

เยือน ‘ชุมพร’ ประตูสู่ภาคใต้ ดำน้ำใส ชมทะเลหมอกหน้าร้อน ไปจังหวัดเดียวได้เที่ยวทั้งภูเขาและทะเล
Travel / Thailand
03 Apr 2024 - 5 mins read
Travel / Thailand
SHARE
03 Apr 2024 - 5 mins read
‘ทะเล’ หรือ ‘ภูเขา’ ?
คงจะเป็นโจทย์ที่ใครหลายคนตั้งเอาไว้
แต่ด้วยความสวยงามของธรรมชาติที่เริ่มกลับมาสมบูรณ์อีกครั้งในเดือนเมษายน ทำให้ทั้งทะเลและภูเขาในภาคใต้ กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่คนนิยมเที่ยวในหน้าร้อน
LIVE TO LIFE ขอแนะนำให้ปักหมุดเที่ยว ‘ชุมพร’ จังหวัดที่ได้ชื่อว่า ‘ประตูสู่ภาคใต้’ ซึ่งเปิดรอต้อนรับคนไทยทุกคน เพียงแค่มาเยือนที่นี่จังหวัดเดียว ได้เที่ยวครบทั้งภูเขาและทะเล เป็นประสบการณ์เที่ยวภาคใต้ที่เต็มไปด้วยสิ่งน่าสนใจมากมาย ซึ่งรอคอยให้ทุกคนมาค้นหาด้วยตัวเอง
ถึงแม้ว่าอากาศช่วงกลางวันจะร้อนมากแค่ไหน แต่ช่วงเช้าตรู่ขณะดวงอาทิตย์กำลังขึ้น บนยอดเขาหลายแห่งในจังหวัดชุมพร กลับมีทะเลหมอกให้ชมแบบไม่น่าเชื่อ ส่วนน้ำทะเลฝั่งอ่าวไทยก็กลับมาใส เหมาะกับกิจกรรมดำน้ำดูปะการัง และร่วมลุ้นว่ามาเที่ยวทะเลชุมพรครั้งนี้ อาจจะได้เห็นสัตว์หายากอย่างฉลามวาฬ
เพื่อเอาใจทั้งคนที่ชอบภูเขาและคนที่ชอบทะเล LIVE TO LIFE คัดสรรสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในจังหวัดชุมพร สำหรับเป็นตัวเลือกให้ทุกคนได้ไปเที่ยวตามรอย รับรองว่าได้ทั้งความสนุก ความสุข และความประทับใจ
เกาะร้านเป็ด เกาะร้านไก่
ดำน้ำดูปะการัง ทุ่งดอกไม้ทะเล และฉลามวาฬ
จังหวัดชุมพรขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของโลกใต้ทะเล เหมาะกับการนั่งเรือออกไปยังเกาะต่าง ๆ เพื่อดำน้ำดูความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการังและดอกไม้ทะเล รวมถึงฉลามวาฬตัวยักษ์ แม้ชื่อจะมีคำว่าฉลามที่ฟังดูน่าเกรงขาม แต่ฉลามวาฬกลับมีนิสัยที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง คือเป็นสัตว์รักสงบและเป็นมิตรกับมนุษย์ และเดือนเมษายนเป็นช่วงเดียวของปีที่มีโอกาสได้เห็นฉลามวาฬที่ชุมพร เพราะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่พวกมันอพยพมายังอ่าวไทย
หนึ่งจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจังหวัดชุมพร คือ เกาะร้านเป็ด เกาะร้านไก่ หรือบางคนอาจเรียกรวมกันว่า เกาะร้านเป็ด-ร้านไก่ เป็นเกาะหินปูนขนาดเล็กสองเกาะที่อยู่ติดกัน เป็นเกาะกลางทะเลที่ไม่มีชายหาดและไม่มีคนอาศัยอยู่ มีแต่เพียงฝูงนกนางนวลและนกนางแอ่นที่ปักหลักทำรังราวกับเป็นเจ้าของเกาะ สาเหตุที่นักท่องเที่ยวนิยมนั่งเรือมาดำน้ำดูโลกใต้ทะเลกันที่เกาะนี้เพราะอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่ง และเหมาะสำหรับการดำน้ำทุกรูปแบบ ทั้งดำน้ำตื้น ดำน้ำลึก และฟรีไดฟ์
มองลงไปใต้น้ำจะเห็นฝูงปลาขนาดใหญ่ เช่น ปลากล้วยแถบเหลือง ปลาข้างเหลือง ปลาการ์ตูน ปลานกแก้ว ปลานกขุนทอง ต่างแหวกว่ายอยู่ตามแนวปะการังหลายรูปทรง และดอกไม้ทะเลหลากสี หากดำน้ำลงไปดูใกล้ ๆ จะเห็นกุ้งตัวยาวอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นสัตว์น้ำขนาดเล็กที่พบมากในทะเลชุมพร
สำหรับคนที่ชอบทะเลแต่ไม่อยากดำน้ำ สามารถนั่งเรือจากชายฝั่งมาเยือนเกาะร้านเป็ด เกาะร้านไก่ได้เช่นเดียวกัน เพื่อเฝ้าดูฉลามวาฬที่อาจโผล่ขึ้นมาทักทายนักท่องเที่ยวเหนือผิวน้ำทะเล เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้ร่วมลุ้นว่า ธรรมชาติจะเป็นใจให้เห็นฉลามวาฬตัวเป็น ๆ หรือเปล่า
เกาะร้านเป็ด เกาะร้านไก่
ที่ตั้ง : ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร 86210
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
ค่าเข้าชม : ประมาณ 1000-1500 บาท ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจท่องเที่ยวและดำน้ำแบบ One Day Trip ของบริษัทนำเที่ยวที่เปิดให้บริการในพื้นที่จังหวัดชุมพร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลปากคลอง
โทร : 096 326 6324
หาดทรายรี
ลงเล่นน้ำใส ไหว้เสด็จเตี่ย
หาดทรายรีเป็นแลนด์มาร์กขึ้นชื่อทางธรรมชาติแห่งเดียวที่อยู่ในคำขวัญประจำจังหวัด ซึ่งทุกคนต้องแวะมาเช็กอินให้ได้ ไม่อย่างนั้นถือว่ามาไม่ถึงชุมพร
ความสวยงามของหาดทรายรีอยู่ที่เม็ดทรายสีขาวละเอียดบนหาด ซึ่งตัดกับน้ำใส ๆ ที่ไล่ระดับจากสีฟ้าอ่อนไปจนถึงสีครามเข้มตามความลึกของท้องทะเล ด้วยความยาวของหาดประมาณ 1 กิโลเมตร แต่มีลักษณะโค้งเว้าเข้าเป็นเวิ้งอ่าวคล้ายพระจันทร์เสี้ยว และมีความลาดเอียงต่ำซึ่งขนาบกับทิวมะพร้าวเป็นแนวยาว จึงเป็นชายหาดที่เหมาะสำหรับลงไปเล่นน้ำและเดินกินลมชมวิวได้อย่างอิสระ
ถึงแม้ว่าหาดทรายรีจะตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองชุมพรประมาณ 20 กิโลเมตร แต่สามารถขับรถมาได้สะดวก เพราะอยู่ติดกับถนนทางหลวงหมายเลข 4098 บริเวณใกล้เคียงยังเต็มไปด้วยร้านอาหารทะเล ที่พักตากอากาศ ร้านขายของที่ระลึก และที่จอดรถ เพราะเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีผู้คนแวะเวียนกันมาตลอดทั้งวัน
บริเวณเนินเขาทางทิศเหนือตอนต้นของหาดทรายรี ยังเป็นที่ตั้งของ ศาลกรมหลวงชุมพรฯ หรือ อนุสรณ์สถานพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้ทรงสถาปนากองทัพเรือและเป็นบุคคลสำคัญ เป็นที่เคารพของชาวชุมพร ซึ่งคนในพื้นที่มักจะเรียกท่านว่า ‘เสด็จเตี่ย’ นักท่องเที่ยวสามารถแวะสักการะขอพร และชมวิวสวย ๆ ได้ที่นี่
ส่วนพื้นที่โดยรอบของศาลกรมหลวงชุมพรฯ มีลักษณะเป็นเรือรบหลวงจำลองที่หันหน้าออกสู่ทะเล พื้นที่โล่งบริเวณด้านหน้าของศาลกรมหลวงชุมพรฯ จึงเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของหาดทรายรีได้อย่างชัดเจนตลอดเวิ้งอ่าว ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบที่ได้ยินเพียงเสียงคลื่นกระทบกับชายฝั่ง
หาดทรายรี
ที่ตั้ง : ต.หาดทรายรี อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร 86120
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 08.00-20.00 น.
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
โทร : 077 621 219
เว็บไซต์ : องค์การบริหารส่วนตำบลท่าหิน
เกาะยอ
นั่งกินปูห้อยขา ดูธนาคารปูม้าบ้านตะเกียบ
เอาใจคนที่ชอบกินอาหารทะเล โดยเฉพาะปูม้าเนื้อแน่น ๆ ต้องแวะมาที่เกาะยอให้ได้ เพราะเป็นที่ตั้งของ ธนาคารปูม้าบ้านตะเกียบ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปูม้าและสัตว์ทะเลแห่งสำคัญของจังหวัดชุมพร นอกจากช่วยขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนปูม้าเพื่อคืนสู่ท้องทะเลธรรมชาติแล้ว ยังช่วยสร้างรายได้ให้ชาวประมงในพื้นที่มีอาชีพทำกิน เพราะบริเวณชายฝั่งรอบ ๆ เกาะยอ ล้วนแล้วแต่เป็นโฮมสเตย์ที่ชาวบ้านตั้งใจสร้างให้นักท่องเที่ยวต่างถิ่นได้เดินทางมาพักค้างคืนเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตอันเรียบง่าย
เกาะยอเป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ แต่มีกิจกรรมให้ทำค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่เดินชมธรรมชาติตามเส้นทางที่พาลัดเลาะไปทั่วทั้งเกาะ ระหว่างทางจะได้เห็นพันธุ์ไม้แปลกตา ต้องปีนป่ายโขดหินเพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวทะเลแบบ 360 องศา เห็นเกาะอื่น ๆ อยู่ไกลออกไปสุดสายตา ถ้าไม่ขึ้นมาก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นภาพสวยงามของท้องทะเลที่ชุมพร
นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำทะเลรอบเกาะยอและธนาคารปูม้าบ้านตะเกียบได้อย่างสบายใจ เพราะมีเสื้อชูชีพและห่วงยางเตรียมไว้ให้ ส่วนภายในธนาคารปูม้าบ้านตะเกียบยังมีกิจกรรมดูปูม้าและปลาหายากที่เพาะเลี้ยงเอาไว้ในกระชังแบบใกล้ชิด
แต่กิจกรรมสำคัญที่ถือเป็นไฮไลท์ของการแวะมาเที่ยวที่เกาะยอ คือ นั่งกินปูห้อยขา ซึ่งเป็นกิจกรรมยอดนิยมที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะให้ความรู้สึกแปลกใหม่ พร้อมกับได้กินปูม้านึ่งและอาหารทะเลฝีมือคนชุมพรที่มีทั้งรสชาติอร่อยและความสดใหม่ของวัตถุดิบเป็นตัวชูโรง โดยนั่งบนพื้นไม้ที่เจาะเป็นช่องให้หย่อนขาลงแตะน้ำทะเลได้ ส่วนโต๊ะวางอาหารเป็นกระจกใส เพื่อต้องการให้เห็นปลาตัวเล็กตัวน้อยที่ว่ายน้ำผ่านไปมา
หลังจากทำกิจกรรมอื่น ๆ มาทั้งวัน กิจกรรมนั่งกินปูห้อยขา จึงเป็นการผ่อนคลายที่ชวนให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกับมื้ออาหารเย็นโดยมีน้ำทะเลเป็นฉากหลัง เป็นกิจกรรมปิดจบวันได้อย่างน่าประทับใจ ก่อนกลับเข้าโฮมสเตย์เพื่อนอนพักผ่อน
เกาะยอ ธนาคารปูม้าบ้านตะเกียบ
ที่ตั้ง : หมู่ที่ 7 ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร 86210
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี ส่วนค่าปูม้าและอาหารทะเลรวมอยู่ในค่าใช้จ่าย 1,000-1,500 บาท ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจทัวร์ของโฮมสเตย์แต่ละแห่ง แนะนำค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตนเอง เพราะมีให้เลือกหลากหลายตามความสนใจ
ดอยตาปัง
จิบกาแฟ แลทะเลหมอก ชมแสงอาทิตย์ส่องผ่านเขาทะลุ
ดอยตาปัง ปังสมชื่อ เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อเรื่องจุดชมวิวทะเลหมอกยามเช้าที่มีความสวยงามและโดดเด่นกว่าที่อื่น ๆ ในจังหวัดชุมพร
แม้ว่าในเวลากลางวันในหน้าร้อนของเดือนเมษายนจะอบอ้าวชวนเหงื่อไหลไคลย้อนสักแค่ไหน แต่ตอนเช้ามืดซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อุณหภูมิทั่วทั้งดอยตาปังลดต่ำลง ทำให้เกิดหมอกลงจัดและเข้าปกคลุมภูเขาโดยรอบ จากภูเขาลูกใหญ่ที่ทอดยาวเป็นปราการธรรมชาติ กลับเหลือให้เห็นเพียงยอดเขากลางทะเลหมอก ราวกับเป็นเกาะเล็ก ๆ กลางทะเลกว้าง เป็นวิวที่สวยงามราวภาพวาด จนต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บไว้เป็นภาพความประทับใจ
ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับเริ่มชมทะเลหมอกบนดอยตาปังคือตั้งแต่ตี 5 เป็นต้นไป โดยผู้คนมักจะรีบตื่นแต่เช้ามืดแล้วมารวมตัวกันที่ จุดชมวิวลานลมโชย เพราะเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นเขาทะลุ ซึ่งเป็นภูเขาสูงอีกลูกที่อยู่ห่างออกไป แต่มองเห็นได้ชัดในระยะไกล สังเกตได้จากรูกลมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จึงเป็นที่มาของชื่อ เขาทะลุ
อีกหนึ่งความพิเศษของการชมทะเลหมอกบนดอยตาในเดือนเมษายน คือโอกาสที่จะได้เห็นปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นผ่านรูของเขาทะลุแบบพอดี ซึ่งมีให้ชมแค่ 3 วันเท่านั้น ซึ่งตรงกับวันที่ 27-29 เมษายนของทุกปี หากพลาดแล้วต้องรอให้ถึงปีต่อไป
นอกจากทะเลหมอก บนดอยตาปังยังมีร้านกาแฟขนาดกะทัดรัดไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวตั้งแต่เช้ามืด ทั่วบริเวณจุดชมวิวลานลมโชยจึงหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นกาแฟจากเมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้ารสชาติเข้มข้นที่ปลูกในจังหวัดชุมพร ซึ่งใช้ชื่อเรียกเฉพาะว่า กาแฟเขาทะลุ
นอกจากกาแฟสำเร็จรูป บนดอยตาปังยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากกาแฟให้เลือกซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน เช่น ผงกาแฟขัดผิว และชากลิ่นกาแฟ
ดอยตาปัง
ที่ตั้ง : ต.เขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร 86130
เวลาทำการ : ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี แต่มีค่าบริการเหมารถยนต์เพื่อเดินทางขึ้นไปยังดอยตาปัง 600 บาท ส่วนค่าที่พัก สามารถเลือกได้ว่าจะพักในบ้าน ประมาณ 1,500 บาท หรือกางเต็นท์ ประมาณ 150-500 บาท
โทร : 077 620 008
เว็บไซต์ : องค์การบริหารส่วนตำบลเขาทะลุ
หุบเหววังบาดาล
เขาเทียนเหมินซานเมืองไทย ประตูสวรรค์แห่งชุมพร
หุบเหววังบาดาล คือแลนด์มาร์กแห่งใหม่ล่าสุดของจังหวัดชุมพรที่ท่องเที่ยวได้ตลอดปี ตั้งอยู่ในพื้นที่ของสำนักสงฆ์ถ้ำธารน้ำลอด มีลักษณะเป็นภูเขาสูงขนาดใหญ่และมีความชัน ตรงกลางภูเขามีช่องแคบแบ่งเป็นหุบเขา หากขึ้นไปด้านบนจะสามารถมองเห็นวิวของอำเภอสวี โดยมีทะเลหมอกเป็นม่านกัน จนได้รับฉายาว่า ประตูสวรรค์แห่งชุมพร และ เขาเทียนเหมินซานเมืองไทย ราวกับเป็นสวรรค์บนดิน แม้จะอยู่บนที่สูงก็ตาม
ภาพถ่าย โดย Nussorn Chanathipphitphiboon
จากด้านล่างบริเวณตีนเขาซึ่งเป็นลานจอดรถ นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องเดินเท้าขึ้นบันไดปูนสลับบันไดเหล็กด้วยความใจเย็น เพราะหลายจุดของบันไดมีความชันและแคบแต่มีราวให้จับ แนะนำให้ใส่รองเท้าหุ้มส้นกันลื่นที่กระชับกับข้อเท้าเพื่อความคล่องตัว รวมถึงพกน้ำขวดไว้ดื่มแก้กระหายระหว่างทาง เพราะต้องขึ้นบันไดจำนวน 700 ขั้น รวมระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ใช้เวลาทั้งสิ้น 50 นาที
จุดแรกที่พบหลังจากเดินขึ้นมาได้ครึ่งทาง คือ พระพุทธมงคลคีรี ศรีนาคราช พระองค์ประธานสีทองซึ่งประดิษฐานอยู่กลางหุบเขา ถัดมาประมาณ 150 เมตร คือ ลานพระประจำวัน ให้ผู้มีจิตศรัทธาได้กราบไหว้เพื่อความสิริมงคลกับชีวิต จากนั้นต้องเดินลอดช่องหินที่เปรียบได้กับ ประตูสวรรค์ เพื่อไปให้ถึง ลานเทวดา จุดชมวิวบนหุบเขาวังบาดาลที่มองเห็นทั้งทิวเขาและพื้นที่ด้านล่างซึ่งเป็นสวนยางและสวนปาล์มของชาวบ้านละแวกนั้น
แม้หนทางที่ผ่านมาจะค่อนข้างลำบาก แต่เชื่อเถอะว่าคุ้มค่าแน่นอนกับความพยายาม หากต้องการลงจากหุบเขาวังบาดาล ขอแนะนำให้เดินย้อนกลับเส้นทางเดิม ซึ่งมีระยะทางและใช้ระยะเวลาเท่ากับขาขึ้น
หุบเหววังบาดาล
ที่ตั้ง : สำนักสงฆ์ถ้ำธารน้ำลอด หมู่ที่ 9 ต.ทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร 86130
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 05.30-18.00 น.
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
โทร : 077 510 865
เว็บไซต์ : องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งระยะ
ควนตาน้อย ดอย 7 ชั้น
บอกลาตะวันลับฟ้า ดูทะเลดาวตลอดคืน
ที่แห่งนี้ช่วยเติมเต็มความฝันของผู้คนที่หลงรักท้องฟ้ายามค่ำคืน เพราะในคืนเดือนแรมที่ไร้แสงของดวงจันทร์ ท่ามกลางฟ้าที่มืดสนิท ทำให้มองเห็นดวงดาวกระจายอยู่เต็มผืนฟ้า เป็นประสบการณ์แสนพิเศษที่หาไม่ได้ในเขตเมือง ซึ่งมีแต่แสงไฟของอาคารบ้านเรือนคอยสว่างแข่งจนกลบแสงของดวงดาวไปจนหมด
ที่นี่คือ ควนตาน้อย ดอย 7 ชั้น เป็นจุดมุ่งหมายของคนที่ชื่นชอบภูเขาและนอนดูทะเลดาวตลอดคืน สาเหตุที่เรียกว่าดอย 7 ชั้น เพราะจุดกางเต็นท์มีลักษณะลดหลั่นเป็นชั้น ๆ คล้ายกับนาขั้นบันได รองรับเต็นท์ได้ราว 100 หลัง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะขึ้นมาบนควนตาน้อยตั้งแต่เวลาแดดร่มลมตกเพื่อดูตะวันลับฟ้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สวยงามแตกต่างจากตอนพระอาทิตย์ขึ้น
ตกกลางคืนอากาศบนควนตาน้อย ดอย 7 ชั้นในเดือนเมษายนจะค่อนข้างเย็นสบาย มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 18-22 องศาเซลเซียส จึงไม่ต้องกลัวว่าอากาศจะร้อนจนนอนหลับไม่สนิท
แต่ด้วยข้อจำกัดของดอยที่มีความชันทำมุม 45 องศาและมีเส้นทางที่คดเคี้ยว จึงไม่สามารถขับรถยนต์ขึ้นมาได้เอง จำเป็นต้องใช้บริการรถรับส่งโดยชาวบ้านในท้องที่เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกรวดเร็ว
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถพกพาอุปกรณ์ทำครัวและเตรียมวัตถุดิบขึ้นมาทำอาหารง่าย ๆ เป็นมื้อเย็นกินกับเพื่อนร่วมทริปบริเวณหน้าเต็นท์ได้ตามอัธยาศัย ส่วนใครที่ไม่ถนัดทำอาหารเอง ด้านบนควนตาน้อย ดอย 7 ชั้น มีทั้งร้านอาหารและคาเฟ่คอยให้บริการ
ควนตาน้อย ดอย 7 ชั้น
ที่ตั้ง : หมู่บ้านประชาเสรี หมู่ที่ 11 ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร 86130
เวลาทำการ : ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี แต่มีค่าบริการจุดกางเต็นท์ 100-350 บาท ส่วนค่าโดยสารรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อขึ้นมายังยอดดอย มีค่าบริการแบบเหมาคัน เที่ยวละ 300-500 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสารแต่ละรอบ เมื่อคำนวณแล้วตกคนละประมาณ 150 บาท
โทร : 077 621 000
เว็บไซต์ : องค์การบริหารส่วนตำบลเขาค่าย
อ้างอิง
- ขอขอบคุณภาพถ่ายหุบเหววังบาดาล โดย คุณ Nussorn Chanathipphitphiboon
- องค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร. (2562). คู่มือท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร: ชิลล์...ในชุมพร.