ฉลองคริสต์มาสต่อเนื่องปีใหม่ สนุกกับธรรมเนียมในคืนข้ามปีของ 5 เมืองน่าเที่ยว

20 Dec 2023 - 10 mins read

Travel / World

Share

LIVE TO LIFE พาออกเดินทางส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ใน 5 เมืองน่าเที่ยวจากทุกมุมโลกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งเทศกาลคริสต์มาสและงานเฉลิมฉลองในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

 

มีทั้งเมืองที่เป็นสถานที่ตั้งที่ทำการไปรษณีย์ของซานตาคลอส ที่สามารถส่งโปสการ์ดไปถึงผู้รับได้ทั่วโลก เมืองที่ผู้คนนิยมสวมชุดขาวฉลองปีใหม่ พร้อมกับกระโดดข้ามคลื่นทะเลเพื่ออธิษฐานขอพร เมืองที่มีธรรมเนียมดื่มไวน์ร้อนเพื่อฉลองเทศกาลคริสต์มาส มหานครสุดยิ่งใหญ่อลังการที่คนนับล้านพร้อมใจนับถอยหลังในคืนข้ามปีโดยพร้อมเพรียง และเมืองที่เชื่อว่าการตีระฆังดัง ๆ 108 ครั้งในวินาทีแรกของวันปีใหม่จะช่วยปัดเป่าเรื่องร้ายทิ้งไปได้

 

แต่ละแห่งคือเมืองอะไร ตั้งอยู่ในประเทศไหนบ้าง และธรรมเนียมประจำแต่ละท้องถิ่นเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขต้อนรับปีใหม่มีความน่าสนใจแค่ไหน หาคำตอบได้ในบทความนี้เลย

 

จิบไวน์ร้อนในตลาดคริสต์มาส

เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี

ตลาดคริสต์มาสมิวนิก

 

เทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี ไม่มีที่ไหนจะอบอวลไปด้วยมวลความสุขเท่าการได้ไปเดินเที่ยว ตลาดคริสต์มาส ในประเทศเยอรมนี ซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ที่สืบทอดกันมานานกว่าหกศตวรรษ โดยจุดเริ่มต้นของตลาดคริสต์มาสเกิดขึ้นในยุคกลาง ราว ค.ศ. 1434 ที่เมืองเดรสเดน (Dresden) ทางตะวันออกของเยอรมนี บรรยากาศของตลาดคริสต์มาสในยุคนั้นเป็นเพียงพื้นที่ให้ผู้คนได้มาแลกเปลี่ยนสินค้าในฤดูหนาว ซึ่งเกือบทุกครอบครัวต้องเผชิญความอดอยาก ผักหรือเนื้อสัตว์ที่ถนอมอาหารไว้มีไม่เพียงพอ การได้นำผลิตผลในครัวเรือนของตนมาแลกเปลี่ยนกันภายในชุมชนจึงเป็นหนทางเพื่อความอยู่รอดที่ดีที่สุด เช่น ช่างไม้นำงานฝีมือมาขายให้พ่อค้าขายเนื้อ ต่างฝ่ายต่างก็ได้ของกินและของใช้ติดมือกลับไปประทังชีวิตต่อได้

 

จากจุดเริ่มต้นในเดรสเดน ตลาดคริสต์มาสได้รับการเผยแพร่ไปสู่เมืองอื่นทั่วประเทศเยอรมนี ไม่ว่าจะเป็นนูเรมเบิร์ก สตุทการ์ท เบอร์ลิน โคโลญ มิวนิก ฯลฯ และเมื่อได้รับอิทธิพลของคริสต์ศาสนา บวกกับบรรยากาศของการส่งท้ายปีเก่าเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ ตลาดคริสต์มาสจึงเปลี่ยนบทบาทกลายเป็นพื้นที่สำหรับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองความสุขในที่สุด โดยช่วงเวลาของเทศกาลจะจัดต่อเนื่องยาวนานกว่า 4 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงคืนก่อนคริสต์มาสอีฟ

คริสต์มาสพีระมิด

 

สำหรับคำว่า ตลาดคริสต์มาส (Christmas Market) นั้นมีชื่อเรียกในภาษาเยอรมันต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค เช่น Weihnachtsmarkt, Adventsmarkt หรือ Christkindlesmarkt โดยแต่ละเมืองจะมีตลาดคริสต์มาสหลักอยู่ที่จตุรัสกลางเมือง (Marktplatz) และตลาดย่อย ๆ ตามมุมเมือง รวมแล้วมีมากกว่า 10 ตลาดต่อเมือง และแต่ละตลาดก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวต่างกันออกไป แต่สิ่งที่ทุกตลาดต้องมีก็ คือ คริสต์มาสพีระมิด (Weihnachtspyramide) งานไม้ของช่างฝีมือในยุคกลางที่ทำขึ้นเพื่อเลียนแบบต้นคริสต์มาส มีลักษณะเป็นใบพัดด้านบนและมีที่ให้จุดเทียนทั้งหมด 4 จุด เมื่อจุดเทียนแล้วใบพัดด้านบนจะหมุนได้ ตรงกลางพีระมิดยังมีการแกะสลักไม้เป็นรูปทรงต่าง ๆ เช่น สโนว์แมน ต้นคริสต์มาส สัตว์เลี้ยง ผู้คน เป็นต้น คริสต์มาสพีระมิดจึงเป็นสัญลักษณ์ที่สร้างสีสันให้ตลาดคริสต์มาสทุกแห่ง

 

นอกจากนี้ ตลาดคริสต์มาสขนานแท้จะต้องมีส่วนจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการประสูติของพระเยซู (Weihnachtskrippe) ซึ่งส่วนจัดแสดงการประสูติของพระเยซูในบางเมืองมีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี โดยจะมีการนำไปเก็บรักษาเมื่อสิ้นสุดเทศกาลและนำมาจัดแสดงอีกครั้งในปีต่อไป

บรรยากาศร้านรวงในตลาดคริสต์มาสมิวนิก

 

ในบรรดาตลาดคริสต์มาสกว่า 2,500 แห่งทั่วเยอรมนี ตลาดคริสต์มาสมิวนิก เป็นหนึ่งในตลาดคริสต์มาสที่ดีที่สุด มีบรรยากาศรื่นรมย์ไม่แพ้ใคร โดยมีร้านรวงต่าง ๆ แทรกตัวอยู่อย่างกลมกลืนในบริเวณจัตุรัสมาเรียนพลัทซ์ (Marienplatz) ส่วนหมู่บ้านคริสต์มาสก็แฝงตัวอยู่ในลานพระราชวังของรอยัลเรซิเดนซ์ ขณะกำลังเพลิดเพลินกับการเดินแวะชมสินค้าในร้านต่าง ๆ ก็มีกลิ่นหอมของเฮเซลนัทคั่ว เครื่องเทศ และไวน์หลากชนิดคอยขับเคลื่อนความสุขขณะสำรวจตลาดอย่างไม่รู้เบื่อ

 

ขนมที่ต้องลองทานให้ได้เมื่อมาเดินตลาดคริสต์มาสมิวนิก ได้แก่ เลบคูเค่น  (Lebkuchen) ขนมปังขิงที่ทำจากน้ำตาล น้ำผึ้ง อบเชย กานพลู ขิงแห้ง และเครื่องเทศต่าง ๆ นิยมทำเป็นรูปหัวใจ มีขนาดใหญ่ในระดับที่กินอันเดียวก็สามารถอิ่มได้ทันที เลบคูเค่นเป็นขนมที่นักบวชในสมัยโบราณนิยม เพราะกินแล้วไม่หิวน้ำ เนื่องจากสารพัดเครื่องเทศในเนื้อขนมปังช่วยดับกระหายได้ดี

เพรทเซล ขนมประจำชาติเยอรมัน

 

และเมื่อพูดถึงนักบวชแล้วก็มีขนมอีกชนิดที่มีจุดกำเนิดจากนักบวชเช่นกัน นั่นคือ Brezel หรือเพรทเซลที่เราคุ้นเคยกันดี โดยขนมแป้งพายที่ผูกไขว้กันเหมือนโบว์ แล้วโรยเกลือเม็ดใหญ่ ซึ่งมีสถานะเป็นขนมประจำชาติเยอรมันชนิดนี้ มีจุดเริ่มต้นจากกลุ่มนักบวชที่ออกเดินทางเผยแพร่ศาสนาตั้งใจปั้นขนมปังเป็นเครื่องหมาย ‘ทรีนิตี้’ ตัวแทนของพระบิดา พระบุตร และพระจิต เพื่อมอบเป็นรางวัลแก่เด็ก ๆ ที่มาเรียนศาสนาในยุคนั้น ลองหาเพรทเซลกินสักชิ้นขณะเดินเที่ยวตลาดคริสต์มาสจะทำให้ยิ่งเข้าถึงกลิ่นอายแห่งเทศกาลได้ดียิ่งขึ้น

กลูว์ไวน์ ไวน์ร้อนเอกลักษณ์แห่งตลาดคริสต์มาส

 

เช่นเดียวกับการได้ลองจิบ กลูว์ไวน์ (Glühwein) ไวน์ร้อนซึ่งมีขายเฉพาะในตลาดคริสต์มาสเท่านั้น เป็นไวน์ที่แต่งรสด้วยน้ำตาล ปรุงกลิ่นด้วยอบเชย วานิลลา หรือกานพลู ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นได้ทันที แต่อย่าจิบเยอะเกินไป เพราะจะทำให้เมาเร็วกว่าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ชนิดอื่น ๆ อีกตัวเลือกหนึ่งของเครื่องดื่มที่น่าลิ้มลองประจำเทศกาล ได้แก่ ไอเออร์พุนช์ (Eierpunsch) เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมหลักเป็นไข่ขาว น้ำตาล น้ำส้ม และวิปครีม สามารถสั่งแบบผสมหรือไม่ผสมแอลกอฮอล์ก็ได้  

 

นับถอยหลังพร้อมคนนับล้าน

นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

ตื่นตาตื่นใจกับไฟประดับต้นคริสต์มาสนับหมื่นดวง

 

การได้เคานต์ดาวน์ในคืนข้ามปีในย่านไทม์สแควร์แห่งมหานครนิวยอร์ก ถือเป็น Bucket List สำหรับหลาย ๆ คน เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายในการได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโมเมนต์ที่ต้องใช้ความอดทนในการยืนเบียดเสียดกับผู้คนจำนวนมากท่ามกลางความหนาวเย็นเป็นเวลานานกว่า 12 ชั่วโมง กว่าจะถึงวินาทีของการปล่อยลูกบอลยักษ์ (Times Square Ball) จากยอดตึกวันไทม์สแควร์ (One Times Square) ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมากว่าศตวรรษ แต่เชื่อแน่ว่าใครเคยได้สัมผัสประสบการณ์นั้นย่อมถือเป็นเหตุการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ประทับใจไม่รู้ลืม

 

หรือแม้ไม่ได้ร่วมนับถอยหลังในคืนเคานต์ดาวน์ที่ไทม์สแควร์ การได้ไปฉลองเทศกาลคริสต์มาสต่อเนื่องไปจนถึงปีใหม่ในนิวยอร์กซิตี้ก็ถือเป็นการเดินทางที่พิเศษสุดอยู่ดี เพราะมหานครแห่งนี้อบอวลด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองในทุกอณู โดยมีไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดอย่างการไปเยือน ร็อคกี้เฟลเลอร์ เซ็นเตอร์ (Rockefeller Center) เพื่อชมความงามของไฟประดับต้นคริสต์มาสที่ยืนตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลแห่งความสุขมานานกว่า 90 ปี

ลูกบอลคริสต์มาสสีแดงใจกลางนิวยอร์กซิตี้

 

ธรรมเนียมปฏิบัติในการตั้งต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่พร้อมของประดับตกแต่งหน้าอาคารร็อคกี้เฟลเลอร์ เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1931 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศอเมริกาเผชิญสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ตึกร็อคกี้เฟลเลอร์ในขณะนั้นยังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน กลุ่มคนงานที่ทำงานก่อสร้างตึกแห่งนี้จึงลงขันกันซื้อต้นสนขนาดเล็ก สูงเพียง 6 เมตร แล้วบรรจงประดับด้วยผลเบอร์รี่และพวงมาลัยทำจากกระดาษ นำมาตั้งไว้ในวันคริสต์มาสอีฟ และในอีกสองปีถัดมา ทางร็อคกี้เฟลเลอร์ เซ็นเตอร์ จึงได้ริเริ่มธรรมเนียมติดตั้งต้นคริสต์มาสและมีพิธีเปิดไฟตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

สำหรับในปีนี้ ต้นคริสต์มาสความสูงกว่า 24 เมตรได้รับการประดับประดาด้วยไฟ LED กว่า 50,000 ดวง บนยอดติดตั้ง Swarovski Star ดวงดาว 70 แฉกที่ระยิบระยับเปล่งประกายด้วยคริสตัลของสวารอฟสกีจำนวนกว่า 3 ล้านเม็ด โดยสวารอฟสกีสนับสนุนคริสตัลประดับต้นคริสต์มาสมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 

ต้นคริสต์มาสและเหล่านางฟ้าหน้าอาคารร็อกกี้เฟลเลอร์ เซ็นเตอร์

 

ในปีนี้ใครอยากชมความสวยงามของไฟต้นคริสต์มาสหน้าอาคารร็อกกี้เฟลเลอร์ เซ็นเตอร์ สามารถชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 05.00 - 24.00 น. และในวันคริสต์มาสเป็นวันเดียวที่จะมีการเปิดไฟตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับแสงสุดท้ายของไฟต้นคริสต์มาสจะดับลงในเวลา 22.00 น. ของคืนวันที่ 13 มกราคม 2024 

 

สำหรับลานสเก็ตน้ำแข็งบริเวณหน้าต้นคริสต์มาสของร็อคกี้เฟลเลอร์ เซ็นเตอร์ เปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปี ค.ศ. 1936 ถือเป็นอีกหนึ่งภาพจำที่สร้างบรรยากาศให้เทศกาลแห่งความสุขคึกคักยิ่งขึ้น ใครอยากเข้าถึงการฉลองปีใหม่ตามแบบฉบับนิวยอร์กเกอร์ ต้องลองเล่นสเก็ตน้ำแข็งที่นี่ดูสักครั้ง หรือจะซื้อบัตรเพื่อขึ้นไปชมทิวทัศน์ของเมืองบนยอดตึกร็อคกี้เฟลเลอร์ ก็เป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

 

ซื้อบัตรเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในร็อคกี้เฟลเลอร์ เซ็นเตอร์ได้ที่ www.rockefellercenter.com/

ลานสเก็ตน้ำแข็งใจกลางเมือง

 

หรือถ้าอยากเล่นสเก็ตน้ำแข็งในบรรยากาศสบาย ๆ ท่ามกลางธรรมชาติ สามารถไปใช้บริการได้ทั้งที่ Bryant Park และ Wollman Rink ใน Central Park South ที่เป็นลานค่อนข้างใหญ่ มีแบ็กกราวด์เป็นต้นไม้และทิวตึกระฟ้าของมหานครนิวยอร์กที่แสนจะโรแมนติก

ชมไฟคริสต์มาสที่หมู่บ้าน Dyker Heights

 

ส่วนใครที่ชอบถ่ายภาพไฟประดับประดาสวย ๆ แนะนำให้นั่ง Subway ไปที่หมู่บ้าน Dyker Heights ในย่านบรุคลิน (Brooklyn) บ้านทุกหลังในย่านนี้มีธรรมเนียมประดับไฟคริสต์มาสทุกปีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 ซึ่งบ้านแต่ละหลังต่างก็ทุ่มเทความคิดสร้างสรรค์ในการประดับไฟ ตกแต่งด้วยของเล่น ตุ๊กตาต่าง ๆ แบบจัดเต็ม จนขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านคริสต์มาสที่สามารถเดินชมและถ่ายรูปกันได้เพลิน ๆ โดยบ้านหลังที่เป็นไฮไลท์จะอยู่บน 11th Avenue ไปจนถึง 13th Avenue และ 83 street – 86 street สามารถเก็บภาพความประทับใจได้ตามอัธยาศัยโดยไม่ส่งเสียงดังจนเป็นการรบกวนพื้นที่ส่วนตัวในย่านที่อยู่อาศัยแห่งนี้

 

ส่งการ์ดอวยพรที่หมู่บ้านซานตาคลอส

เมืองโรวานีมี ประเทศฟินแลนด์

หมู่บ้านซานตาคลอส เมืองโรวานีมี

 

คงไม่มีจุดหมายไหนที่เข้ากับเทศกาลคริสต์มาสเท่าการวางแผนเดินทางไปยัง หมู่บ้านซานตาคลอส (Santa Claus Village) อีกแล้ว ใครอยากพูดคุยกับคุณลุงซานตา ใกล้ชิดกวางเรนเดียร์ และสัมผัสประสบการณ์นั่งเลื่อนหิมะโดยขบวนสุนัขฮัสกี้ วางแผนเดินทางไปยัง เมืองโรวานีมี (Rovaniemi) ประเทศฟินแลนด์ กันเลย

เมืองโรวานีมีถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน

 

เสน่ห์ของโรวานีมีคือ ความเป็นเมืองเล็ก เงียบสงบ และปกคลุมด้วยหิมะจนขาวโพลนไปทั้งเมือง สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก หมู่บ้านซานตาคลอส ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละกว่า 350,000 คน ภายในหมู่บ้านมีโซนต่าง ๆ ให้เลือกทำความรู้จักชีวิตและงานของคุณลุงซานตาขวัญใจเด็ก ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ของเล่น ร้านขายของที่ระลึก และสำนักงานที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งจดหมายที่เด็ก ๆ เขียนมาขอของขวัญและพูดคุยกับซานตาคลอสจากทั่วโลกจะถูกส่งมาที่นี่ โดยในที่ทำการไปรษณีย์จะมีคุณลุงซานตาในชุดแดงที่เราคุ้นตาคอยทักทายและพูดคุยอย่างเป็นกันเอง

ส่งโปสการ์ดจากที่ทำการไปรษณีย์ของลุงซานต้า

 

กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่พลาด คือ การส่งโปสการ์ด หรือ ส.ค.ส. ให้ผู้รับจากต้นทางอย่างหมู่บ้านซานตาคลอสที่ย่อมสร้างความประทับใจให้คนที่ได้รับจดหมายเริ่มต้นปีใหม่อย่างมีความสุขอย่างแน่นอน

 

อีกหนึ่งกิจกรรมน่าสนใจ คือ การไปเยี่ยมชม ฟาร์มกวางเรนเดียร์ สัตว์ประจำถิ่นที่พบได้ในประเทศที่ตั้งอยู่บนเส้นอาร์กติก เช่น นอร์เวย์ แคนาดา ไซบีเรีย สวีเดน และฟินแลนด์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกวางเรนเดียร์ได้อย่างใกล้ชิด หรือจะสวมบทซานตาคลอสแล้วใช้บริการกวางเรนเดียร์ลากเลื่อนสักครั้งในชีวิตก็ยังได้ 

เยี่ยมชมฟาร์มกวางเรนเดียร์และฟาร์มสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้

 

สำหรับคนรักสุนัขห้ามพลาดการเยี่ยมชม ฟาร์มสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ ที่อยู่ไม่ไกลจากฟาร์มกวางเรนเดียร์ สมาชิกฮัสกี้จำนวนครึ่งร้อยในฟาร์มแห่งนี้คุ้นเคยกับการลากเลื่อนเช่นกัน โดยความอึดของสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ คือ สามารถวิ่งได้นาน 2-3 ชั่วโมง และสำหรับการนั่งรถลากเลื่อนแต่ละครั้งจะใช้สุนัขประมาณ 6-10 ตัว ยืนตำแหน่งเป็นคู่ ๆ แถมยังวิ่งได้เร็วกว่ากวางเรนเดียร์เสียอีก

 

กระโดดข้ามคลื่น 7 ลูกขอพรปีใหม่

เมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล

พลุฉลองปีใหม่เต็มน่านฟ้ารีโอเดจาเนโร

 

ฉลองปีใหม่ในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องงานรื่นเริงอย่าง ‘บราซิล’ ทั้งที ต้องเริ่มกันตั้งแต่ช่วงคริสต์มาส ซึ่งตรงกับฤดูร้อนของบราซิล ดังนั้น เตรียมเสื้อผ้าสีสันสดใสสวมใส่สบาย พร้อมกับชุดขาวอีกหนึ่งชุดสำหรับใส่ในวันปีใหม่ แล้วลัดฟ้าไปบราซิลกันเลย

 

ประเดิมด้วยไฮไลท์แรกอย่างการชมไฟประดับ ต้นคริสต์มาสลอยน้ำ ใจกลางทะเลสาบในกรุงรีโอเดจาเนโร ซึ่งต้นคริสต์มาสลอยน้ำถูกนำมาติดตั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 เป็นต้นมา โดยพิธีเปิดไฟประดับต้นคริสต์มาสลอยน้ำประจำปี ถือเป็นงานใหญ่อันดับ 3 ของบราซิล รองจากเทศกาลคาร์นิวาลและงานเคานต์ดาวน์ซึ่งจัดขึ้นที่หาดโคปากาบานา

ต้นคริสต์มาสลอยน้ำ

 

ด้วยความที่บราซิลเคยเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส และมีผู้อพยพชาวยุโรปย้ายมาตั้งรกรากยาวนานหลายร้อยปี วัฒนธรรมการฉลองคริสต์มาสแบบชาวแคทอลิกจึงเข้มข้นครบเครื่องไม่ต่างจากชาวคริสต์ที่อื่น ๆ ในโลก แต่อาจจะแตกต่างในรายละเอียดเล็กน้อย เช่น ชาวบราซิลเรียกขานซานตาคลอสว่า Papai Noel และชุดสีแดงที่ซานตาคลอสสวมใส่ก็ทำจากผ้าไหมซึ่งระบายความร้อนได้ดี เหมาะกับสภาพภูมิอากาศของบราซิล

บรรยากาศวันขึ้นปีใหม่ที่หาดโคปาคาบานา

 

ส่วนในคืนเคานต์ดาวน์นั้น แนะนำให้ไปจับจองที่นั่งริมหาดโคปาคาบานากันตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะทุกตารางเมตรจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เตรียมพร้อมนับถอยหลังริมหาด พร้อมชมพลุและแสงสีบนท้องฟ้ายามราตรีร่วมกันตลอดทั้งคืน 

 

ที่สำคัญคือ อย่าลืมสวมชุดขาวมาร่วมงานฉลองปีใหม่ โดยตามความเชื่อที่ได้รับอิทธิพลจากชาวตะวันตกเชื่อว่าสีขาวสื่อถึงความสงบสุขและเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณ แถมยังมีทริกสนุกซ่อนอยู่ นั่นคือ การสวมใส่ชั้นในสีสันต่าง ๆ โดยหากเลือกสวมชั้นในสีฟ้าจะนำมาซึ่งพลังที่ดี สีชมพูสื่อถึงความรัก สีเหลืองจะนำพาโชคลาภความร่ำรวยมาให้ ส่วนสีเขียวสื่อถึงความสมหวัง อยากขอพรเรื่องไหนเป็นพิเศษก็ให้เลือกสวมชั้นในสีที่สบายใจได้เลย

ใส่ชุดขาวกระโดดขอพรข้ามคลื่น 7 ลูก

 

เคล็ดลับความโชคดีรับปีใหม่ของชาวบราซิลไม่ได้จบแค่สีสันของเครื่องแต่งกาย แต่ในนาทีแรกของวันใหม่ ให้กระโดดข้ามคลื่น 7 ลูกแล้วขอพร เชื่อว่าคำอธิษฐานจะสมหวังอย่างที่ตั้งใจ ทั้งยังเป็นการทิ้งสิ่งไม่ดีไว้ในปีเก่า พร้อมเดินหน้าพบเจอแต่สิ่งดี ๆ ตลอดปีที่จะถึง

 

หรือถ้าอยากมีชีวิตที่ปังกว่านั้น ชาวบราซิลจะกินทับทิมในวันปีใหม่ แล้วเก็บเมล็ดไว้ 7 เมล็ดห่อเก็บไว้ในกระดาษ พอถึงคืนวันที่ 12 มกราคม ก็นำเมล็ดทั้ง 7 ไปใส่ในกระเป๋าสตางค์ เชื่อกันว่าจะทำให้เงินทองไหลมาเทมาจนเต็มกระเป๋าสตางค์ 

 

ตีระฆังในคืนข้ามปี

กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

บรรยากาศตลาดคริสต์มาสโตเกียว

 

สำหรับคนที่อยากเดินตลาดคริสต์มาส แต่ไม่อยากบินไปไกลถึงยุโรป สามารถโฉบไปที่ ‘โตเกียว’ แทนได้ เพราะเมืองหลวงของญี่ปุ่นที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดีแห่งนี้ก็มีธรรมเนียม ตลาดคริสต์มาสโตเกียว (Tokyo Christmas Market) ที่จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 โดยตลาดคริสต์มาสโตเกียวครั้งแรกจัดขึ้นที่สวนสาธารณะใหญ่ใจกลางเมืองอย่างสวนฮิบิยะ (Hibiya Park) และในแต่ละปีจะตระเวนเปลี่ยนสถานที่จัดตลาดคริสต์มาสไปเรื่อย ๆ โดยในปีนี้ตลาดคริสต์มาสโตเกียวจัดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติกบนถนนต้นแปะก๊วยสีเหลืองอร่ามที่ สวนเมจิจิงกูไกเอ็น (Meiji-jingu Gaien)

คริสต์มาสพีระมิดใจกลางกรุงโตเกียว

 

ตามปกติตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงต้นเดือนธันวาคมของทุกปีจะมีการจัดเทศกาลชมต้นแปะก๊วยที่จิงกูไกเอ็น (Jingugaien Gingko Festival) ที่สวนแปะก๊วยแห่งนี้อยู่แล้ว บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกประเภทงานฝีมือและอาหารต่าง ๆ มากมาย และมีผู้คนมาเที่ยวชมงานกันเนืองแน่น ปีนี้จึงพิเศษยิ่งขึ้นไปอีกกับการเป็นสถานที่จัดตลาดคริสต์มาส สร้างความครึกครื้นให้ถนนสายแปะก๊วยมีชีวิตชีวาไปจนถึงสิ้นปี ใครจะไปเที่ยวตลาดคริสต์มาสโตเกียว อย่าลืมถ่ายภาพกับ ‘คริสต์มาสพีระมิด’ งานศิลป์ชิ้นงามที่มีความสูงกว่า 14 เมตร ส่งตรงจากเมือง Seiffen ประเทศเยอรมนี ต้นตำรับตลาดคริสต์มาส

บรรยากาศกรุงโตเกียวในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่

 

จบจากเทศกาลคริสต์มาส ควรอยู่ฉลองปีใหม่ต่อที่โตเกียวซึ่งมีสถานที่ที่จัดงานเคานต์ดาวน์หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) ที่ประดับไฟสวยงาม และมีการแสดงดนตรีสร้างบรรยากาศสนุกครึกครื้นในคืนข้ามปี หรือจะไปนับถอยหลังสู่วินาทีแรกของศักราชใหม่กันที่บริเวณหน้าชิงช้าสวรรค์ใน สวนคาไซ รินไค ปาร์ค (Kasai Rinkai Park) ก็โรแมนติกและงดงามไปอีกแบบ

ตีระฆังขจัดบาป 108 ประการ พร้อมขอพรรับทรัพย์กันตั้งแต่ต้นปี

 

ปิดท้ายเพื่อความเป็นสิริมงคลในวันปีใหม่ ลองไปเยือนวัดญี่ปุ่นในคืนสิ้นปี แล้วร่วมพิธีตีระฆัง 108 ครั้ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในการขจัดบาป 108 ประการให้หมดไป เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ด้วยใจที่บริสุทธิ์ บางวัดอนุญาตให้ผู้เยี่ยมชมได้ตีระฆังหลังเสร็จสิ้นพิธีกรรม เพื่อนำมาสู่โชคลาภรับปีใหม่อีกด้วย

 

อ้างอิง

  • Max.New York Wonderland – เที่ยวนิวยอร์ก หน้าหนาว Christmas ปีใหม่.https://bit.ly/41gs46w
  • Portobay.Christmas and New Year’s Eve Under The Brazilian Sun.https://bit.ly/3GBfm8R
  • Ayana Archie.Yes, they’ve already picked the Rockefeller Center’s giant Christmas tree for 2023.https://bit.ly/3uURJ8Q
  • Rakuten Travel.14 วิธีฉลองปีใหม่อย่างมีความสุขในประเทศญี่ปุ่น.https://bit.ly/41fTLMF
  • Thamonwan Kuaha.สาวผมฟูนำเที่ยว Weihnachtsmarkt ตลาดคริสต์มาสในเยอรมนีที่สนุกจนต้องอมยิ้มไปถึงปีหน้า.https://bit.ly/3Rz6xmq
  • จดหมายจากเมืองเบียร์.ประวัติความเป็นมาของ Pretzel. https://bit.ly/41fsKsM

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...