

เที่ยว ‘เขาช่องลม’ ช่วงกรีนซีซั่น ย่ำผืนหญ้าชมธรรมชาติกลางสายฝนที่นครนายก
Travel / Thailand
06 Jul 2023 - 7 mins read
Travel / Thailand
SHARE
06 Jul 2023 - 7 mins read
เดือนกรกฎาคมของทุกปี นอกจากจะเป็นช่วงเวลาที่ฝนเริ่มตกชุกในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยแล้ว ท่ามกลางบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบนี้ ยังถือเป็นฤดูกาลสำคัญของการท่องเที่ยวประจำหน้าฝนที่เรียกว่า ‘กรีนซีซั่น’ หรือ ‘Green Season’
เพราะน้ำฝนที่โปรยปรายลงมา ได้คืนทั้งความชุ่มชื้นและความอุดมสมบูรณ์ให้กับผืนดิน ต้นไม้ ใบหญ้า และแหล่งน้ำ ซึ่งเคยแตกระแหง แห้งเหี่ยว และเหือดหายมานานจากหน้าแล้งของฤดูร้อน การมาถึงของฤดูฝนจึงไม่ใช่แค่เพียงเปลี่ยนธรรมชาติให้กลับมาเบ่งบานและเขียวชอุ่มอีกครั้ง แต่ยังช่วยเปลี่ยนสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติให้มีชีวิตชีวา เพื่อรอต้อนรับนักเดินทางที่ต้องการมาสัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
เช่นเดียวกับ ‘เขาช่องลม’ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจประจำหน้าฝนของจังหวัดนครนายก ที่ LIVE TO LIFE อยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักและเดินทางไปเยือนในเดือนกรกฎาคมนี้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ตรงกับกรีนซีซั่นพอดี ทำให้ธรรมชาติทุกหย่อมหญ้าทั่วทั้งเขาช่องลมมีแต่ความเขียวขจี ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ดูสบายตาและน่าหลงใหล ราวกับที่นี่คือสวนสวรรค์ของธรรมชาติอันเงียบสงบ ซึ่งควรค่าให้ทุกคนเดินทางมาเห็นด้วยตาตัวเอง
เขาที่ซ่อนตัวอยู่หลังเขื่อน
เขาช่องลมตั้งอยู่ในตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก มีลักษณะเป็นช่องแคบที่ขนาบข้างด้วยพื้นที่ราบเชิงเขาและขุนเขา ซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปในบริเวณด้านหลังของเขื่อนขุนด่านปราการชล ซึ่งเป็นเขื่อนคอนกรีตบดอัด (Roller-Compacted Concrete Dam) ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ด้วยความยาว 2,594 เมตร และความสูง 93 เมตร ทำให้เก็บกักน้ำได้มากถึง 224 ล้านลูกบาศก์เมตร เพียงพอสำหรับเอาไว้ใช้เพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภคภายในจังหวัดนครนายก
โดยทั่วไป ผู้คนมักจะแวะเวียนมาเที่ยวเขื่อนขุนด่านปราการชลตลอดปี เพราะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมอยู่ก่อนแล้ว แตกต่างจากเขาช่องลม ถึงแม้จะมีแหล่งน้ำมหาศาลจากเขื่อนอยู่ด้านหน้า แต่สภาพแวดล้อมของเขากลับขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละฤดูกาล
ด้วยเหตุนี้เอง เฉพาะฤดูฝนหรือกรีนซีซั่น จึงนับเป็นช่วงเวลาเดียวที่เหมาะกับการท่องเที่ยวที่เขาช่องลม เนื่องจากระดับน้ำในเขื่อนยังคงลดต่ำอยู่ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องของอากาศในหน้าร้อน ทำให้ไม่มีน้ำท่วมพื้นที่ราบเชิงเขา เมื่อฝนเริ่มตกลงมา บรรดาต้นหญ้าและพืชพันธุ์บนดินจึงเติบโตและชูยอดขึ้นสูง จนแทบจะมองไม่เห็นว่า พื้นตรงนี้เคยมีแต่ดินสีน้ำตาลมาก่อน อย่างกับธรรมชาติที่เขาช่องลมตั้งใจปูหญ้าสีเขียวเป็นพรม เพื่อรับรองนักท่องเที่ยวในฐานะแขกคนสำคัญผู้มาเยือน
ลงเรือหางยาวล่องเข้าเขาช่องลม
พาหนะหลักที่จะพาทุกคนให้เข้าไปสู่เขาช่องลมได้ คือ เรือหางยาว ซึ่งจอดเทียบท่ารอให้บริการอยู่บริเวณสันเขื่อน เรือหางยาวทั้งหมด 34 ลำ ล้วนเป็นเรือของชาวบ้านในสังกัด ‘ชมรมเรือหางยาวเขื่อนขุนด่านปราการชล’ โดยตั้งจุดให้บริการใกล้กับลานจอดรถ นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อจองเที่ยวเรือได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-16.30 น.
สำหรับค่าบริการนั่งเรือหางยาว แบ่งเป็น 2 ราคา หากไปท่องเที่ยวเป็นกลุ่มไม่เกิน 8 คน สามารถเช่าเรือแบบเหมาลำได้ ในราคา 1,500 บาท ยกเว้นวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จะไม่มีบริการเรือแบบเหมาลำ ส่วนเที่ยวเรือปกติ ซึ่งคอยรับและส่งนักท่องเที่ยวเป็นรอบ รอบละ 8-20 คน จะคิดค่าบริการคนละ 200 บาท หากเดินทางมาเที่ยวคนเดียวก็ไม่ต้องกังวลใจ เพราะสามารถร่วมนั่งเรือไปกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ได้ โดยพนักงานของชมรมฯ จะคอยอำนวยความสะดวกและช่วยจัดเที่ยวเรือให้
แม้ว่าการเดินทางเข้าไปยังเขาช่องลมด้วยเรือหางยาวจะดูสะดวกสบาย แต่ LIVE TO LIFE ขอกระซิบบอกทุกคนไว้เป็นเคล็ด (ไม่) ลับว่า ให้เลือกใส่รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าหุ้มส้นคู่เก่งเน้นลุย เพราะตลอดเส้นทางท่องเที่ยวเขาช่องลมจำเป็นต้องเดินเท้าเท่านั้น เริ่มตั้งแต่ทางลาดชันที่ทอดยาวจากสันเขื่อนไปยังท่าเทียบเรือหางยาว ด้วยจำนวนขั้นบันไดคอนกรีตราว 190-210 ขั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับน้ำในเขื่อน จากทั้งหมด 225 ขั้น หลายคนอาจตกใจไปบ้างเมื่อรู้ถึงจำนวนขั้นที่ต้องเดินลงและขึ้น แต่ระยะทางจริงกลับไม่ไกล จึงใช้เวลาเดินไม่นานก็ถึงตัวเรือ
ตื่นตาตื่นใจไปกับทิวทัศน์เหนือผืนน้ำ
หลังจากที่เรือหางยาวแล่นออกจากสันเขื่อนและเคลื่อนเข้าหาธรรมชาติของเขาช่องลม ทิวทัศน์ที่เห็นอยู่เหนือผืนน้ำตรงหน้าและระหว่างสองข้างทาง จะค่อย ๆ ปลุกเร้าความตื่นตาตื่นใจ ถ้าจะบอกว่าเป็นความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนสวมบทบาทเป็นนักสำรวจที่กำลังจะได้เข้าไปในพื้นที่ลึกลับน่าค้นหา ซึ่งไม่เคยมีใครย่างกรายมาก่อน ก็คงไม่ผิดนัก
ขณะที่เรือกำลังแล่น นอกจากสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นอยู่ทั่วพื้นที่เขาช่องลม ทุกคนยังจะได้เห็นจุดสีขาวแซมอยู่ด้วย
หากมองดูอย่างผิวเผิน คล้ายกับช่อของดอกไม้ป่าที่ขึ้นอยู่ริมทางและลู่ไปตามแรงลม แต่ถ้ามองดูอีกครั้งอย่างตั้งใจ จุดสีขาวเหล่านั้น คือฝูงของนกกระยาง พวกมันต่างยืนกระจายตัวอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้อย่างสง่างาม เป็นภาพธรรมชาติที่เห็นได้ไม่บ่อย ขึ้นอยู่กับโอกาสและความบังเอิญ
เวลาผ่านไปเพียง 15 นาที เรือจะแล่นมาถึงที่หมายแรกก่อน คือ ต้นน้ำของเขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นเนินเขาที่มีทางให้เดินลัดเลาะต้นหญ้าสูง และมีลำธารสายเล็กคั่นกลางให้น้ำจากป่าต้นน้ำไหลลงสู่บริเวณเก็บกักของเขื่อน
หลังจากนั้น เรือจะพามาถึงยังจุดหมายที่สองซึ่งเป็นแลนด์มาร์กที่ทุกคนต่างรอคอย นั่นคือ ‘เขาช่องลม’ เมื่อเรือจอดเทียบท่าให้ทุกคนลงจากเรือแล้ว คนขับเรือจะปล่อยให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติตามอัธยาศัยประมาณชั่วโมงครึ่ง เมื่อครบกำหนดเวลา ทุกคนต้องมารวมตัวที่เรือลำเดิม เพื่อนั่งกลับออกไปยังสันเขื่อน
ย่ำผืนหญ้าชมธรรมชาติของเขาช่องลม
ความน่าสนใจของเขาช่องลม ซึ่งเป็นทั้งภาพจำและเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้หลายคนอยากมาเที่ยว คือ ความเขียวขจีของผืนหญ้า ที่มีลักษณะเป็นป่าทุ่งสีเขียวอ่อน โดยไต่ไล่ระดับตามเนินขึ้นไปสู่ผืนป่าเขียวเข้มที่อยู่บนยอดเขา
จุดน่าสังเกตที่ทำให้เขาช่องลมสวยงามอยู่เสมอ สำหรับคนที่เคยเดินทางมาก่อน ก็ยังรู้สึกถึงความสดใหม่ราวกับได้มาเยือนครั้งแรก คือ โทนสีเขียวของธรรมชาติ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาตลอดวัน ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาถึงเขาช่องลมต่างเวลากัน ก็จะมองเห็นความเขียวของหญ้าและแมกไม้แตกต่างกันไปด้วย
ยามฟ้ามีเมฆหนาจนบดบังแสงอาทิตย์ ธรรมชาติของเขาช่องลมจะมีสีเขียวอมน้ำเงิน ดูน่าเกรงขามเหมือนน้ำทะเล ส่วนในยามที่ฟ้ากระจ่างและมีแดดออก ธรรมชาติจะมีสีเขียวอมเหลืองเหมือนผิวมะนาวใกล้สุก เป็นความงามของธรรมชาติ คล้ายว่าเขาช่องลมแห่งนี้คือผืนผ้าใบขนาดใหญ่ โดยธรรมชาติทำหน้าที่เป็นจิตรกรเอก คอยแต่งแต้มสีสันให้เป็นผลงานที่มีสีสันและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
เขาช่องลมยังเป็นแหล่งอยู่อาศัยของแมลงปอและผีเสื้อนานาพันธุ์ แม้จะมีผู้คนเดินผ่านไปมา แต่เจ้าแมลงตัวน้อยพวกนี้ มักจะเกาะนิ่ง ๆ ไม่ก็บินวนเวียนอยู่บริเวณจุดใดจุดหนึ่ง เช่น บนกิ่งไม้แห้ง หรือบนยอดหญ้าที่มีดอกไม้บาน กลายเป็นเป้าให้คนยกสมาร์ตโฟนและกล้องขึ้นถ่ายภาพเก็บไว้เป็นความประทับใจที่พบเจอระหว่างทาง
นอกจากนี้ ตลอดทางที่ทุกคนเดินย่ำผืนหญ้า จะได้สัมผัสกับแรงของลมที่พัดผ่านพอให้รู้สึกเย็นสบายและสดชื่นไปพร้อม ๆ กับได้ยินเสียงของน้ำที่ไหลผ่านเป็นลำธารบริเวณโขดหินที่รายเรียงอย่างไร้ระเบียบ โดยเฉพาะหินก้อนใหญ่กลางลำธาร ซึ่งเป็นจุดที่คนนิยมนั่งถ่ายรูปคู่กับบรรยากาศแบบพาโนรามา 360 องศา ของเขาช่องลม
บอกลาเขาช่องลม ถึงเวลากลับสู่เขื่อน
ช่วงเวลาแห่งความสุขและความสนุกมักจะผ่านไปไวฉันใด ระยะเวลาชั่วโมงครึ่งที่ทุกคนได้ใช้ในเขาช่องลมก็มักจะผ่านไปไวฉันนั้น นักท่องเที่ยวจะได้นั่งเรือหางยาวย้อนกลับทางเดิมมาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง หากเป็นช่วงเวลาท้ายของวัน ทุกคนจะได้เห็นท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีตามแสงของอาทิตย์ซึ่งกำลังคล้อยต่ำลง เป็นภาพสวยจับใจที่เห็นได้แค่ตอนแดดร่มลมตกเท่านั้น
เมื่อถึงท่าเรือบริเวณสันเขื่อน ยังต้องใช้กำลังขาเดินขึ้นบันไดคอนกรีตอีกรอบ เป็นอันจบทริปท่องเที่ยวเขาช่องลม แม้จะเดินเท้ามากหน่อย แต่ก็คุ้มค่าให้มาเยือน สำหรับคนที่ไม่ชอบแสงแดดและความพลุกพล่านของนักท่องเที่ยวที่ทยอยมาชมความงามของเขาช่องลมตลอดวัน แนะนำให้เดินทางมาเที่ยวช่วงเช้า ระหว่างเวลา 07.00-09.00 น. ในวันธรรมดาแทน
เขาช่องลมจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติใกล้กรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง สามารถไปเที่ยวแบบเช้าเย็นกลับได้ แต่ในระหว่างวันฝนอาจตกลงมาได้ทุกเมื่อ แนะนำให้พกเสื้อกันฝนหรือร่มติดตัว รวมถึงพาวเวอร์แบงก์ ขวดน้ำ และอุปกรณ์กันร้อน อย่างพัดลมไฟฟ้า เพราะภายในพื้นที่เขาช่องลมมีเพียงลมธรรมชาติสำหรับคลายร้อนเท่านั้น ถือเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมสนุกได้ในทุกสถานการณ์ ไม่หวั่นแม้วันฝนตกและแดดออก
อ้างอิง
- มูลนิธิมั่นพัฒนา. เขื่อนขุนด่านปราการชล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (พ.ศ. 2536). https://bit.ly/4480UyZ
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. เขาช่องลม นครนายก. https://bit.ly/3PlNP0M
- ศูนย์บริการข่าวสารท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก. คู่มือการท่องเที่ยวจังหวัดนครนายก. https://bit.ly/46goLys