

ปักหมุด 5 ประเทศนอกสายตาที่ผู้หญิงสามารถบินเดี่ยวเที่ยวได้อย่างสบายใจ
Travel / World
03 Mar 2023 - 10 mins read
Travel / World
SHARE
03 Mar 2023 - 10 mins read
หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทั่วโลกเริ่มคลี่คลาย ผู้คนส่วนใหญ่จึงโหยหาการได้ใช้ชีวิตและการท่องเที่ยวด้วยกันกับครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ปี 2022 จึงถือเป็นปีที่นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางเป็นหมู่คณะกันเป็นส่วนใหญ่
และหลังจาก reunion กันจนหายคิดถึง กลายเป็นว่าการออกเดินทางคนเดียวกำลังจะกลายเป็นวิถีท่องเที่ยวประจำปี 2023 โดยจากผลสำรวจของ Skyscanner (เสิร์ชเอนจินที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรม สายการบิน และรถเช่าออนไลน์) พบว่านักท่องเที่ยวมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์เลือกเดินทางคนเดียวในปีนี้ และเน้นการมองหาจุดหมายการเดินทางแบบไม่ต้องรีบร้อน รวมถึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูดูแลจิตใจ
จึงถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับใครที่อยากทดลองเปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยการท่องเที่ยวแบบ Solo Travel ที่สามารถมองหาตัวเลือกของประเทศที่ปลอดภัยต่อการเดินทางคนเดียวได้ง่าย ๆ เพราะบรรดาเว็บไซต์ท่องเที่ยวต่าง ๆ รวบรวมสถิติไว้เป็นประจำทุกปี เช่นเดียวกับเว็บไซต์ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง Conde’ Nast Traveler ที่รวบรวมมาให้แล้วว่า ปี 2023 นี้มีประเทศไหนเหมาะสำหรับเดินทางแบบฉายเดี่ยวบ้าง
และในบรรดาจุดหมายที่เหมาะกับการเดินทางคนเดียวทั้งหมด Live To Life คัดมาให้อีกรอบ สำหรับ 5 ประเทศที่เหมาะสำหรับหญิงสาว 5 สไตล์ ที่แตกต่างกันด้วยความชอบและวิถีชีวิต แต่มีสิ่งเดียวที่เหมือนกัน คือ พวกเธอพร้อมจะออกเดินทางท่องโลกแบบไม่ต้องรอใคร
ภูฏาน : ดินแดนแห่งความสุขสำหรับคนรักสงบ
ภูฏานเป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการแสวงหาความสุข ความสงบ และสูดโอโซนบริสุทธิ์ท่ามกลางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ
ในระหว่างที่ต้องปิดประเทศในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เช่นเดียวกับทุกประเทศทั่วโลก รัฐบาลภูฏานได้ใช้เวลาไปกับการพัฒนาระบบพื้นฐานต่าง ๆ ภายในประเทศ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้มาเยือน และเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2022 เป็นต้นมา
เปิดประเทศรอบนี้ภูฏานมาพร้อมสโลแกนใหม่อย่าง Believe ซึ่งหมายถึงประสบการณ์ท่องเที่ยวภูฏานรูปแบบใหม่ที่นักเดินทางสามารถจัดแผนการเดินทางได้เอง โดยติดต่อกับทีมโฮสต์การท่องเที่ยวภายในประเทศ ไม่จำกัดแค่การเดินทางผ่านบริษัททัวร์เหมือนในอดีต
อีกหนึ่งไฮไลต์ของการไปเยือนภูฏานในปีนี้ คือ ควรหาโอกาสไปเยือนเส้นทางเดินป่า Trans Bhutan เส้นทางแสวงบุญทางประวัติศาสตร์ของชาวภูฏานและชาวพุทธ ที่นักเดินป่าทั่วโลกต้องเคยจดไว้เป็นลิสต์ในใจว่าต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต หลังจากที่เส้นทางสายนี้ถูกปิดซ่อมแซมนานถึง 60 ปีเต็ม และเพิ่งเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งในปี 2022
เส้นทางเดินป่า Trans Bhutan มีระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร ทอดตัวไปตามป่าดงดิบตามแนวยาวของประเทศภูฏาน ซึ่งอยู่ชายขอบของเทือกเขาหิมาลัย เต็มไปด้วยสถานที่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมให้เที่ยวชมตลอดเส้นทางกว่า 400 แห่ง ซึ่งสามารถออกแบบได้ว่าจะเดินเท้าหรือขี่จักรยานไปตามเส้นทาง สนใจวางแผนเดินทางท่องเที่ยวภูฏานหาข้อมูลได้ที่ www.Bhutan.travel
แคว้นบาวาเรีย เยอรมนี : สวรรค์แห่งการอาบน้ำแร่แช่สปา
หากมีใครชวนไปเที่ยวรัฐหรือแคว้นบาวาเรีย หลายคนคงลังเลที่จะตอบตกลง แต่ถ้าชวนไปเที่ยวมิวนิก อาจทำให้พยักหน้าและตอบรับคำเชิญได้มากกว่า ทั้ง ๆ ที่มิวนิกก็อยู่ในดินแดนแห่งนี้ และมีสถานะเป็นถึงเมืองหลวงแห่งบาวาเรีย แคว้นเก่าแก่ที่มีสินทรัพย์ล้ำค่าซ่อนอยู่ใต้ดิน
สินทรัพย์ที่ว่าก็คือ น้ำแร่ ซึ่งทั่วทั้งแคว้นบาวาเรียเต็มไปด้วยสถานที่อาบน้ำแร่กระจายอยู่มากมาย โดยเฉพาะที่เมืองบาทเทิลทซ์ (Bad Tölz) ซึ่งอยู่ห่างจากมิวนิกไปเพียง 50 กิโลเมตร ที่ถือเป็นเมืองแห่งสปาแบบดั้งเดิมก็ว่าได้ จุดเด่นของสปาที่บาทเทิลทซ์คือ มีบริการอาบน้ำแร่แช่โคลนที่ช่วยบำบัดอาการปวดหลังและบรรเทาความเจ็บปวดจากโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ให้เบาบางลง
นอกจากจะบำบัดกายด้วยการแช่น้ำแร่แล้ว หัวใจของนักเดินทางก็ยังพองฟูไปด้วยทิวทัศน์งามจับใจของหุบเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ภายในตัวเมือง ที่ถือเป็นการให้รางวัลตัวเองแบบคูณสองก็ว่าได้
หรือหากไม่ได้เลือกเมืองบาทเทิลทซ์เป็นจุดหมาย ก็มีวิธีมองหาเมืองสปาแห่งอื่นได้ง่าย ๆ เพียงสังเกตชื่อเมืองที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า Bad ซึ่งในภาษาเยอรมันแปลว่า Bath หรือที่อาบน้ำ ก็มั่นใจได้เลยว่าที่นั่นคือเมืองสปาหรือมีสถานที่บำบัดฟื้นฟูร่างกายโดยใช้น้ำแร่อย่างแน่นอน
ออสเตรเลีย : เดินทางฉึกฉักละเลียดทิวทัศน์สองข้างทาง
พื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลของประเทศออสเตรเลีย ทำให้ที่นี่เป็นสวรรค์ของคนที่ชอบเดินทางแบบ Road Trip ไม่ว่าจะเป็นการขับรถเที่ยวหรือตีตั๋วรถไฟแล้วโดยสารข้ามรัฐแบบข้ามวันข้ามคืน ก็สัมผัสประสบการณ์สำรวจทัศนียภาพสองข้างทางอันหลากหลายของประเทศที่มีขนาดใหญ่เท่าทวีปแห่งนี้ได้อย่างใกล้ชิด
แต่สำหรับนักเดินทางแบบฉายเดี่ยว แนะนำการเดินทางด้วยรถไฟจะสนุก ปลอดภัย และได้อรรถรสมากกว่า โดยเฉพาะขบวนรถไฟสาย The Ghan เส้นทางรถไฟที่วิ่งในแนวเหนือ-ใต้ จากเมืองดาร์วิน (Darwin) ทางตอนบนของทวีปสู่เมืองแอดิเลด (Adelaide) ทางตอนใต้ของทวีป เป็นระยะทางเกือบ 3,000 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 คืนในการแล่นตัดผ่านใจกลางทวีป เพลิดเพลินกับการชมทิวทัศน์ของภูมิประเทศที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เช่น พื้นที่แห้งแล้งแบบทะเลทราย ผืนป่าแบบร้อนชื้น สัมผัสความหนาวเย็นของลมจากมหาสมุทร ฯลฯ
หรือหากเลือกเดินทางไปกับขบวนรถสาย Indian Pacific ที่แล่นในแนวตะวันออก-ตะวันตก จากเมืองซิดนีย์สู่เพิร์ท ด้วยระยะทางกว่า 4,352 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 คืน ก็จะได้อิ่มเอมกับทิวทัศน์ชายฝั่งมหาสมุทร และสัมผัสบรรยากาศยุคตื่นทองในเมือง Broken Hill ที่รถไฟจอดแวะให้เที่ยวระหว่างทาง
เบลฟาสต์ ไอร์แลนด์เหนือ : ผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ในเมืองเฟรนด์ลี่ที่สุดในยุโรป
ชื่อเสียงของเมืองเบลฟาสต์ผูกติดอยู่กับสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อยาวนานกว่า 30 ปีอย่างแยกไม่ออก พลอยทำให้เมืองน่ารักแห่งนี้อยู่นอกสายตานักท่องเที่ยวไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เมืองท่าของไอร์แลนด์เหนือแห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าค้นหา ทั้งประวัติศาสตร์ที่เข้มข้นอยู่ในทุกอณูของมุมเมือง (ที่นี่เป็นบ้านเกิดของเรือไททานิก ฉะนั้น จึงไม่ควรพลาดการไปเยือน Titanic Quarter ที่รวมทุกเรื่องของเรือโดยสารระดับตำนานไว้แบบครบครัน) โดยเฉพาะความเป็นมิตรของชาวเมืองทำให้เบลฟาสต์ได้ชื่อว่าผู้คนเป็นมิตรที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป
เบลฟาสต์จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักเดินทางผู้รักการฉายเดี่ยว แต่ไม่ได้ชอบความเปล่าเปลี่ยวเสียทีเดียว แค่เดินเข้าไปในผับไหนก็ได้ตามตรอกซอกซอยในเมืองแห่งนี้ นอกจากจะได้อิ่มท้องกับอาหารอร่อย ยังได้โอกาสในการผูกมิตรกับเพื่อนใหม่อย่างง่ายดาย
ผับที่ไม่อยากให้พลาด ได้แก่ The Crown Liquor Saloon จินผับสไตล์วิคตอเรียแห่งสุดท้ายของโลก สร้างมาตั้งแต่ปี 1880s และยังคงรายละเอียดแบบดั้งเดิมไว้ทั้งหมด เช่น บาร์เครื่องดื่ม หัวกดเครื่องดื่มทำจากทองเหลือง พื้นกระเบื้องโมเสก ลวดลายแกะสลักไม้บนเพดานฯลฯ การได้ผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ที่นี่จึงเป็นการได้อิ่มเอมกับรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ที่ยังมีชีวิตไปในตัว
โปรตุเกส : จุดหมายใหม่ของสายเซิร์ฟ
สำหรับคนที่รักการเล่นเซิร์ฟเป็นชีวิตจิตใจ และเริ่มเบื่อกับคลื่นลูกเดิม ๆ ในไทยหรือบาหลี แนะนำว่าควรตีตั๋วไปโปรตุเกส รับรองว่าประเทศที่มีชายฝั่งทะเลยาวกว่า 800 กิโลเมตรแห่งนี้ จะต้องมีสักหาดที่ถูกใจคุณอย่างแน่นอน
ถ้ายังไม่รู้จะปักหมุดที่ไหน แนะนำให้ตั้งต้นที่เมืองเอรีเซรา (Ericeira) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองเซิร์ฟอันดับต้น ๆ ของยุโรป โดยในอดีตเอรีเซราเป็นเพียงเมืองชาวประมงเล็ก ๆ ก่อนที่นักเซิร์ฟจากออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกาจะแบกเซิร์ฟบอร์ดข้ามทวีปมาลองยืนบนคลื่นทะเลแห่งนี้ในยุค 1960 จุดประกายให้ท้องทะเลแห่งโปรตุเกสไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
การเติบโตของ Surf Culture ทำให้หลาย ๆ เมืองเซิร์ฟของโปรตุเกสเต็มไปด้วยศิลปะหลายแขนง ทั้งสเก็ต ดนตรี การสักลาย การถ่ายภาพและถ่ายหนัง ฯลฯ จึงมีการจัดเทศกาลศิลปะ เทศกาลหนัง-ดนตรีอย่างคึกคัก ก่อนเดินทางไปเซิร์ฟที่โปรตุเกสควรเช็คปฏิทินกิจกรรมไปก่อนล่วงหน้า จะได้สนุกแบบครบรส
อ้างอิง
Anna Prendergast and Anna Hart. The Best Solo Travel Destinations.https://bit.ly/2ViEQ13
Dew Promchareon. Ericeira เมืองเซิร์ฟของประเทศโปรตุเกส - เขาหลักใน 20 ปี? https://bit.ly/3xzLULR
Nicholsonspubs. The Crown Liquor Saloon. https://bit.ly/3lFP51U