวาด ศุภลักษณ์ และโกญจา นอกจากนี้ ยังมีแมวไทยหายากที่เพิ่งถูกค้นพบ ได้แก่ แมวไทยสีกลีบบัว วิฬาร์กรุงเทพ และวิลาศ รวมอยู่ที่บ้านแมวไทยพีพีด้วยเช่นกัน
‘นิลกาฬ’ โกญจาตาสองสีหนึ่งเดียวในไทย
“ที่นี่เป็นบ้านเดียวในประเทศไทยที่มีแมวขาวมณีตาสามสี แมวโกญจาตาสองสี และแมววิฬาร์กรุงเทพ แมวสายพันธุ์ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งถูกค้นพบในเมืองไทย”
มากไปกว่าการเป็นบ้านที่รวมแมวไทยโบราณหายากหนึ่งเดียวในไทย บ้านแมวไทยพีพีมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น นั่นคือ การร่วมอนุรักษ์และพัฒนาแมวไทยให้เป็นทั้งมรดกของชาติและทรงคุณค่าในสายตาชาวโลก
คุณพี (อุ้มแมววิลาศ) กับคุณแม่ (อุ้มวิฬาร์กรุงเทพ)
ทำไมแมวมงคลถึงมีแค่ที่ไทย ?
แมวไทยไม่ได้เพิ่งเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับระดับนานาชาติในปัจจุบัน เพราะชาวตะวันตกชื่นชมคุณลักษณะที่พิเศษและสง่างามของ ‘แมวสยาม’ หรือ Siamese Cat มานานเกินศตวรรษ
ทั้งนี้ Siamese Cat นั้นหมายถึง แมววิเชียรมาศ เพราะถือเป็นแมวไทยสายพันธุ์แรกที่ทำหน้าที่ไม่ต่างจากทูตสันถวไมตรีในการนำพาเอกลักษณ์ของสยามสู่สายตานานาชาติ
ตามบันทึกในประวัติศาสตร์ Siamese Cat เป็นที่รู้จักในประเทศแถบตะวันตกสมัยรัชกาลที่ 5 ในฐานะของขวัญชิ้นพิเศษจากเมืองสยาม ไม่ว่าจะเป็นในฟากของสหรัฐอเมริกา เมื่อกงสุลอเมริกันประจำประเทศไทยนำแมววิเชียรมาศชื่อ Siam (ไซแอม) เดินทางข้ามทวีปไปด้วย เพื่อมอบเป็นของขวัญแด่ภริยาของประธานาธิบดีรูเทอร์ฟอร์ด บี. เฮยส์ (Rutherford B. Hayes) ยังทำเนียบขาว
แมววิเชียรมาศ
ส่วนการเดินทางของแมวสยามไปยังประเทศอังกฤษเกิดขึ้นเมื่อครั้ง นายโอเวน กูลด์ (Owen Gould) ผู้ช่วยผู้อำนวยการบริษัทวินเซอร์คล้าก ได้นำแมววิเชียรมาศหนึ่งคู่ กลับไปฝากน้องสาวที่กรุงลอนดอน โดยแมวตัวผู้มีชื่อว่า พ่อ (Pho) และตัวเมียชื่อ แม่ (Mae) แมวคู่นี้ถูกนำไปประกวดแมวนานาชาติ ซึ่งจัดขึ้น และคว้ารางวัลชนะเลิศมาครอง ทำให้เกิดกระแสความนิยมในการเลี้ยง ‘แมวสยาม’ ในประเทศอังกฤษ และเผยแพร่ไปสู่ประเทศอื่น ๆ ในที่สุด
แมวโคราช หรือแมวสีสวาด ก็ไม่น้อยหน้า โดยมีโอกาสอวดโฉมความสง่างามภายใต้ขนสวยสีดอกเลา ณ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย นางยีน จอห์นสัน (Jean Johnson) ผู้เคยติดตามสามีมาทำงานในกรุงเทพฯ ได้นำแมวโคราชกลับไปเลี้ยงและเผยแพร่ จนค่อย ๆ เกิดกระแสความนิยมเลี้ยงแมวโคราชในสหรัฐอเมริกาไม่แพ้แมววิเชียรมาศ
แมวโคราช หรือสีสวาด
“เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมประเทศไทยถึงมี Siamese Cat แต่ประเทศอื่นไม่มีแมวประจำถิ่นเหมือนอย่างเรา ? ”
คุณพีตั้งคำถามเพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์ถึงที่มาของแมวมงคลในไทย
“แสดงว่าคนไทยผูกพันกับแมวมาตั้งแต่อดีตและมีความใส่ใจรอบด้านในการจำแนกว่า เมื่อเลี้ยงแมวลักษณะนี้แล้วให้คุณแก่ผู้เลี้ยงอย่างไรบ้าง”
“น่าสนใจว่าทำไมสมุดข่อยในแต่ละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นอยุธยา สุโขทัย หรือในภาคใต้ ที่อยู่ห่างไกลกัน แต่กลับบันทึกไว้เหมือนกันหมดว่าบ้านไหนเลี้ยงแมวขาวมณีหรือแมวโกญจาแล้วจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งที่ในยุคนั้นไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีความสะดวกในการส่งต่อข้อมูลถึงกันในต่างพื้นที่ แสดงว่าการเลี้ยงแมวแล้วเกิดสิริมงคลแก่เจ้าของเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทำให้แต่ละท้องถิ่นบันทึกเรื่องราวนี้ไว้เหมือนกันหมด”
“พีคิดว่าต้นกำเนิดของแมวมงคลน่าจะมีสองด้าน ด้านหนึ่งอาจจะเป็นกุศโลบายในการอยากให้ผู้คนเลี้ยงดูแมว แต่ถ้าเป็นกุศโลบายจริงก็ควรจะเป็นแมวมงคลทั้งหมด ไม่ควรมีแมวอัปมงคล” คุณพีตั้งข้อสังเกตถึงการที่ในสมุดข่อยโบราณบันทึกถึงแมวมงคล 17 ชนิด และแมวอัปมงคลอีก 6 ชนิด
“ในขณะที่อีกมุมหนึ่ง พีมองว่าเรื่องราวของการเลี้ยงแมวแล้วทำให้เกิดสิริมงคลแก่ผู้เลี้ยงนั้นเกิดขึ้นจริง อย่างพีเองตอนที่เริ่มทำเพจบ้านแมวไทยพีพีแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำพิธีบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางว่ารับแมวมงคลเข้ามาเลี้ยงในบ้าน เพจก็ยังเงียบ ๆ ไม่ได้เป็นที่รู้จักนัก แต่หลังจากทำพิธีเพียงสองสัปดาห์ ก็มีรายการโทรทัศน์ชื่อดังเชิญพีไปบอกเล่าเรื่องราวของแมวมงคล หลังจากนั้น ‘บ้านแมวพีพี’ ก็ได้ออกสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน”
“อีกเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกค้าที่จังหวัดอุดรธานี เขาติดต่อขอซื้อแมววิเชียรมาศตัวผู้ในวันที่ 15 และถามว่าพร้อมส่งไหม ตอนนั้นพีมีวิเชียรมาศตัวผู้พร้อมส่งหนึ่งตัวพอดี เลยส่งแมวไปทางเครื่องบินในตอนเช้า ประมาณ 5 โมงเย็น เขาทักมาขอเบอร์โทรศัพท์ พีก็ตกใจ คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับแมว ปรากฏว่าเขาโทรมาขอซื้อวิเชียรมาศตัวเมียเพิ่มอีกตัว เพราะลูกน้องเขาถูกหวยทุกคน รวมถึงตัวเขาเองที่ถูกหวยเกือบครึ่งล้าน ซึ่งเขาบอกกล่าวกับแมวเอาไว้ว่าถ้าได้ลาภก้อนใหญ่ จะซื้อเมียให้อีกตัว ยังมีอีกหลาย ๆ เหตุการณ์เกี่ยวกับโชคลาภ แต่สำหรับพีแล้วส่วนใหญ่จะเป็นโชคในด้านการงานเสียมากกว่า”
เมื่อคุณค่าของแมวไทยต่อยอดกลายเป็นมูลค่า
LIVE TO LIFE ตั้งคำถามกับคุณพีว่า คนไทยกับคนต่างชาติให้ความสนใจแมวไทยพันธุ์ไหนบ้าง
“สำหรับคนไทย ถ้าพิจารณาจากจำนวนสมาชิกในกลุ่มเฟสบุ๊กแมวพันธุ์ต่าง ๆ ที่พีดูแลอยู่ พบว่ากลุ่มคนรักแมววิเชียรมาศมีจำนวนสมาชิกเยอะที่สุด ตอนนี้เกือบ 4 แสนคนแล้ว ส่วนชาวต่างชาติถ้าวัดจากลูกค้าที่ทักมาขอซื้อแมวจากฟาร์มของพี แมวขาวมณีจะถูกถามถึงมากที่สุด โดยราคาขายลูกแมวขาวมณีที่ฟาร์มของพีอยู่ที่ 18,000-25,000 บาท”
แมวขาวมณี
“ที่น่าสังเกตอีกอย่างคือ ปัจจุบันคนไทยให้ความสนใจแมวดำพันธุ์โกญจากันมากขึ้น สังเกตจากเวลาพีเล่าเรื่องแมวไทยลงบนเพจ คนจะกดไลค์เรื่องของแมวโกญจาเยอะที่สุด หรือถ้าเป็นในแง่ของการซื้อขาย พีตั้งราคาขายลูกแมวโกญจาตัวละ 10,000 บาท คนที่ตัดสินใจซื้อไม่มีใครเคยต่อราคาเลย แสดงว่ามีความต้องการสูงและยินดีที่จะจ่าย”
“แต่โดยความตั้งใจจริง ๆ ของพีไม่ได้มุ่งเรื่องการทำฟาร์มเพื่อขายแมวแต่แรก พีอยากทำให้แมวไทยเป็นเรื่องที่เข้าถึงง่าย ไม่จำกัดอยู่แค่เฉพาะกลุ่ม” คุณพีย้ำถึงเจตนารมณ์ตั้งต้นที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบสิบปีก่อน เมื่อครั้งที่ได้รับแมวสีสวาดจากคุณตา และนำแมวเข้าประกวดในงานที่จัดโดย สมาคมแมวไทยโบราณนานาชาติ หรือ TIMBA
แม้จะพลาดรางวัล แต่การได้ก้าวเข้าสู่แวดวงคนรักแมวไทยโบราณครั้งนั้นก็จุดประกายให้เขาสานต่อความตั้งใจในการบอกเล่าเรื่องราวของแมวไทยให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่และกลุ่มคนในวงกว้างมากขึ้นผ่านเพจ บ้านแมวไทยพีพี
แมวโกญจา
และราวกับแมวไทยโบราณทั้งหลายก็ดูจะอยากให้คุณพีทำหน้าที่กระบอกเสียงให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เพราะหลังจากนั้น ทั้งแมวไทยสีกลีบบัว แมวศุกลักษณ์ แมววิลาศ ไปจนถึงแมววิฬาร์กรุงเทพ ต่างก็ทยอยมาอยู่รวมกันที่บ้านแมวไทยพีพี ทำให้คุณพีเป็นทั้งนักอนุรักษ์และพัฒนาแมวไทยโบราณไปพร้อม ๆ กัน
“บทบาทด้านการเป็นนักอนุรักษ์ คือ การอนุรักษ์และเพาะพันธุ์แมวไทยโบราณอย่างโกญจา วิเชียรมาศ ศุภลักษณ์ โคราช ขาวมณี และวิลาศ ส่วนในแง่ของการพัฒนาจะเน้นไปที่แมวไทยสีกลีบบัวและวิฬาร์กรุงเทพ โดยผู้ที่ Breed แมวไทยสีกลีบบัวสำเร็จเป็นครอกแรกในประเทศไทย คือ คุณมัดหมี่ – มัทนียา ภัทรกมล เจ้าของฟาร์มแมวบ้านไทยวิฬาร์ ที่ค้นพบแมวไทยสีกลีบบัวเมื่อปี พ.ศ. 2559 โดยก่อนหน้านี้คนส่วนใหญ่ดูถูกแมวสีกลีบบัวว่าเป็นแมวคัดทิ้ง เพราะไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในตำราแมวมงคล”
แมวไทยสีกลีบบัว
“ทั้งที่จริง ๆ แล้วแมวสีกลีบบัวมีความพิเศษและหายาก เพราะต้องนำแมวสีสวาดมาผสมกับสีสวาดจึงจะมีโอกาสเกิดแมวสีกลีบบัว ซึ่งโอกาสที่จะเกิดได้แค่หนึ่งในพันหรือหนึ่งในหมื่น กว่าที่คนจะมองเห็นคุณค่าของแมวไทยสีกลีบบัวต้องใช้เวลานานหลายปี ปัจจุบัน ฟาร์มแมวแต่ละแห่งต่างก็อยากมีแมวไทยสีกลีบบัว เพราะช่วยเพิ่มมูลค่าได้ และทุกวันนี้แมวไทยสีกลีบบัวสามารถลงสนามเพื่อเข้าร่วมประกวดได้แล้ว”
แมววิฬาร์กรุงเทพ
สำหรับวิฬาร์กรุงเทพนั้นเป็นแมวไทยสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2557 โดยตัวแรกที่พบเป็นแมวจรในละแวกสีลม ก่อนจะพบอีก 15 ตัวกระจายอยู่คนละแห่งในกรุงเทพฯ และอีกหลายตัวในจังหวัดต่าง ๆ โดยเมื่อนำพันธุกรรมไปตรวจและไม่พบพันธุกรรมใด ๆ ตรงกับแมวชนิดอื่น จึงตั้งชื่อว่า วิฬาร์กรุงเทพ เพื่ออ้างสิทธิ์ในความเป็นไทยที่มีต้นกำเนิดพันธุกรรมที่พบได้มากในกรุงเทพฯ นั่นเอง
ลักษณะของแมววิฬาร์กรุงเทพ คือ มีขนสีน้ำตาลคล้ายสีมอคค่า ดวงตาโทนสีฟ้า สีฟ้าอมเขียว หรือสีเขียวอมเหลือง ปลายจมูกสีชมพู สันจมูกมีสีเข้มคล้ายใส่หน้ากาก มีรอยแต้มสีจาง 9 แห่งคล้ายวิเชียรมาศ และมีอุ้งเท้าสีชมพู
อุ้งเท้าของวิฬาร์กรุงเทพ
ส่วนแมวไทยโบราณอีกหนึ่งชนิดอย่าง ‘วิลาศ’ หลังจากที่หายสาบสูญไปนาน เพิ่งถูกค้นพบอีกครั้งในปี พ.ศ. 2558 และเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจไม่แพ้สายพันธุ์อื่น
“ตอนแรกพีคิดว่าแมววิลาศไม่มีอยู่จริง คิดว่าไม่ต่างอะไรกับแมวลายวัว จนกระทั่งพีได้แมววิลาศตัวแรกจากจังหวัดตาก ยังพูดกับแม่เลยว่าถ้าเราจะพัฒนาแมวสายพันธุ์นี้ต่อน่าจะยาก ตอนแรกคิดว่าคงแค่เอาไว้โชว์ให้ดูว่าแมววิลาศตามตำรานั้นมีอยู่จริง พียังคุยกับเจ้าวิลาศเลยว่า อยากให้เผยแพร่พัฒนาสายพันธุ์ต่อไหม ถ้าอยากก็ต้องทำยังไงก็ได้ให้รู้ว่าเผ่าพันธุ์วิลาศนั้นมีอยู่จริง”
วิลาศ แมวไทยในตำนาน
“ผ่านเกือบเดือน มีคนทักมาในเพจว่าอยากให้ไปดูแมววิลาศที่บ้าน ตอนแรกนึกว่าเขาจะขายแมวให้เรา พอไปถึงบ้านปรากฏว่าเป็นบ้านหรูและสร้างบ้านแมวไว้หลังใหญ่มาก และที่น่าตกใจคือ มีแมววิลาศมากถึง 11 ตัว ซึ่งเขาไม่ได้จะขายให้พี เขาแค่อยากให้เรามาดูเฉย ๆ พีเลยมองหน้ากับแม่แล้วพูดกันว่า เจ้าวิลาศแสดงอภินิหารเพื่อให้พวกเรารู้ว่าแมวสายพันธุ์นี้มีอยู่จริง”
“เจ้าของแมววิลาศ 11 ตัว เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนเขาก็ไม่ได้ร่ำรวย แต่พอสามีได้แมววิลาศตัวผู้มาตัวแรก ครอบครัวก็ได้ทั้งลาภและยศทำให้ฐานะดีขึ้นเรื่อย ๆ สามีจึงสั่งลูกน้องให้ไปตามหาวิลาศตัวเมีย เพื่อจะมาเป็นคู่กัน สุดท้ายออกลูกมา 2 ครอก รวม 11 ตัว เขายังย้ำให้พีเลี้ยงวิลาศเอาไว้ เพราะหากเลี้ยงแมววิลาศต่อไปจะร่ำรวย”
“หลังจากนั้น คุณสมหวัง ปทุมมาศ ติดต่อขอมอบแมววิลาศให้พีนำมาเลี้ยง ตั้งชื่อให้ว่า พรรษา ซึ่งพีถือว่าพรรษาเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ เพราะมีอัตลักษณ์ตรงตามแมววิลาศที่บันทึกในตำราแมวมงคลกว่า 90% โดยเส้นหลังสีขาวเป็นเส้นตรงยาว ไม่มีรอยหยึกหยัก ถือเป็นแมวที่มีคุณค่ามาก ซึ่งพี่สมหวังสามารถเอาไปขายฟาร์มแมวที่ไหนก็ได้ แต่เขาเลือกที่จะให้พี เพราะเขาอยากร่วมอนุรักษ์และพัฒนาแมวไทย”
“ดังนั้น แมวไทยจึงเป็นทรัพย์สมบัติของชาติ พีไม่ได้มองว่าจะเพาะพันธุ์เพื่อขาย แต่มองไปไกลกว่านั้น เพราะการพัฒนาแมววิลาศไม่ได้จบที่รุ่นพีแน่นอน กว่าตำแหน่งต่าง ๆ ของแมวจะถูกต้องตามตำรา ซึ่งกล่าวถึงลักษณะของวิลาศไว้ว่า ‘เป็นแมวที่มีขนกายสีดำ แต้มด่างสีขาวที่หน้าผาก หู 2 ข้าง เท้าทั้งสี่ มีแนวสีขาวยาวตลอดหลังไปจนสุดปลายหาง และจากราวคอไปตามใต้ท้อง’ ทำให้ต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกหลายรุ่น ถือเสียว่าเราเป็นหนึ่งในผู้รวบรวม Materials ที่ดีที่สุดไว้เพื่ออนาคตข้างหน้า”
จากศุภลักษณ์สู่โกญจา
การผลักดันแมวไทยให้ได้รับการยอมรับในเวทีโลก
ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าแมวไทย 3 สายพันธุ์ ได้แก่ วิเชียรมาศ ขาวมณี และโคราช เป็นขวัญใจชาวตะวันตกมานานกว่าร้อยปี นับเป็นข้อดีที่แฝงมาด้วยเรื่องน่าเสียดาย เพราะแมวไทยแท้ทั้ง 3 สายพันธุ์ถูกชาวต่างชาตินำไปขึ้นทะเบียนและกำหนดคุณลักษณะ (Breed Standard) เพื่อเป็นหลักเกณฑ์สำหรับใช้ในการพิจารณาตัดสินการประกวดแมว ซึ่งผิดเพี้ยนไปจากลักษณะดั้งเดิม เพราะเกิดการผสมพันธุ์แมวไทยกับแมวพันธุ์อื่น ทำให้แมวสัญชาติไทยที่ถูกอุ้มไปประกวดบนเวทีโลกมีคุณลักษณะไม่ตรงตามมาตราฐานการตัดสินสากล
แมวศุภลักษณ์
ดังนั้น หนึ่งในภารกิจสำคัญของการอนุรักษ์แมวไทย คือ การจดทะเบียนแมวไทยให้ได้มาตรฐานโลกโดยคนไทย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลา เพราะข้อกำหนดขององค์กรแมวโลกแต่ละแห่งกำหนดไว้แตกต่างกัน เช่น The Cat Fanciers Association หรือ CFA หนึ่งใน 9 องค์กรแมวโลก กำหนดว่า การจะจดทะเบียนแมวพันธุ์ใดก็ตามจะต้องมีจำนวนแมวพันธุ์นั้น ๆ มากกว่า 200 ตัว และต้องมีการสืบสายตระกูลได้มากกว่า 5 รุ่น ทำให้กว่าที่ แมวศุภลักษณ์ จะได้รับการจดทะเบียนสำเร็จเมื่อปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา ก็ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าที่แมวสีทองแดงของไทยจะได้มีอัตลักษณ์บนเวทีโลก
โกญจาตาสองสี
แมวไทยลำดับต่อไปที่กำลังอยู่บนเส้นทางของการก้าวไปสู่การจดทะเบียนแมวไทยให้ได้มาตรฐานโลก คือ แมวโกญจา โดยในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 สมาคมแมวไทยโบราณนานาชาติ หรือ TIMBA จัดงานประกวดแมวไทยโบราณที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ผู้ที่เป็นเจ้าของแมวสีดำล้วนทั้งตัว ตาสีเหลืองหรือเหลืองอมเขียว หางยาวตรง ไม่มีแต้มขาว ที่คอ รักแร้ หรือที่ท้อง สามารถลงทะเบียนส่งแมวเข้าร่วมประกวดฟรี ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อรวบรวมจำนวนของแมวโกญจาในเมืองไทย เพื่อนำไปสู่การจดทะเบียนแมวในองค์กรแมวโลกเช่นเดียวกับแมวศุภลักษณ์ในอนาคต
ข้อควรรู้ก่อนลงทุนเลี้ยงแมวมงคล
การเลี้ยงแมวไทยหรือแมวมงคลจึงไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ หรือการเสริมสิริมงคลด้านโชคลาภบารมี แต่เป็นการร่วมอนุรักษ์และสืบทอดมรดกที่ยังมีลมหายใจอย่างแมวไทยโบราณ ซึ่งหากคนไทยให้ความสำคัญและหันมาเลี้ยงแมวไทยกันมากขึ้น ก็เท่ากับว่าเรามีแมวราคาหลักแสนหลักล้านที่มีคุณค่าทางใจไว้ในครอบครอง
ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจเลี้ยงแมวไทยหรือแมวมงคล คุณพีฝากข้อควรรู้เพื่อความคุ้มค่าในทุก ๆ ด้านของการเลี้ยงแมวมงคล
“สำหรับคนที่ตั้งใจจะซื้อแมวไทยโบราณหรือแมวมงคลไปเลี้ยง ต้องถามรายละเอียดของแมวให้ครบก่อนตัดสินใจจ่ายเงินซื้อ เช่น แมวผ่านการตรวจโรคพื้นฐาน 4 โรค ได้แก่ โรคเอดส์แมว ลิวคีเมีย โคโรนาไวรัส และพาร์โวไวรัสครบแล้วยัง แมวได้รับวัคซีนครบไหม แมวมีตำหนิตรงไหนบ้าง ฯลฯ”
“ส่วนเจ้าของฟาร์มหรือผู้เพาะเลี้ยงแมวสำหรับจำหน่าย ไม่ควรส่งต่อความรู้ผิด ๆ ให้ลูกค้า เช่น “เอาลูกแมวไปเลี้ยงตั้งแต่เล็ก ๆ สิดี จะได้ติดคน” เพราะในความเป็นจริงลูกแมวสามารถย้ายบ้านหรือทำการซื้อขายได้เมื่อมีอายุ 2 เดือนครึ่งขึ้นไป ที่สำคัญคือ ควรชี้แจงและอธิบายทุกรายละเอียดของแมวให้ลูกค้าทราบตามตรง เช่น แมวมีตำหนิตรงไหนบ้าง เผื่อลูกค้าต้องการนำแมวไป Breed หรือนำแมวไปประกวด จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย”
ติดตามเรื่องราวของแมวมงคลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook : PP Thai Cattery : บ้านแมวไทยพีพี
อ้างอิง
- กำพล จำปาพันธ์. (2567).Siamese Cat สยามวิฬาร์ & ประวัติศาสตร์ไทยฉบับแมวเหมียว.กรุงเทพฯ : มติชน.
- ThaiPBS.ลือนาม แมวสยาม | ภาคภูมิไทย ซีซัน 1. https://bit.ly/48zoxpq
- Howl the team.วิฬาร์กรุงเทพ : เผยโฉมสายเลือดไทยพันธุ์ใหม่.https://bit.ly/42Pu2N0