เดินทางไปนอน Sleep Tourism เทรนด์ใหม่ที่กลุ่มโรงแรมพร้อมจับกระแส

10 Dec 2022 - 2 mins read

Travel / World

Share

ช่วงนี้คนเริ่มออกเที่ยวกันแล้ว เรามีเทรนด์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่มาอัพเดทกัน 
อาจจะไม่ Popular มาก แต่กำลังเริ่มเป็นกระแสมากขึ้นเรื่อย ๆ ในกลุ่มโรงแรมต่างประเทศ

ถ้าเราไม่ได้เที่ยวเพื่อเช็กอินตามสถานที่ต่าง ๆ หากแต่เป็นการเที่ยวที่จะทำให้เรานอนหลับได้ดียิ่งขึ้นอย่าง 
“Sleep Tourism” ที่ยกระดับคุณภาพการนอนของนักท่องเที่ยวให้เข้าสู่โหมดพักผ่อนอย่างแท้จริง

ช่วงนี้คนเริ่มออกเที่ยวกันแล้ว เรามีเทรนด์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่มาอัพเดทกัน 
อาจจะไม่ Popular มาก แต่กำลังเริ่มเป็นกระแสมากขึ้นเรื่อย ๆ ในกลุ่มโรงแรมต่างประเทศ

ถ้าเราไม่ได้เที่ยวเพื่อเช็กอินตามสถานที่ต่าง ๆ หากแต่เป็นการเที่ยวที่จะทำให้เรานอนหลับได้ดียิ่งขึ้นอย่าง “Sleep Tourism” ที่ยกระดับคุณภาพการนอนของนักท่องเที่ยวให้เข้าสู่โหมดพักผ่อนอย่างแท้จริง

เทรนด์นี้มาจากปัญหาเรื่องการนอนที่น่าเป็นห่วงของคนทั้งโลก เมื่อมีผลการศึกษาใน Journal of Clinical Sleep Medicine รายงานว่ากว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใหญ่จำนวน 2,500 คน มีปัญหาเรื่องคุณภาพการนอนที่ไม่เพียงพอ นับตั้งแต่เกิดโควิด-19 ส่วนวัยรุ่นหรือวัยเรียนเองก็มีชั่วโมงการนอนที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น หลังจากมีผลการสำรวจพบว่า เด็กนักศึกษากว่า 26 ประเทศทั่วโลก มีเวลานอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน ในขณะที่ National Sleep Foundation แนะนำว่า ผู้ใหญ่ควรนอนให้ได้ 7-9 ชั่วโมง และวัยรุ่นที่อายุระหว่าง 14-17 ปี ควรนอน 8-10 ชั่วโมงต่อวัน แต่ดูเหมือนทั้งเด็ก และผู้ใหญ่จะสอบตกในเรื่องนี้


นี่จึงเป็นที่มาของเทรนด์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ Sleep Tourism ที่ลูกค้ายอมจ่ายเงิน และสละวันลาเพื่อไปนอนมากกว่าทำกิจกรรมอื่น ๆ

ดอกเตอร์ รีเบคก้า รอบบิ้นส์ (DR. Rebecca Robbins) ได้เล่าให้ CNN Travel ฟังว่า เทรนด์ Sleep Tourism ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ สืบเนื่องมาจากพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่เน้นเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ได้กินอาหารอร่อย ๆ หรือทำกิจกรรมแปลกใหม่ ที่ทำเอาพวกเราต้องอดหลับอดนอน แต่หลังจากที่เกิดโควิด-19 คนจำนวนไม่น้อยตกอยู่ในภาวะขาดนอน หรือนอนไม่เพียงพอ ส่งผลให้เหนื่อยล้า วิตกกังวล เครียด เหวี่ยง น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ฯลฯ จึงต้องการเวลาพักผ่อนที่ร่างกายได้พักจริง ๆ ไม่ใช่แค่โบกมือลาโต๊ะทำงาน เพื่อไปเหนื่อยกับการเดินทางอีก

บวกกับคนยุคนี้หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการนอนที่ก่อนหน้านี้ถูกมองข้ามไป ทำให้โรงแรมจำนวนไม่น้อยต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมใหม่ของนักเดินทาง ที่มีตั้งแต่การยกเซตเครื่องนอนใหม่อย่างผ้าห่ม ต้องมีตัวเลือกมากขึ้น เพราะลักษณะของผ้าห่มที่ไม่หนาหรือบางจนเกินไปจะช่วยให้เราหลับสบายขึ้น

รวมถึงการเพิ่มความหลากหลายของหมอน หลังจากมีผลการศึกษาพบว่า คนเรามีท่าทางการนอนที่แตกต่างกันตามสรีระ และอาการเจ็บป่วย ดังนั้นหมอนแต่ละใบจึงถูกออกแบบมาให้รองรับท่านอนที่ไม่เหมือนกัน เช่น การนอนคว่ำ-หงาย นอนตะแคง นอนกอดเข่า นอนหมอนสูง-ต่ำ หมอนนุ่ม ๆ หรือแน่น ฯลฯ เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการนอนแทบทั้งสิ้น รวมถึงการให้ความสำคัญกับอุณหภูมิภายในห้องพักที่ไม่ใช่แค่ปรับแอร์ แต่เตียงนอนก็สามารถปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้นได้ด้วย เช่นเดียวกับการบุห้องพักให้กลายเป็นห้องเก็บเสียง ไร้เสียงรบกวนจากภายนอก เป็นต้น

เริ่มจากโรงแรมระดับ 5 ดาวอย่าง Park Hyatt New York ที่เปิดห้องพิเศษ Bryte Restorative Sleep Suite เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การนอน โดยมีพระเอกเป็นเตียง The Restorative Bed จาก Bryte ที่แขกสามารถปรับแต่งฟูกที่นอนให้ช่วยกดหลัง หรือหนุนท่าทางการนอนของเราได้ และควบคุมอุณหภูมิของเตียงให้เข้ากับการนอนระดับต่าง ๆ
(Sleep Stage) ได้ด้วย

Rosewood Hotels & Resorts ที่ปล่อยโปรแกรมใหม่เพื่อการพักผ่อนในชื่อ Alchemy of Sleep หรือโรงแรมในกรุงลอนดอนอย่าง Zedwell ก็ออกแบบห้องพักให้เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกให้ภายในห้องเงียบสนิทเหมาะกับการนอน

Belmond Hotel ในกรุงลอนดอน ที่มีบริการพิเศษในชื่อ Sleep Concierge ซึ่งมีโปรแกรมนั่งสมาธิ สามารถเลือกหมอน และน้ำหนักของผ้าห่มในห้องพักได้ เป็นต้น
 

ขอบคุณภาพจาก www.hyatt.com

ในขณะที่บ้านเราก็เริ่มมีหลายโรงแรมจับกระแสนี้ ไม่ว่าจะเป็น Siam Kempinski Hotel Bangkok ที่มีหมอนให้เลือกถึง 12 แบบ เป็นแบรนด์ชื่อดังจากประเทศเยอรมนี เพื่อให้แขกที่มาพักได้เจอหมอนที่ถูกใจที่สุด หรือบริการพิเศษ Club Zzz ของโรงแรมอัมรา กรุงเทพฯ ที่ภายในห้องพักมีหมอนให้เลือกมากมาย มีสเปรย์ฉีดหมอนเพื่อความผ่อนคลาย ที่นอนสั่งทำพิเศษ รวมถึงชาที่เตรียมไว้กล่อมแขกก่อนนอนอีกด้วย และล่าสุดยังมี ANYA MEDITEC ที่อาจไม่ได้เป็นโรงแรมโดยตรง แต่เป็นธุรกิจเพื่อสุขภาพแบบใหม่ ที่เชื่อมระหว่างโรงพยาบาลกับโรงแรม เมื่อลูกค้าสามารถเลือกโรงแรมที่เข้าร่วมเพื่อทำ Sleep Test นาน 3 วัน 2 คืนที่โรงแรม ก่อนฟังผลกับแพทย์ทางออนไลน์

จะเห็นได้ว่า ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ให้ความสำคัญกับสุขภาพกาย และใจ หากใครสนใจอยากเกาะกระแสเทรนด์นี้ เดินทางครั้งหน้าอย่าลืมมองหาโรงแรมหรือบริการพิเศษด้านการนอน เพื่อให้เราเที่ยวได้สนุก และหลับสนิทตลอดทั้งคืน
 

ขอบคุณภาพจาก www.bangkok.amarahotels.com

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...