

หลงเสน่ห์ ‘จันทบุรี’ แหล่งผลไม้พื้นเมืองและกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
Travel / Thailand
06 Jun 2025 - 7 mins read
Travel / Thailand
SHARE
06 Jun 2025 - 7 mins read
เมื่อนึกถึงจังหวัดที่รุ่มรวยด้วยทรัพย์ในดิน คุณนึกถึงจังหวัดอะไร
จังหวัดที่มีเทศกาลผลไม้เป็นงานใหญ่ประจำปี เพราะมีผลไม้สายพันธุ์เฉพาะถิ่นให้ผลผลิตที่ล้นเหลือ ขุดลงไปในดินก็เจออัญมณีเลอค่านานาชนิด มีน้ำตกสวย ๆ ซ่อนตัวอยู่ในผืนป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์ ป่าชายเลนปรากฏ ณ จุดบรรจบของแม่น้ำกับทะเล จึงเป็นบ้านของสัตว์หายากอย่างเหยี่ยวแดงที่เลือกจะปักหลักอยู่ที่นี่ ที่ “จันทบุรี”
ด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ของจันทบุรีทำให้แต่ละอำเภอมีวัตถุดิบพื้นถิ่นที่มีเอกลักษณ์ เมื่อรวมเข้ากับภูมิปัญญาในการปรุงอาหารของคนในพื้นที่จึงเกิดเป็นวัฒนธรรมการกินอยู่แบบเฉพาะตัว สั่งสมจนกลายเป็นเสน่ห์ของสำรับเมืองจันท์
นอกจากนี้ ปัจจุบันหลายอำเภอในจันทบุรีมีความเคลื่อนไหวด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นที่พักแบบรักษ์โลก ทริปท่องเที่ยวยั่งยืนในหลายเส้นทางที่ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชน สัตว์ป่า และพื้นที่สีเขียว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวสายไหน จันทบุรีก็ตอบโจทย์ทุกความต้องการพร้อมสอดแทรกเรื่องราวของการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเป็นหนึ่งเดียว
ชิมเงาะ ทุเรียน มังคุด ฯลฯ แบบจุใจ
ในเทศกาลผลไม้จันทบุรี
หากจะเปรียบจันทบุรีเป็นสวรรค์แห่งผลไม้เมืองร้อนก็ไม่ผิดไปจากความจริงแต่อย่างใด เพราะจังหวัดขนาดกลางในภาคตะวันออกของไทยแห่งนี้หลากหลายไปด้วยผลไม้เมืองร้อนพันธุ์พื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง กล้วยไข่ สละ ฯลฯ ที่ให้รสชาติอร่อย หวาน ฉ่ำเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากพื้นที่อื่น ๆ ของไทย
ดังนั้น ในช่วงฤดูฝนของทุกปี (ประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม) จังหวัดจันทบุรี รวมถึงจังหวัดข้างเคียงอย่างระยองและตราด จึงมักจัดเทศกาลผลไม้ประจำปี เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผลไม้นานาชนิดให้ผลผลิตชั้นดีเป็นจำนวนมาก บุฟเฟต์ผลไม้จึงเป็นทางออกของชาวสวนในการระบายผลิตผล ในขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวก็ได้อร่อยกับรสชาติของผลไม้สดใหม่ตามฤดูกาล
แน่นอนว่าไปเยือนจันทบุรีทั้งที ไม่กินทุเรียนคงไม่ได้ โดยเฉพาะทุเรียนจันท์นั้นขึ้นชื่อว่ามีความหลากหลายของสายพันธุ์ ทำให้จันทบุรีเป็นแหล่งผลิตทุเรียนมากเป็นอันดับหนึ่งของเอเชีย โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทองและก้านยาวที่ถือเป็นสายพันธุ์เศรษฐกิจของทุเรียนจันทบุรี
ว่ากันถึงผลไม้ที่ต้องมาคู่กับการกินทุเรียนก็คือ มังคุด ชาวจันท์นั้นมีเอกลักษณ์การเก็บมังคุดต่างไปจากท้องที่อื่น นั่นคือ การเก็บแบบสายเลือด ซึ่งเป็นการเก็บมังคุดขณะที่เปลือกยังไม่เป็นสีม่วงเข้ม แต่มีสีเขียวและมีเส้นแดงคล้ายสายเลือด เพื่อนำไปบรรจุส่งออกและขายในท้องตลาดต่อไป
ส่วนผลไม้ชนิดอื่น ๆ อาทิ สละ ควรหาโอกาสลองลิ้มชิมรสสละสายพันธุ์พื้นเมืองของจันทบุรีอย่างสละเนินวงที่มีรสชาติหวานหอมไม่แพ้ใคร ส่วนลิ้นจี่พันธุ์ค่อมนั้นถือเป็นผลไม้อีกชนิดที่นิยมปลูกกันมากในจันทบุรี เช่นเดียวกับลองกองตันหยงมัสที่ให้ผลผลิตในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน
ภาพ : facebook.com/ChabaresortChanthaburi
สำหรับฤดูกินผลไม้เมืองจันท์ในปีนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สํานักงานจันทบุรี ได้นำเสนอภายใต้แนวคิด “อร่อยฟิน เที่ยวกินผลไม้เมืองจันท์” โดยได้ร่วมมือกับสวนผลไม้เพื่อการท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี จํานวน 15 แห่ง ทำการแขวนทุเรียนครบจํานวนวันของแต่ละสายพันธุ์ เพื่อคุณภาพและรสชาติที่ดี มีการจัดเกรดทุเรียน โดยแบ่งเป็น 5 กะรัต 4 กะรัต และ 3 กะรัต ตามคุณลักษณะของทุเรียน ทั้งรูปทรง น้ำหนัก จํานวนวัน ฯลฯ
ภาพ : facebook.com/phuthiptararesort
แน่นอนว่าสวนผลไม้ทั่วทั้งเมืองจันท์มีมากเกิน 15 แห่ง นักท่องเที่ยวสามารถค้นหาสวนผลไม้และวางแผนการเดินทางตระเวนชิมรสชาติได้ตามชอบใจ โดยสวนผลไมับางแห่งมีที่พักแบบโฮมสเตย์ไว้อำนวยความสะดวก เช่น ชบา รีสอร์ท จันทบุรี ที่ออกแบบเรือนพักในสไตล์ญี่ปุ่น มีคาเฟ่สกายวอล์คห้อยขา และบุฟเฟต์ทุเรียนหลากหลายสายพันธุ์
ภาพ : facebook.com/KPgarden
ใครอยากสัมผัสบรรยากาศการพักผ่อนท่ามกลางขุนเขาและสายหมอกยามเช้า ต้องไปที่ สวนภูทิพย์ธารา บ่อเวฬุ จันทบุรี ที่มีทั้งบ้านพักกลางสวนและลานกางเต็นท์เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใคร พร้อมคาเฟ่ไม้ไผ่ สไตล์บาหลีไว้บริการขนมและเครื่องดื่ม ท่ามกลางสวนผลไม้ที่มีทั้งสละ เงาะ ทุเรียน และมังคุด ส่วน สวนเคพี การ์เด้น จันทบุรี นั้นเป็นสวนทุเรียนสายแร่อัญมณี ที่ครบครันทั้งมังคุด เงาะ สละ ให้ลิ้มลองความหวานฉ่ำ และจำหน่ายสินค้าของฝากจากเมืองจันท์แบบครบครัน
เช็กอินโรงแรมรักษ์โลกที่เสิร์ฟรสแท้แห่งอาหารเมืองจันท์
เมื่อเดินทางไปถึงตัวเมืองจันทบุรี สถานที่ที่เหมือนเป็นจุดตั้งต้นก่อนออกเดินทางไปสำรวจแง่มุมต่าง ๆ ของเมือง ก็คือ ชุมชนริมน้ำจันทบูร ย่านเก่าที่อยู่คู่เมืองจันท์มานานกว่าศตวรรษ ชุมชนแห่งนี้มีทั้งวัดเก่าที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในพื้นที่ ร้านขนมโบราณที่ยังรักษาสูตรดั้งเดิมไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และบ้านของชาวจีน-ญวน-ไทยที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชุมชนริมน้ำจันทบูร
ชุมชนริมน้ำจันทบูร
สำหรับใครที่อยากปักหลักทำความรู้จักเสน่ห์ของจันทบุรีแบบไม่ต้องตระเวนไปเช็กอินตามตลาดหรือร้านอาหารท้องถิ่นให้เปลืองเวลา แนะนำว่าควรเลือกพักในโรงแรมที่หยิบจับเอกลักษณ์ของเมืองจันท์ไปใส่ไว้ในองค์ประกอบของการออกแบบอาคารและเมนูอาหารที่เสิร์ฟสำรับท้องถิ่นของคนจันท์ไว้แบบเบ็ดเสร็จสมบูรณ์
The Motifs Eco Hotel
ภาพ : facebook.com/themotifsecohotel
ที่พักแห่งแรกที่ LIVE TO LIFE คัดสรรมาแนะนำ ได้แก่ The Motifs Eco Hotel เจ้าของคอนเซ็ปต์ ‘โรงแรมที่หายใจร่วมกับธรรมชาติ’ ตัวอาคารปูนสีขาวแซมไม้เก่าสีน้ำตาลที่ร่มรื่นด้วยแมกไม้ใบเขียวแซมอยู่ในพื้นที่อย่างลงตัว ได้รับการออกแบบให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของเมืองจันทบุรี โดยสถาปนิกตั้งใจให้แสงแดดสามารถส่องถึงทั้งทางเดิน ตัวอาคาร และล็อบบี้ จึงทำให้แทบไม่ต้องเปิดไฟเพื่อเพิ่มความสว่าง
ภาพ : facebook.com/themotifsecohotel
สำหรับห้องพักแต่ละห้องก็มีหน้าต่างถึง 3 ด้าน เมื่อบวกกับสภาพอากาศแบบฝนแปดแดดสี่ของเมืองจันท์ที่เย็นสบายแทบจะตลอดทั้งปี ทำให้แขกส่วนใหญ่เลือกที่จะเปิดหน้าต่างรับสายลมเย็นสบายจากภายนอกแทนที่จะเปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะไม่มีอะไรสู้แอร์ธรรมชาติได้อย่างแน่นอน
ภาพ : facebook.com/themotifsecohotel
ในส่วนของวัสดุตกแต่งภายในต่าง ๆ The Motifs Eco Hotel ตั้งใจสนับสนุนชุมชนในทุกรายละเอียด อาทิ เสื่อที่ใช้ก็มาจากชุมชนบางสระเก้า ในอำเภอแหลมสิงห์ โดยเป็นเสื่อจากต้นปอที่มีคุณสมบัติดูดซับความชื้นและทำความสะอาดได้ง่าย เช่นเดียวกับเมนูอาหารเช้าที่มีทั้งข้าวต้มจันทบูร ปาท่องโก๋เมืองจันท์ที่ต้องทานคู่กับน้ำจิ้มรสชาติคล้ายอาจาด หวาน ๆ เปรี้ยว ๆ และสดชื่นลื่นคอด้วยน้ำมะปี๊ดซาบซ่า
ภาพ : facebook.com/themotifsecohotel
นอกจากนี้ ยังมีชุดอาหารว่างที่เสิร์ฟเครื่องดื่มม็อกเทลหรือค็อกเทล คู่กับ ‘ตะกั๋ว’ หรือเต้าหู้ขาวอบกรอบทรงเครื่องจากร้านเด็ดประจำชุมชนริมน้ำจันทบูร ด้วยวิถีของการอุดหนุนร้านอาหารและวัตถุดิบท้องถิ่นทำให้ The Motifs Eco Hotel สามารถลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนจากการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมความตั้งใจในการเป็นต้นแบบโรงแรมอีโคแห่งจันทบุรี
The Motifs Eco Hotel
ที่ตั้ง : 15 ซ.ท่าแฉลบ 1 ถ.ท่าแฉลบ ต.ตลาด อ.เมืองจันทบุรี
โทร : 093 465 5353
Facebook : The Motifs Eco Hotel
โรงแรมบลูแรบบิท (Blue Rabbit Hotel)
ภาพ : facebook.com/bluerabbithotel
โรงแรมบลูแรบบิท (Blue Rabbit Hotel) คือที่พักอีกหนึ่งแห่งที่นอกจากจะเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้มาตรฐาน ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องประชุมสัมมนา ยังเสิร์ฟอาหารรสมือคนจันท์แท้ ๆ ที่มีเมนูพิเศษประจำฤดูกาลให้นักท่องเที่ยวได้อิ่มอร่อยไม่ซ้ำกันในแต่ละช่วงของปี
มัสมั่นไก่ใส่ทุเรียน
ภาพ : facebook.com/bluerabbithotel
เริ่มตั้งแต่ มัสมั่นไก่ใส่ทุเรียน เมนูอาหารเช้าที่มีให้ทานเฉพาะช่วงฤดูผลไม้ ด้วยการเพิ่มความพิเศษให้มัสมั่นไก่ เมนูอาหารไทยอันดับ 1 ที่โดดเด่นด้วยเครื่องเทศและกะทิที่เคี่ยวจนแตกมัน ด้วยการเลือกใช้เนื้อไก่บ้านที่มีความนุ่มชุ่มฉ่ำ แล้วจัดการเพิ่มเอกลักษณ์แบบชาวจันท์เข้าไป โดยใช้เนื้อทุเรียนหมอนทองแก่แทนมันฝรั่ง นำไปเคี่ยวจนได้เนื้อสัมผัสนุ่ม หนึบ กำลังดี มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยจนต้องขอเพิ่มข้าว
ข้าวคลุกพริกเกลือ
ภาพ : facebook.com/bluerabbithotel
อีกหนึ่งเมนูอาหารเช้าหมุนเวียนที่แขกหลายคนอยากให้บรรจุเป็นเมนูประจำ ได้แก่ ข้าวคลุกพริกเกลือ อาหารพื้นถิ่นของจันทบุรีที่นำน้ำพริกเกลือรสชาติจัดจ้านมาคลุกเคล้าให้เข้ากับข้าวสวย โดยน้ำพริกเกลือเป็นชื่อที่คนจันท์ใช้เรียกน้ำจิ้มซีฟู้ด ที่นอกจากจะใช้ทานกับอาหารทะเลแล้ว ยังเข้ากับบรรดาเครื่องเคียงอย่างไข่ต้ม หมูสามชั้น กุ้ง และหมึกเนื้อหวาน เสิร์ฟคู่แกงจืดมะระยัดไส้หมูสับร้อน ๆ เป็นมื้อเช้าในแบบชาวจันท์ที่ไม่ซ้ำใคร
ข้าวเหนียวทุเรียนน้ำกะทิ
ภาพ : facebook.com/bluerabbithotel
ปิดท้ายด้วยขนมหวานอย่าง ข้าวเหนียวทุเรียนน้ำกะทิ ที่ความอร่อยแทรกอยู่ในทุกอณูของน้ำกะทิทุเรียน ที่ได้จากการนำเนื้อทุเรียนหมอนทองสุกกำลังดีมาผสมผสานจนเข้ากันกับน้ำกะทิสูตรเฉพาะ ราดลงบนข้าวเหนียวที่ผ่านการมูนกับหัวกะทิอย่างพิถีพิถัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลและเกลือเล็กน้อย เมื่อทานคู่กันจะได้รสชาติเข้มข้น หวานมัน หอมกลิ่นอ่อน ๆ ของทุเรียนชนิดที่ยิ่งเคี้ยว ยิ่งมีความสุขทุกคำ
มังคุดจากสวน 50 ปีที่โรงแรมบลูแรบบิท
ภาพ : facebook.com/bluerabbithotel
นอกจากนี้ โรงแรมบลูแรบบิทยังมีของฝากชวนซื้อหาอย่างมังคุดจากสวน 50 ปีที่เติบโตในพื้นที่ดินดำ อุดมด้วยแร่ธาตุ และได้น้ำจากธารน้ำตกใกล้ ๆ เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง จึงมั่นใจได้ในคุณภาพของมังคุดที่เติบโตในสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบ ยิ่งต้นมีอายุมากขึ้น เปลือกมังคุดก็จะบางลงและมีรสชาติดีขึ้น เมื่อผ่านการเก็บอย่างพิถีพิถันในทุก ๆ ลูก ผลผลิตที่ได้จึงมีรสชาติหวานฉ่ำ พร้อมจำหน่ายให้นำไปชิมโดยทั่วกัน
Blue Rabbit Hotel
ที่ตั้ง : 188 หมู่ 2 ถ.รักศักดิ์ชมูล ต.ท่าช้าง อ.เมืองจันทบุรี
โทร : 087 482 8989
Facebook : Blue rabbit hotel
เสน่ห์จันท์
ใครกำลังมองหาของฝากจากเมืองจันท์ แนะนำว่าห้ามพลาดการไปเยือน เสน่ห์จันท์ (Sanay Chan) ร้านค้าที่เกิดจากความตั้งใจของกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในจังหวัดจันทบุรีที่แปลงโฉมอาคารเก่าแก่ในชุมชนริมน้ำจันทบูรเป็นพื้นที่กระจายสินค้าของคนจันท์โดยเฉพาะ
ภาพ : facebook.com/sanaychanthaboon
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าเกษตร อาหารทะเลแปรรูปอย่างกะปิ กุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง ปลาแดดเดียว ปลากุเลา ฯลฯ ผลไม้สดตามฤดูกาล ผลไม้แปรรูปจากกลุ่มผู้สูงอายุที่ใช้ภูมิปัญญาอาหารพื้นถิ่นในการถนอมอาหารออกมาเป็นผลิตภัณฑ์อย่างทุเรียนทอด มังคุดกวน สละกวน เงาะกวน ฯลฯ ไปจนถึงแบรนด์ไอศกรีม "ทองดี" ที่นำทุเรียน มังคุด มะม่วง มะพร้าว ฯลฯ มาทำเป็นไอศกรีมแท่งที่มีหน้าตาเหมือนผลไม้ต่าง ๆ ทั้งน่ารักและน่าลอง
ภาพ : facebook.com/sanaychanthaboon
อีกหนึ่งทีเด็ดคือ กลุ่มสินค้าหัตถกรรม โดยเฉพาะการนำเสื่อกกจันทบูรมาออกแบบให้มีดีไซน์ร่วมสมัย แปลงโฉมเป็นที่รองจาน ที่รองแก้ว กระเป๋าถือ กล่องใส่กระดาษเช็ดหน้า เข็มขัด ฯลฯ เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คน ความพิเศษของเสื่อกกจันทบูรที่ไม่เหมือนเสื่อทั่วไป คือ การใช้กกน้ำกร่อย หรือกกสองน้ำ เป็นวัสดุหลักในการทำ โดยกกสองน้ำมีคุณสมบัติพิเศษต่างจากกกในแหล่งอื่น คือ มีเส้นใยที่เหนียว นุ่ม และเป็นมัน เสื่อกกจันทบูรจึงได้รับการประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม สาขางานช่างฝีมือดั้งเดิมประจำปี พ.ศ. 2567 และได้รับการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ร่วมสมัยอย่างไม่หยุดนิ่งเสมอมา
ภาพ : facebook.com/sanaychanthaboon
เสน่ห์จันท์ยังขยันจัดทริปท่องเที่ยวยั่งยืนในหลายเส้นทาง เช่น พาเยี่ยมชมสวนสมุนไพรเศรษฐกิจ สวนออร์แกนิก ชมวิถีประมงพื้นบ้าน เยือนชุมชนเก่าแก่ริมน้ำจันทบูร และตระเวนกินของอร่อยรสดั้งเดิมตามแบบฉบับของคนพื้นที่ การแวะมาเยือนที่นี่จึงช่วยขยับขยายขอบเขตความรู้ของเมืองจันทบุรีให้กว้างไกลขึ้นกว่าเดิม
เสน่ห์จันท์
ที่ตั้ง : ชุมชนริมน้ำจันทบูร อ.เมืองจันทบุรี
เปิดทำการ : วันศุกร์และวันเสาร์ เวลา 08.30 - 17.30 น.
Facebook : เสน่ห์จันท์ Sanay Chan
พาย SUP สำรวจป่าโกงกางร้อยปีที่ ‘คลองบางกะจะ’
หนึ่งในหมุดหมายสำคัญของจันทบุรีที่ผู้คนนิยมแวะเวียนไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล คือ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ศาลารูปทรงพระมาลาสวยสง่าสะดุดตา ตั้งอยู่เคียงข้างศาลหลักเมืองจันทบุรี
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ส่วนผู้ที่นับถือในคุณงามความดีของพระองค์มากไปกว่านั้น จะนิยมไปเยี่ยมเยือนสถานที่สำคัญอีกหนึ่งแห่ง นั่นคือ วัดพลับ บางกะจะ วัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย โดยเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชใช้พักไพร่พลก่อนจะเข้าตีเมืองจันท์ในสงครามกู้เอกราช เมื่อครั้งที่บางกะจะมีสถานะเป็นเมืองหลวงจันทบุรี
ภาพ : facebook.com/Supscrib
แต่นอกจากความสำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์แล้ว บางกะจะยังเป็นพื้นที่สีเขียวที่มีความสำคัญ โดยมี คลองบางกะจะ เป็นสายน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตของชาวประมงท้องถิ่น ทั้งยังเป็นป่าชายเลนที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์จึงเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งของจันทบุรี
ภาพ : facebook.com/Supscrib
คลองบางกะจะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวพายซับบอร์ด (SUP - Stand Up Paddle Board) แนะนำโดย ททท.สำนักงานจันทบุรี โดยเส้นทางพายซับคลองบางกะจะเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่เกิดจากความตั้งใจของคนในพื้นที่อย่าง ‘นุศรา กีรติโภฌานันท์’ ผู้ก่อตั้ง SUPscribe Chanthaburi โดยเริ่มจากการรวมตัวกันของกลุ่มเพื่อนที่ชื่นชอบกีฬาซับบอร์ด และชวนกันพายเที่ยวคลองบางกะจะจนพบว่าคลองสายนี้มีทั้งต้นแสมอายุนับร้อยปี ต้นจาก และพื้นที่ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์จนเป็นแหล่งอาศัยของนกนานาชนิด
ภาพ : facebook.com/Supscrib
คลองบางกะจะจึงเหมาะอย่างยิ่งในการสอดแทรกแนวคิดด้านการอนุรักษ์ ไปพร้อม ๆ กับการได้สัมผัสความสนุกจากการยืนพายซับสัมผัสความสวยงามของป่าชายเลน ที่มียอดเขาสอยดาวใต้และเขาคิชฌกูฏเป็นฉากหลังสวยอลังการ
ภาพ : facebook.com/Supscrib
หนึ่งในความพิเศษของการพายซับกับกลุ่ม SUPscribe Chanthaburi ก็คือ การมีแก๊งสี่ขาติดสอยห้อยตามไปออกทัวร์บนบอร์ดด้วยกัน สร้างสีสันให้คนรักสัตว์ได้มีความสุขสนุกตลอดเส้นทาง ใครสนใจพาน้องหมาน้องแมวของตัวเองไปร่วมขบวนด้วย สามารถพามาได้แบบไม่ผิดกติกา
ภาพ : facebook.com/Supscrib
SUPscribe Chanthaburi ยังเชื่อมโยงกิจกรรมท่องเที่ยวเข้ากับชุมชน โดยอุดหนุนอาหารและของว่างสำหรับต้อนรับแขกจากพ่อค้าแม่ค้าในท้องถิ่น และเลือกใช้งานคราฟต์ในชุมชนเป็นภาชนะ เพื่อการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์งานฝีมือพื้นบ้าน โดยเฉพาะเสื่อจันทบูรของดีเมืองจันท์
ภาพ : facebook.com/Supscrib
สำหรับช่วงเวลาในการพายซับสามารถเลือกได้ว่าจะดื่มด่ำกับแสงอาทิตย์ยามเช้า หรือปล่อยใจไปกับบรรยากาศสวยสะกดสายตายามอาทิตย์อัสดง โดยระยะเวลาในการพายซับทั้งหมดจะอยู่ที่ราว 2-3 ชั่วโมง ราคาคนละ 800 บาท ทุกทริปจะมีช่างภาพมืออาชีพลูกหลานชาวบางกะจะอย่าง ‘รักษ์ชาติ โสดาบัน’ รับหน้าที่ถ่ายภาพสวย ๆ ให้ผู้ร่วมทริปทุกท่านนำความสวยงามของคลองบางกะจะไปอวดสู่สายตาเพื่อน ๆ ให้อยากมาเยือนที่นี่กันเยอะ ๆ
ภาพ : facebook.com/Supscrib
สำหรับคนที่ไม่เคยพายซับมาก่อนก็ไม่ต้องกังวล เพราะกีฬาชนิดนี้ปลอดภัย ไม่ต้องว่ายน้ำเป็นก็ร่วมสนุกได้แบบไม่จำกัดอายุ โดยก่อนเริ่มต้นออกเดินทางจะมีการสอนพายซับเบื้องต้น และมีเจ้าหน้าที่ออกพายด้วยตลอดเส้นทาง
สนใจสอบถามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ทางกล่องข้อความ Facebook : SUPscribe Chanthaburi
กินปู ดูเหยี่ยวที่ ‘หมู่บ้านไร้แผ่นดิน’
ปลายสุดของจังหวัดจันทบุรีเป็นพื้นที่ของอำเภอขลุง ซึ่งต้อนรับอาคันตุกะได้น่าประทับใจ ด้วยทิวแถวของต้นยางนาสูงใหญ่เรียงรายบนเส้นทางถนนสุขุมวิทสายเก่า โดยเฉพาะเมื่อเงาของยางนาที่ยืนต้นมานานกว่า 300 ปีเหล่านี้ทอดยาวลงบนถนนในยามเช้าละเย็น เป็นใครก็อยากให้ความสวยงามแบบไม่ต้องแต่งเติมนี้คงอยู่คู่ตำบลวันยาว อำเภอขลุงไปนาน ๆ
ถนนต้นยาง 300 ปี อำเภอขลุง
จากความร่มรื่นของถนนสายต้นยางทอดยาวไปสู่ปลายทางอย่างท่าเรือไปสู่ หมู่บ้านไร้แผ่นดิน บริเวณปากแม่น้ำเวฬุ (อ่านว่า เวน) พรมแดนธรรมชาติที่แบ่งเขตอำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี กับอำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ออกจากกัน พื้นที่ในแถบปากแม่น้ำเวฬุอุดมสมบูรณ์ด้วยผืนป่าชายเลนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ จึงเป็นทั้งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ และที่ตั้งของชุมชนชาวประมงพื้นบ้าน ที่ทำฟาร์มเลี้ยงหอยนางรม เลี้ยงปลากระชัง ยกยอกุ้ง หาปู หาปลา ฯลฯ
นอกจากนี้ บริเวณปากแม่น้ำเวฬุยังเป็นถิ่นที่อยู่ของเหยี่ยวแดง สัตว์ป่าคุ้มครองที่ถือเป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนได้เป็นอย่างดี โดยเหยี่ยวแดงที่อาศัยอยู่ในแถบนี้มีมากกว่าพันตัว ทำให้หลายชุมชนแถบปากแม่น้ำเวฬุหันมาทำโฮมสเตย์ และจัดทริปพานักท่องเที่ยวล่องเรือไปชมเหยี่ยวแดงยังกลางทะเล
ภาพ : facebook.com/BanThaleDawHomeStey
หมู่บ้านไร้แผ่นดิน ถือเป็นหนึ่งในชุมชนที่มีกิจกรรม ‘กินปู ดูเหยี่ยว’ เป็นจุดขาย โดยก่อนที่จะมีการท่องเที่ยวเป็นแหล่งรายได้หลักในทุกวันนี้ ในอดีตที่นี่เคยเป็นชุมชนบ้านโรงไม้มาก่อน โดยคนกลุ่มแรกที่มาตั้งชุมชนเป็นชาวจีนที่อพยพมาค้าขายยังเมืองไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2410 ในระหว่างที่ผ่านมายังจันทบุรี ชาวจีนกลุ่มนั้นได้นำเรือมาหลบลมที่บริเวณปากแม่น้ำเวฬุ และเริ่มตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้ ประกอบกับรัฐบาลเปิดสัมปทานให้มีการตัดไม้โกงกางในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเวฬุเพื่อเอาไปใช้ในการตั้งเตาเผาถ่าน ที่นี่จึงก่อร่างสร้างตัวเป็นชุมชนบ้านโรงไม้ในที่สุด
หลังจากหมดสัมปทานการตัดไม้จึงค่อยเกิดอาชีพประมงขึ้นในพื้นที่บริเวณปากน้ำเวฬุ และเปลี่ยนผ่านมาสู่ยุคของการทำโฮมสเตย์ในปัจจุบัน เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่สนใจมากินปู ดูเหยี่ยวที่หมู่บ้านไร้แผ่นดิน ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกตามลักษณะของบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ในลุ่มน้ำ ไม่มีถนนตัดผ่าน ต้องนั่งเรือเข้าไปเท่านั้น
บ้านทะเลดาวโฮมสเตย์
ภาพ : facebook.com/BanThaleDawHomeStey
หมู่บ้านไร้แผ่นดินมีโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวเลือกจับจองเพื่อพักผ่อนหลายแห่ง โดยแต่ละที่จะมีรูปแบบคล้าย ๆ กัน คือ คิดราคาเหมาแบบรวมค่าที่พัก อาหาร และกิจกรรมต่าง ๆ ไว้เบ็ดเสร็จ ราคาตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป
ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์ผัดปู
LIVE TO LIFE เลือกโฮมสเตย์ที่น่าสนใจมาแนะนำ 1 แห่ง ได้แก่ บ้านทะเลดาวโฮมสเตย์ โดยเมื่อนั่งเรือจากท่าเรือในอำเภอบางชันไปถึงโฮมสเตย์เป็นที่เรียบร้อย เจ้าบ้านจะต้อนรับด้วยอาหารท้องถิ่นหลากหลาย มีทั้ง ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์ผัดปู จัดจ้านสามรสและเหนียวนุ่มด้วยเส้นจันท์ ทานคู่กับปูกะตอยเคี้ยวกรุบ หมูชะมวง รสชาติเปรี้ยว เค็ม หวาน โดยใบชะมวงช่วยชูรสเปรี้ยวและช่วยให้เนื้อหมูนุ่มน่าทาน และแน่นอนว่าเต็มไปด้วยซีฟู้ดนานาชนิด โดยเฉพาะปูทะเลตัวโตนึ่งมาเสิร์ฟร้อน ๆ สีส้มสวยชวนให้อยากกะเทาะเปลือกและแคะเนื้อปู จิ้มกินกับน้ำพริกเกลือสูตรเด็ดตำรับจันท์
กุ้งและปูทะเลไซส์ยักษ์
ภาพ : facebook.com/BanThaleDawHomeStey
อิ่มท้องแล้วก็เริ่มต้นสนุกกับกิจกรรมทั้งหลายที่ทางโฮมสเตย์จัดเตรียมไว้ให้แบบเต็มที่ เริ่มด้วยการล่องแพเปียกไปยังบริเวณทะเลแหวกบางชัน แวะให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปเดินบนสันทรายที่เชื่อมระหว่างสองฝั่ง และเพลิดเพลินกับการเดินเล่นถ่ายรูปบนหาดทรายดำ ก่อนจะไปแวะให้อาหารฝูงเหยี่ยวแดงนับพันตัว ขากลับล่องเรือชมธรรมชาติของผืนป่าชายเลนและฟาร์มหอยนางรมระหว่างทาง
ล่องแพเปียกชมเหยี่ยวแดง
ภาพ : facebook.com/BanThaleDawHomeStey
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินเที่ยวชมวิถีชีวิตหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ที่เลือกสืบทอดการกินอยู่แบบไร้แผ่นดินมานานกว่าร้อยปี ในบางจังหวะของวันอาจได้เห็นกิจวัตรของชาวบ้านที่นี่ ที่ยังต้องซื้อน้ำจืดไว้สำหรับบริโภค โดยเรือขนน้ำจะทำการแจกจ่ายน้ำให้บ้านเรือนแต่ละหลังของหมู่บ้านไร้แผ่นดิน ดังนั้น การจะใช้สอยน้ำจืดของที่นี่จึงต้องประหยัดและคิดก่อนใช้ การได้ไปสัมผัสวิถีที่แท้จริงของชาวบ้านที่ใช้ชีวิตบนลุ่มน้ำเค็มอาจสะกิดให้นักเดินทางได้เห็นคุณค่าของทรัพยากรมากขึ้นก็เป็นได้
บ้านทะเลดาวโฮมสเตย์ หมู่บ้านไร้แผ่นดินจันทบุรี
ที่ตั้ง : 65/3 หมู่ 2 ต.บางชัน อ.ขลุง จ.จันทบุรี
โทร : 088 214 4424
Facebook : บ้านทะเลดาวโฮมสเตย์ หมู่บ้านไร้แผ่นดินจันทบุรี
อ้างอิง
- ไทยโพสต์. ‘เสน่ห์จันท์’ ต้นแบบพัฒนาชุมชน ฟื้นเศรษฐกิจ หนุนเมืองสร้างสรรค์. https://bit.ly/44VgQbx
- ผู้จัดการออนไลน์. “พายซับ” คลองบางกะจะ จันทบุรี ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนไปพร้อมน้องหมา-น้องแมว. https://bit.ly/43QihH3
- IceBank Diary. เที่ยว 3 โฮมสเตย์ริมทะเล 900 กินปู จับหอยนางรมจากฟาร์ม หมู่บ้านชาวประมงที่จันทบุรี สมุทรสงคราม ชุมพร. https://bit.ly/4dKJ6A8