ช้อปสบาย ๆ กับ Green’s Buy สตาร์ทอัพสัญชาติไทย ที่ช่วยให้คนไทยซื้อของถูกและดี พร้อมดูแลโลกอย่างยั่งยืน

19 Jun 2025 - 4 mins read

Wealth / Business

Share

ใคร ๆ ก็ชอบของ ‘ถูกและดี’ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคที่ต้องซื้อเป็นประจำทุกเดือน

 

แต่ถ้าของถูกและดีเหล่านั้น เป็นของใกล้ถึงวันหมดอายุในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คุณยังจะซื้ออยู่ไหม ?

 

เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคทุกรายการในซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ มักจะถูกกำหนด Shelf-Life หรือช่วงเวลาวางขายเอาไว้ หากถึงกำหนดแล้วยังขายไม่หมด ของที่เหลืออยู่จะถูกส่งคืนไปให้แบรนด์นั้น ๆ หรือไม่ก็กลายเป็นสินค้าค้างสต๊อกที่รอนำไปกำจัดทิ้งเป็นขยะ

 

เท่ากับว่า ทุกปีจะมีสินค้าอุปโภคบริโภคจากทั่วโลกที่ต้องกำจัดทิ้งเป็นขยะจำนวนมหาศาลกว่า 10 ล้านตัน ทั้ง ๆ ที่ยังบริโภคได้ปลอดภัยและใช้งานได้ปกติ

 

เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยหยุดยั้งปัญหานี้ กราฟ - ณัฏฐกิตติ์ ชาติรังสรรค์ จึงก่อตั้ง กรีนสบาย (Green’s Buy) สตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่เริ่มต้นด้วยโมเดลธุรกิจร้านค้ารักษ์โลก โดยนำสินค้าอุปโภคบริโภคใกล้วันหมดอายุจากแบรนด์ชั้นนำมาขายผ่านช่องทางออนไลน์และหน้าร้านในราคาประหยัด

 

ถึงแม้ว่าจะเพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่กรีนสบายกำลังเติบโตได้อย่างมั่นคง เหมือนต้นไม้กำลังแผ่ขยายกิ่งก้านสาขาเพื่อให้ร่มเงา LIVE TO LIFE จึงชวนคุณกราฟพูดคุยถึงความตั้งใจ ความท้าทาย และเป้าหมายด้านความยั่งยืนของการทำธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

 

เมื่ออ่านบทสัมภาษณ์นี้จบ LIVE TO LIFE เชื่อว่าเรื่องราวของกรีนสบายจะทำให้ทุกคนเลือกซื้อสินค้าถูกและดีที่เป็นของใกล้ถึงวันหมดอายุด้วยความเข้าใจ เพื่อลดขยะ ประหยัดเงิน และสามารถช่วยโลกให้ยั่งยืนได้พร้อม ๆ กัน

 

 

ก้าวแรกของกรีนสบาย
สตาร์ทอัพไทยที่ตั้งใจช่วยโลกลดขยะ

คุณกราฟสนใจประเด็นสิ่งแวดล้อมกับการทำธุรกิจเกี่ยวกับความยั่งยืนมาตลอด จนกระทั่งเริ่มต้นทำธุรกิจนวัตกรรมอาหารกึ่งสำเร็จรูปเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ยิ่งทำให้เข้าใจ Pain Point หรือปัญหาที่ธุรกิจอาหารต้องพบเจอ คุณกราฟจึงพยายามคิดหาทางแก้ไข ซึ่งภายหลังกลายมาเป็นก้าวแรกของกรีนสบาย

 

“ในมุมของคนที่ทำธุรกิจอาหาร ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้ห้างตีกลับสินค้าแบรนด์ตัวเอง เพราะเท่ากับว่า สินค้านั้นขายไม่หมดในช่วงเวลาที่ห้างกำหนด นี่คือ Pain Point ของธุรกิจอาหาร ปัญหาคือจะแก้ยังไงให้ขายของเหล่านี้ได้โดยไม่ถูกทิ้งค้างสต๊อกจนหมดอายุ ไม่อย่างนั้นต้องนำไปทำลายทิ้งเป็นขยะ ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้สินค้าตัวเองมีปลายทางแบบนั้น”

 

“ช่วงเวลานั้น ผมได้รับทุนสนับสนุนด้านนวัตกรรมจากรัฐบาลฮ่องกงผ่านโครงการ HKSTP Sandbox Programme ซึ่งเปิดโอกาสให้ผมได้เข้าร่วมศึกษาและเยี่ยมชมโครงการที่นำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาทดสอบการบริหารจัดการสินค้าที่ถูกตีกลับ (Returned Goods) และสินค้าที่ใกล้หมดอายุ (Near-Expiry Products) อย่างมีประสิทธิภาพ ผมมองกลับมาที่ประเทศไทยบ้าง เห็นว่ายังไม่มีระบบที่เป็นตัวกลางช่วยจัดการสินค้าอุปโภคบริโภคแบบนั้น ก็เลยเริ่มต้นทำสตาร์ทอัพในชื่อ ‘กรีนสบาย (Green’s Buy)’ ผมตั้งใจแก้ปัญหาแบบรอบด้าน คือ ช่วยให้ธุรกิจมีช่องทางขายของที่ถูกตีกลับ ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าคุณภาพในราคาที่ถูกลง และช่วยโลกลดขยะเหลือทิ้ง”

 

หากสังเกตชื่อแบรนด์ จะเห็นว่าสื่อความหมายได้ชัดเจนทั้ง ‘กรีนสบาย’ ในภาษาไทย และ ‘Green’s Buy’ ในภาษาอังกฤษ ซึ่งไม่เพียงเป็นการตั้งชื่อให้น่าสนใจจากความคิดสร้างสรรค์ แต่ชื่อนี้คือผลลัพธ์ที่ผ่านการคิดมาแล้วอย่างดี

 

“ด้วยความที่ผมตั้งต้นจากการเป็นสตาร์ทอัพ ผมเลยคาดหวังว่าในอนาคตจะพากรีนสบายไปเจาะตลาดต่างประเทศด้วย นี่คือแผนที่ผมตั้งธงเอาไว้แต่แรก หลักการตั้งชื่อเลยต้องการให้มีความเป็นสากล แต่ก็ต้องไม่ลืมว่านี่คือสตาร์ทอัพของคนไทย ผมเลยเลือกตั้งชื่อให้สื่อความหมายได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษครับ”

 

“ผมเริ่มจากตั้งชื่อภาษาอังกฤษก่อนว่า ‘Green’s Buy’ ใช้สื่อสารกับคนต่างชาติว่าเป็นแหล่งซื้อของของคนที่รักษ์โลก ส่วนชื่อภาษาไทย ‘กรีนสบาย’ ผมตั้งให้มีเสียงใกล้เคียงกับภาษาอังกฤษก็จริง แต่ยังดูออกทันทีว่าเป็นของคนไทย เพราะสื่อถึงการรักษ์โลกด้วยวิธีสบาย ๆ สไตล์คนไทย ทุกคนเข้าถึงสินค้าราคาถูกลงได้ง่าย คือ ซื้อของได้สบาย ขณะเดียวกันก็ช่วยโลกด้วย”

 

 

ก้าวท้าทายของกรีนสบาย
บทพิสูจน์โมเดลธุรกิจร้านค้ารักษ์โลก

ความใหม่ของโมเดลธุรกิจร้านค้ารักษ์โลกในประเทศไทย คือ ความท้าทายสุดหินของกรีนสบาย เพราะว่าแบรนด์ชั้นนำส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจหลักการทำงานและเป้าหมายของธุรกิจ ในช่วงแรก ๆ จึงเป็นการทำงานเชิงความคิดกับแบรนด์สินค้าอุปโภคและบริโภค

 

“โจทย์สำคัญที่กรีนสบายตั้งเอาไว้คือ จะทำยังไงให้แบรนด์ใหญ่ ๆ ระดับประเทศที่เราต้องการสินค้ามาวางขาย เข้าใจสิ่งที่กรีนสบายกำลังทำอยู่จนให้ความไว้วางใจร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับเรา นี่คือความท้าทายที่กรีนสบายเจอตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นด้วยซ้ำ”

 

“ด้วยความที่เป็นโมเดลธุรกิจใหม่มาก ๆ ผมต้องสำรวจสินค้าในท้องตลาดก่อนว่า มีแบรนด์ชั้นนำอะไรบ้างที่เราอยากทำงานด้วย ผมพยายามรวบรวมและแบ่งประเภทสินค้าให้ครอบคลุมทั้งอุปโภคและบริโภค เน้นอาหาร ขนม เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เพราะเป็นกลุ่มสินค้าที่มีวันหมดอายุและมีความเสี่ยงถูกทิ้งเป็นขยะมากที่สุด”

ภาพ : กรีนสบาย

 

“จากนั้นผมใช้วิธีดีลตรงกับทางแบรนด์ ทั้งโทรหาและส่งอีเมล ตอนแรกถูกปฏิเสธเยอะมาก แต่ผมไม่ล้มเลิกความตั้งใจ พยายามติดต่อซ้ำเรื่อย ๆ จนได้เข้าไปนำเสนอแผนธุรกิจและวิธีดำเนินธุรกิจของกรีนสบายว่าเราตั้งใจเป็นตัวกลางระบายสินค้าที่ถูกตีกลับหรือใกล้หมดอายุเพื่อหยุดวงจรขยะเหลือทิ้ง ผมต้องพยายามสร้างความเข้าใจให้เกิดการร่วมมือ เพื่อพิสูจน์ให้แบรนด์เห็นว่าโมเดลนี้ให้ประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย ไม่อย่างนั้นกรีนสบายจะไปต่อไม่ได้ ในที่สุดก็มีแบรนด์ที่เข้าใจและให้สินค้ามาขาย”

 

“ผมใช้วิธีสื่อสารที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา บางแบรนด์ผมต้องพูดคุยหลายครั้งมาก ๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นขั้นตอนสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือ ผมต้องคอยอัปเดตว่าดำเนินธุรกิจมาอย่างไรแล้ว มีแบรนด์ไหนตอบรับและให้ความร่วมมือ มีความก้าวหน้าอะไรเกิดขึ้นบ้าง”

ภาพ : กรีนสบาย

 

จนถึงตอนนี้มีแบรนด์สินค้ามากกว่า 300 แบรนด์ที่ไว้วางใจและส่งสินค้ามาให้กรีนสบายเป็นตัวกลางส่งต่อของถูกและดีให้ถึงมือผู้บริโภค ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ กรีนสบายก้าวผ่านความท้าทายแรกที่เป็นบทพิสูจน์โมเดลธุรกิจร้านค้ารักษ์โลกมาได้อย่างคุณกราฟตั้งใจไว้

 

“หลังจากที่ผมเปิดตัวกรีนสบายทั้งช่องทางออนไลน์และหน้าร้านสาขาแรก ยิ่งมีแบรนด์ต่าง ๆ ติดต่อเข้ามาตลอด ผมเองดีใจมาก ๆ แสดงว่ากรีนสบายกำลังมีพันธมิตรร่วมอุดมการณ์เดียวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อลดขยะ และสร้างผลกระทบเชิงบวกให้สิ่งแวดล้อม”

 

 

ก้าวแห่งความสำเร็จของกรีนสบาย
ช้อปง่าย สบายเรา สบายโลก

เมื่อกรีนสบายได้สินค้าใกล้หมดอายุจากแบรนด์ชั้นนำมาเตรียมวางขายแล้ว คุณกราฟกลับรู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อย เพราะคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าสินค้าใกล้หมดอายุเป็นสินค้าไม่มีคุณภาพ โจทย์ต่อไปที่กรีนสบายต้องทำให้สำเร็จ คือ เปลี่ยนมุมมองให้ผู้บริโภคเปิดใจซื้อสินค้าใกล้หมดอายุ และทำให้คนทั่วประเทศรู้จักกรีนสบาย

 

“สิ่งสำคัญที่กรีนสบายต้องยึดถือไว้เสมอ คือ ความโปร่งใสเกี่ยวกับสินค้าและแหล่งที่มา เราจะบอกชัดเจนเลยว่า กรีนสบายเป็นสตาร์ทอัพที่ตั้งใจเปิดพื้นที่ชอปปิงที่ดีต่อใจและดีต่อโลก เรารวบรวมสินค้าคุณภาพดีที่ใกล้หมดอายุมาขายในราคาพิเศษ รับรองว่าถูกกว่าซื้อในห้างทั่วไป แล้วสินค้าใกล้หมดอายุ ก็ไม่ใช้สินค้าด้อยคุณภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค”

 

“ทันทีที่สินค้าจากแบรนด์ต่าง ๆ ส่งมาถึงกรีนสบาย เราจะแบ่งสินค้าออกเป็น 2 กลุ่ม โดยใช้วันหมดอายุเป็นเกณฑ์ กลุ่มแรกมี Expired Date บอกวันหมดอายุชัดเจน นี่คือเส้นตายที่กำหนดอายุสินค้าว่าต้องกินและใช้ก่อนถึงวันหมดอายุเพื่อความปลอดภัย กลุ่มสองมี Best Before บอกวันที่ควรบริโภคก่อน หมายความว่าสินค้านั้นจะมีคุณภาพดีที่สุดตามวันที่บอกไว้ หากเลยวันที่ควรบริโภคก่อนไปแล้ว ยังสามารถกินได้อีกระยะหนึ่ง ถือว่าไม่มีอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งกรีนสบายจะอธิบายให้ความรู้เหล่านี้กับคนที่มาซื้อของด้วย”

 

สินค้าใกล้หมดอายุของกรีนสบาย ไม่ใช่สินค้าที่กำลังจะหมดอายุภายในสัปดาห์หน้าหรือภายในไม่กี่วัน แต่เป็นสินค้าที่ใกล้หมดอายุมากกว่า 1 เดือนขึ้นไป แต่ถ้าสินค้าที่วางขายนั้น ใกล้ถึงวันหมดอายุมากเท่าไหร่ กรีนสบายจะลดราคาลงเรื่อย ๆ ตามเป้าหมายของกรีนสบายที่ต้องการส่งต่อของให้กับผู้บริโภคที่ต้องการเพื่อลดขยะเหลือทิ้ง

 

“ความสนุกของกรีนสบายคือแต่ละล็อตจะมีสินค้าใกล้หมดอายุเข้ามาวางขายไม่ซ้ำกัน ทำให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อของหลากหลายในราคาสบายกระเป๋า สินค้าทุกชิ้นลดจากราคาปกติ แต่จะลดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับต้นทุนราคาที่เราได้รับมาจากแต่ละแบรนด์”

 

“กรีนสบายจัดแฟลชเซล (Flash Sale) อยู่ตลอด เพราะเราต้องการระบายของให้ไวที่สุด ก่อนสินค้าล็อตใหม่จะเข้า แล้วเราก็ตั้งใจตั้งราคาขายถูกโดยที่บริษัทยังอยู่ได้ ที่ผ่านมาสินค้าแต่ละรายการขายหมดค่อนข้างไว โดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์ใน Shopee และ TikTok Shop ผมยอมรับเลยว่าตอนแรกค่อนข้างกังวล แต่ผลตอบรับจากผู้บริโภคกลับดีมาก ดีกว่าที่ผมกังวลไปก่อนหน้า เพราะลูกค้ายอมรับและเข้าใจเงื่อนไขสินค้า นี่แหละคือความสำเร็จของกรีนสบาย”

 

“แล้วกรีนสบายก็ไม่ได้มีทุนมากพอให้ไปทำการตลาด ยิงแอดไปยังกลุ่มคนมาก ๆ เพราะผมไม่ต้องการความหวือหวาที่ทำให้คนสนใจแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ผมอยากให้คนรู้จักกรีนสบายแบบบอกกันปากต่อปากมากกว่า จากการมีประสบการณ์ซื้อของกับเรา คือเน้นการรับรู้ที่มีคุณภาพ อยากให้คนนึกถึงการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ ต้องนึกถึงกรีนสบาย ช้อปง่าย สบายทั้งเราและโลก”

 

 

ก้าวต่อไปของกรีนสบาย
สู่ต้นแบบธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

ท่ามกลางปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ยังคงน่าเป็นห่วง ภาคธุรกิจจึงเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่ช่วยลดความรุนแรงของปัญหานี้ได้ ทำให้คุณกราฟต้องการผลักดันกรีนสบายไปสู่ต้นแบบสตาร์ทอัพธุรกิจเพื่อความยั่งยืนที่เติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคง

 

“คนทำธุรกิจย่อมอยากได้ผลกำไรเพื่อความอยู่รอด แต่เป้าหมายแรกของกรีนสบายคือความยั่งยืน เราต้องกำไรแค่เพียงพอทำให้ธุรกิจเติบโตควบคู่ไปกับสังคมและสิ่งแวดล้อม นี่คือความตั้งใจในการทำสตาร์ทอัพธุรกิจเพื่อความยั่งยืน อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดขยะและการบริโภคที่สิ้นเปลือง สร้างความตระหนักรู้ให้ทุกคนเข้าถึงสินค้าราคาประหยัด และบริโภคสินค้าอย่างรับผิดชอบและมีความสุข”

 

“ผมมองเห็นโอกาสขยายกรีนสบายไปยังกลุ่มธุรกิจและแบรนด์อื่น ๆ ในต่างประเทศ ผมต้องการสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศด้วย เพราะแนวคิดเรื่องความยั่งยืนเป็นเทรนด์ที่ธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ กรีนสบายน่าจะเป็นสะพานเชื่อมโยงธุรกิจจากทั่วโลกให้มาถึงผู้บริโภคในประเทศไทยด้วย อย่างตอนนี้ผมกำลังดีลกับแบรนด์เครื่องสำอางยุโรปที่สนใจรณรงค์เรื่องขยะจากสินค้าหมดอายุ”

 

สำหรับพาร์ตเนอร์ธุรกิจในประเทศไทย กรีนสบายกำลังพัฒนาระบบที่ช่วยวิเคราะห์ ตรวจสอบ และคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) เพื่อเป้าหมายด้านความยั่งยืนในระยะยาว

 

“ผมตั้งใจวางระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้พาร์ตเนอร์ธุรกิจของกรีนสบายลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เพราะคาร์บอนฟุตพริ้นท์เกิดจากการผลิตสินค้าแต่ละชิ้นขึ้นมา ถ้าสินค้านั้นไม่ถูกบริโภคอย่างที่ควรจะเป็น เหลือเป็นขยะที่ต้องนำไปกำจัด สินค้านั้นจะทิ้งคาร์บอนฟุตพริ้นท์เอาไว้ กลายเป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อน”

 

“หลักการทำงานของระบบนี้คือ คำนวณว่าทุกการซื้อสินค้าใกล้หมดอายุผ่านกรีนสบาย ช่วยแต่ละแบรนด์ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดยตรงให้บริษัทของพาร์ตเนอร์ไปได้เท่าไหร่ เช่น บริษัท A มีขนมใกล้หมดอายุอยู่ในสต๊อก แทนที่จะต้องนำไปกำจัด บริษัท A เปลี่ยนมาส่งให้กรีนสบายวางขาย เท่ากับว่ากรีนสบายมีส่วนช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้บริษัท A ไปแล้วเป็นจำนวนเท่าไหร่”

 

นอกจากร้านค้าออนไลน์ที่เป็นช่องทางหลักสำหรับขายสินค้า คุณกราฟยังเปิดหน้าร้านสาขาแรกที่จังหวัดสิงห์บุรี และกำลังจะเปิดอีก 2 สาขาในเดือนกรกฎาคมนี้

 

“ผมเลือกเปิดหน้าร้านสาขาแรกที่ห้างไชยแสง สิงห์บุรี เพราะเป็นบ้านเกิดที่ผมคุ้นเคย รู้ว่าผู้คนต้องการอะไร คิดว่าถ้าเริ่มต้นในจุดที่เราลงมือทำได้คล่องตัวน่าจะดีที่สุด”

 

“สาขา 2 ที่ลพบุรีใกล้กับศาลพระกาฬ เพราะเพื่อนเห็นเป้าหมายของธุรกิจก็เลยสนใจอยากเอากรีนสบายไปเปิด เดิมทีเพื่อนทำธุรกิจโรงแรมอยู่ก่อนแล้ว แต่มีพื้นที่ด้านล่างยังว่าง เลยคิดว่าน่าจะตอบโจทย์คนแถวนั้นและลูกค้าที่มาพักโรงแรม”

 

“ส่วนสาขา 3 ที่เดอะมอลล์โคราช พาร์ตเนอร์ติดต่อมาว่าอยากให้ไปเปิดหน้าร้านในห้าง ผมเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ เพราะเราอยากเปิดหน้าร้านในห้างที่มีคนมาใช้บริการมาก ๆ อยู่แล้ว เพื่อให้คนรู้จักกรีนสบายและเข้าถึงสินค้าถูกและดี”

 

ในอนาคต คุณกราฟอยากต่อยอดความสำเร็จ โดยตั้งเป้าหมายขยายสาขากรีนสบายในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพิ่มเติมในรูปแบบของแฟรนไชส์

 

“ในร้านค้าออนไลน์ของกรีนสบาย สามารถลงขายสินค้าได้ทุกรายการ ในส่วนของหน้าร้าน คงต้องค่อย ๆ ใช้เวลาเพิ่มพื้นที่วางสินค้า ส่วนรายการสินค้าผมตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้นจาก 300 รายการ เป็น 5,000 รายการใน 1 ปี เพราะกรีนสบายยังเป็นสตาร์ทอัพโมเดลธุรกิจที่ค่อนข้างใหม่ ทำให้ต้องใช้เวลาสร้างความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์และผู้บริโภค ค่อย ๆ เติบโตสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจควบคู่กับสร้างความยั่งยืนให้โลก เป็นความรู้สึกทั้งภูมิใจและดีใจที่กรีนสบายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกดีขึ้นได้ครับ”

 

ทำความรู้จักและสั่งซื้อสินค้ากับ กรีนสบาย Green’s Buy ได้ที่

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...