จัดทริปครอบครัวสายลุย ขึ้น ‘เขากระโจม’ สัมผัสลมหนาวแรกในเดือนสิงหาคมที่ราชบุรี

ใครก็ตามหากตั้งใจปักหมุดเที่ยว ‘ราชบุรี’ เชื่อว่าจะนึกถึง ‘สวนผึ้ง’ เป็นอันดับแรก

เพราะอำเภอนี้มีที่เที่ยวหลากหลาย รอคอยให้ทุกคนเลือกไปเยือนตามความสนใจ โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบความตื่นเต้นท้าทาย และหลงใหลการท่องเที่ยวแนวผจญภัย ยิ่งไม่ควรพลาด 

เที่ยวราชบุรีครั้งนี้ LIVE TO LIFE อยากชวนนักเที่ยวสายลุยทั้งมือโปรและมือสมัครเล่น มาจัดทริปครอบครัวบุก ‘เขากระโจม’ พาทุกคนขึ้นไปสัมผัสกับบรรยากาศเย็นสบายของลมหนาวแรกที่เริ่มพัดผ่านบนยอดเขาในเดือนสิงหาคม

ข้อดีคือเป็นช่วงเวลาก่อนเปิดฤดูการท่องเที่ยวปลายปี นักท่องเที่ยวยังมีไม่เยอะมาก เหมาะสำหรับเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว รับรองเลยว่า จะเป็นทริปเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวราชบุรีในมุมใหม่ ซึ่งเป็นมุมต่างที่ควรค่าให้ทุกคนได้ไปเยือนสักครั้ง

วางแผนการเดินทาง

มุ่งหน้าสู่เขากระโจม

ไม่มีใครในราชบุรีไม่รู้จักเขากระโจม เพราะสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งนี้เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กประจำจังหวัดที่มีชื่อเสียงเรื่องจุดชมทะเลหมอกใกล้กรุงเทพฯ โดยไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงภาคเหนือ

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้ขึ้นไปเห็นความสวยงามของทะเลหมอกและสัมผัสกับลมหนาวบนเขากระโจม เพราะทางขึ้นเขาเป็นเส้นทางวิบาก จึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมของร่างกายและวางแผนการเดินทางตลอดทริปให้รัดกุมก่อนเสมอ

เริ่มต้นด้วยการวางแผนเดินทางมายังจังหวัดราชบุรี ซึ่งมีให้เลือกหลายวิธีทั้งนั่งรถบัสและนั่งรถไฟ แต่เพื่อความสะดวกเพราะเป็นทริปครอบครัวสายลุย แนะนำให้ขับรถไปเองจะคล่องตัวมากที่สุด

ส่วนเวลาที่ใช้เดินทาง หากนับระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงจุดขึ้นเขากระโจม จะใช้เวลาขับรถประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งจุดขึ้นเขากระโจมอยู่ในความดูแลของกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 137 หมู่บ้านผาปก ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี

ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และใช้เวลาเดินทางไม่นาน ทริปขึ้นเขากระโจมจึงเหมาะกับการท่องเที่ยวในช่วงเวลาสั้น ๆ แค่มีเวลาว่าง 2 วัน 1 คืน หรือวันหยุดสุดสัปดาห์ ก็สามารถจัดทริปมาเที่ยวตามรอยได้ เพื่อสัมผัสลมหนาวแรกก่อนใคร

ขอท้านักท่องเที่ยวผู้กล้า

ฝ่าเส้นทางขึ้นเขา 10 กิโลเมตร

จะว่าง่ายก็ไม่ใช่ จะว่ายากก็ไม่เชิง เพราะการขึ้นเขากระโจมต้องใช้ทั้งความพร้อมและความตั้งใจแน่วแน่เพื่อฝ่าฟันเส้นทางที่สมบุกสมบัน ราวกับเป็นบททดสอบของธรรมชาติที่เฝ้ารอให้นักท่องเที่ยวผู้กล้ามาพิชิต โดยมีทะเลหมอกและความบริสุทธิ์ของอากาศบนยอดเขากระโจมเป็นรางวัล

แม้ว่าทางขึ้นเขากระโจมจะมีความยาวเพียง 10 กิโลเมตร แต่ต้องใช้เวลาเดินทางนานถึง 1 ชั่วโมง เพราะเป็นทางลูกรังลาดชันและเป็นเนินขรุขระสลับกับร่องลึก ต้องบุกป่าฝ่าดงและลงห้วยลุยน้ำลึกในบางจุด นักท่องเที่ยวทั่วไปจึงไม่ควรขับรถยนต์ขึ้นเขากระโจมเองโดยเด็ดขาด

เพื่อความปลอดภัยและป้องกันรถส่วนตัวไม่ให้เสียหาย แนะนำให้จอดรถเอาไว้บริเวณทางขึ้นเขา แล้วเปลี่ยนไปใช้บริการเช่าเหมารถขับเคลื่อน 4 ล้อ (Off-Road) พร้อมคนขับที่ช่ำชองเส้นทางแทน

สำหรับค่าบริการจะอยู่ในช่วงราคา 2,500-3,000 บาท ตามแต่ตกลงกับเจ้าของรถซึ่งเป็นคนท้องถิ่นที่วางใจได้ เพราะขับขึ้นลงเขากระโจมจนชำนาญเส้นทาง นักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกเวลาให้คนขับพาขึ้นและพาลงเขากระโจมได้ทุกวัน ระหว่าง 04.00-19.00 น. โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา คือ 04.00-07.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ขับขึ้นได้อย่างเดียว ถัดมา 07.00-09.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ขับลงได้อย่างเดียว ส่วน 09.00-19.00 น. เป็นช่วงเวลาที่สามารถขับขึ้นและลงไปตามปกติ

สอบถามรายละเอียดและติดต่อใช้บริการเช่าเหมารถกับคนในพื้นที่ได้โดยตรงผ่านช่องทาง กลุ่มเขากระโจม สวนผึ้ง ราชบุรี

เช่นเดียวกับที่พัก นักท่องเที่ยวต้องเตรียมเต็นท์ไปเอง เพราะด้านบนเขากระโจมมีเพียงลานกว้างหลายจุดให้กางเต็นท์ ไม่มีบ้านพักเป็นหลัง หากไม่มีเต็นท์ สามารถบอกกับคนขับที่เช่าเหมารถขึ้นมาล่วงหน้า เพื่อให้เขาเป็นธุระช่วยจัดหาเต็นท์ ในส่วนนี้อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในราคา 500-1,500 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนของเต็นท์ รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการพักผ่อน เช่น ถุงนอน

เช็กอินยอดเขากระโจม

สุดเขตประเทศไทย ภาคตะวันตก

เชื่อเถอะว่า หลังจากผ่านพ้นเส้นทางวิบากมาได้สำเร็จ ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นในใจทันทีที่เห็นวิวธรรมชาติแบบ 360 องศาบนยอดเขากระโจม คือ ความรู้สึกคุ้มค่าเหนื่อยผสมกับความประทับใจในความงามของธรรมชาติ รวมกันเป็นประสบการณ์ท่องเที่ยวครั้งใหม่ที่จดจำไปอีกนาน

เพราะเขากระโจมคือส่วนของยอดเขาที่สูงที่สุด อยู่บนเทือกเขาตะนาวศรีซึ่งทอดตัวยาวกั้นพรมแดนธรรมชาติระหว่างประเทศไทยกับประเทศพม่า จึงมองเห็นวิวธรรมชาติสุดลูกหูลูกตาท่ามกลางอากาศดีตลอดทั้งปี

โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาวตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของอีกปี จะเป็นช่วงเวลาที่อากาศบนเขากระโจมเย็นสบายที่สุด และมีทะเลหมอกให้ดูตอนพระอาทิตย์ขึ้นอีกด้วย

แต่ถ้ามองจากระยะไกลจะเห็นรูปร่างเป็นเขาลูกโดด ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับกระโจมอินเดียนแดง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเขากระโจมนั่นเอง

สำหรับจุดชมวิวที่แนะนำว่าต้องไปถ่ายรูปเช็กอินเป็นที่ระลึก ไม่อย่างนั้นจะถือว่าขึ้นมาไม่ถึงเขากระโจม มีอยู่ 2 จุด คือ ป้ายรักนะเขากระโจม และ ป้ายสุดเขตประเทศไทย ภาคตะวันตก

เมื่อยืนหันหน้ามองออกไปจากจุดชมวิว จะเห็นผืนป่าและเขตแดนของประเทศพม่าที่ขนานไปกับเทือกเขาตะนาวศรี เป็นวิวธรรมชาติที่สวยสะกดใจ ชวนให้มองจนแทบจะละสายตาไปไม่ได้

จนกระทั่งตะวันลาลับ เข้าสู่ค่ำคืนที่ผืนฟ้ามืดสนิทในบรรยากาศอันเงียบสงัด ถึงเวลาของกิจกรรมยามค่ำที่พลาดไม่ได้ คือ การดูดาว หากธรรมชาติเป็นใจ ในคืนที่ท้องฟ้าเปิดโล่งไร้แสงจันทร์และมวลเมฆบดบัง จะมองเห็นความระยิบระยับของหมู่ดาวน้อยใหญ่ได้ด้วยตาเปล่า โดยมีฉากหลังเป็นแถบสว่างที่พาดผ่านกลางท้องฟ้า นั่นคือ ทางช้างเผือก ที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้เห็นด้วยตาของตัวเอง

แวะกิน แวะเที่ยว

สถานที่น่าไปใกล้เขากระโจม

ช่วงเวลาแห่งความสุขและการพักผ่อนที่ทุกคนได้ดื่มด่ำความสวยงามของธรรมชาติบนเขากระโจมมักจะผ่านไปเร็วเสมอ หลังจากลงมาถึงด้านล่างแล้ว แนะนำว่ายังไม่ต้องรีบร้อนขับรถกลับกรุงเทพฯ ในทันที เพราะมีสถานที่เที่ยวสำหรับครอบครัวที่น่าสนใจซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขากระโจม เป็นตัวเลือกให้แวะไปต่อได้อีกหลายแห่ง ครบทั้งที่กินและที่เที่ยว

ที่แรกคือ น้ำตกผาแดง เป็นน้ำตกขนาดกลางแห่งเดียวของเขากระโจม แม้ว่าจะอยู่ใกล้กับทางขึ้นเขา แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะเลือกแวะดูความสวยงามของน้ำตกผาแดงในตอนขาลงมากกว่า หลังจากชมทะเลหมอกตอนเช้าตรู่บนยอดเขากระโจม

น้ำตกผาแดงเกิดจากน้ำในลำห้วยบนเขากระโจมที่ไหลมารวมตัวกันเป็นแอ่งก่อนจะไหลลงสู่หน้าผาเบื้องล่างผ่านแก่งหินสีแดงอิฐ หากต้องการเห็นใกล้ ๆ สามารถเดินเท้าเข้าไปดูได้ แต่หินผาสีแดงทั่วบริเวณน้ำตกมีพื้นผิวที่ค่อนข้างลื่น จึงต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว ควรมีไม้ยาวช่วยค้ำยันขณะเดินจะดีที่สุด

ที่ต่อมาคือ Alpaca Hill เป็นสวนสัตว์ขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 250 ไร่ในบรรยากาศกลางหุบเขา ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ใกล้ชิดสัตว์น่ารักทั้งอัลปากา คาปิบารา กระต่าย กวางแบมบี้ จิงโจ้แคระ หนูแกสบี้ ห่าน นกฮูก แพะ และสัตว์อื่น ๆ อีกมากมาย พร้อมกับกิจกรรมน่าสนุก เช่น ให้อาหารอัลปากา ป้อนนมลูกแกะ เก็บไข่ไก่กลับบ้าน และถ่ายรูปกับฝูงห่านแสนรู้

นอกเหนือจากความน่าเอ็นดูของสัตว์และความสวยงามของสถานที่ที่เหมือนหลุดไปอยู่ในโลกเทพนิยาย อีกหนึ่งความน่าประทับใจเมื่อได้มาเยือน Alpaca Hill คือ ความเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ที่คอยให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับสัตว์ทุกชนิดอยู่ตลอด ทำให้นักท่องเที่ยวได้ใกล้ชิดกับสัตว์อย่างถูกวิธีและปลอดภัย สำหรับค่าเข้าชม Alpaca Hill มีให้เลือก 3 ราคา คือ 290, 390 และ 500 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนกิจกรรมที่ทำได้และของที่ระลึกที่ได้รับ

Alpaca Hill
ที่ตั้ง : 357 ม.8 ถ.ผาปก-ตะโกล่าง ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี 70180
เวลาทำการ : ทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.30-18.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.30 น.
ค่าเข้าชม : เริ่มต้นที่ 290 บาท
โทร. : 080 821 2108, 081 145 9565
เว็บไซต์ : www.alpacahill.com

อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวที่ต้องแวะไปให้ได้ คือ โอ๊ะป่อย เป็นตลาดยามเช้าที่อยู่ติดริมลำน้ำภาชี คำว่า โอ๊ะป่อย เป็นภาษากะเหรี่ยง หมายถึง พักผ่อน เพราะตั้งอยู่ในพื้นที่อยู่อาศัยของชุมชนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง ซึ่งอพยพเข้ามาใช้ชีวิตพร้อมกับชาวมอญมาตั้งแต่อดีต โอ๊ะป่อยจึงเป็นตลาดที่เชื่อมโยงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ไหน

ภายในตลาดมีอาหารพื้นถิ่น เช่น เมี่ยงถั่วดาวอินคา ข้าวยำสมุนไพร ข้าวแดกงา ข้าวห่ออั้งหมี่ถ่อ ขนมจีนน้ำยาหยวก ข้าวเหนียวปิ้ง และอีกหลายเมนูให้เลือกลิ้มลอง เคล้าคลอด้วยเสียงดนตรีของคนในชุมชนและเสียงธารน้ำไหลให้ความรู้สึกผ่อนคลายช่วยชาร์จแบตชีวิตได้ดีทีเดียว

กิจกรรมเด่นของตลาดโอ๊ะป่อยที่ไม่อยากให้พลาด คือ ร่วมใส่บาตรพระสงฆ์ที่ล่องแพไม้ไผ่มาตามลำน้ำภาชีในช่วงเวลา 07.30-08.00 น. ซึ่งเป็นประเพณีที่คนท้องถิ่นสืบทอดกันมาอย่างช้านาน หวังให้นักท่องเที่ยวรู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้มาเยือน และกลับไปพร้อมกับความสุขและรอยยิ้ม

ตลาดโอ๊ะป่อย
ที่ตั้ง : ตรงข้ามวัดป่าท่ามะขาม ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี 70180
เวลาทำการ : ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 07.00-14.00 น.
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
โทร. : 064 985 7533
เว็บไซต์ : โอ๊ะป่อย ตลาดเช้าริมธาร

อ้างอิง

• กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. เขากระโจม. https://bit.ly/3LAFwen
• การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. ตลาดโอ๊ะป่อย. https://bit.ly/3WALzWx