ถอดสูตร(ไม่)ลับ ‘น้ำเต้าหู้ปูปลา’ เบื้องหลังรสชาติแห่งความสุขที่อยากแบ่งปันให้ทุกคน

29 Sep 2025 - 5 mins read

Wealth / Business

Share

คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ‘น้ำเต้าหู้’

 

เพราะเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่หาซื้อได้ง่ายตามตลาดและร้านละแวกบ้าน โดยเฉพาะคอน้ำเต้าหู้ทุกคนที่โปรดปรานในรสชาติและกลิ่นหอมของนมถั่วเหลือง ย่อมต้องมีร้านประจำที่ซื้อน้ำเต้าหู้ดื่มทุกวัน

 

แต่ท่ามกลางตัวเลือกมากมายของร้านน้ำเต้าหู้ เคยสงสัยกันไหมว่า อะไรที่ทำให้ ‘น้ำเต้าหู้ปูปลา’ กลายเป็นแบรนด์น้ำเต้าหู้ขึ้นห้างที่มีลูกค้ามาต่อแถวรอซื้อน้ำเต้าหู้ตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด

 

ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือ ในบรรดาลูกค้าที่แวะเวียนกันมาซื้อน้ำเต้าหู้ มีคอน้ำเต้าหู้จำนวนไม่น้อยที่เปลี่ยนใจมาเป็นลูกค้าประจำของร้าน ‘น้ำเต้าหู้ปูปลา’ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยซื้อกับร้านใกล้บ้านมาตลอด

 

หลายคนอาจคิดว่า เบื้องหลังความสำเร็จของ ‘น้ำเต้าหู้ปูปลา’ ต้องมีสูตรลับบางอย่างเอาไว้ใช้มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด แต่หลังจาก LIVE TO LIFE ได้พูดคุยเจาะลึกกับ ตูน ศิริวัฒน์ ศิริบุญฤทธิ์ เจ้าของและผู้ก่อตั้งแบรนด์น้ำเต้าหู้ปูปลา กลับพบคำตอบเป็นบทเรียนธุรกิจที่เรียบง่ายแต่น่าสนใจ

 

นี่คือ ‘สูตร(ไม่)ลับ 3 ข้อ’ ของแบรนด์น้ำเต้าหู้ปูปลา ถ่ายทอดผ่าน LIVE TO LIFE ที่เชื่อว่าจะช่วยจุดประกายแรงบันดาลใจให้คนที่สนใจหรือกำลังทำธุรกิจอยู่ตอนนี้ นำไปปรับใช้ต่อยอดให้แบรนด์ของตัวเองเติบโตและมั่นคงได้

 

 

ถอดสูตร(ไม่)ลับข้อที่ 1

‘น้ำเต้าหู้’ ที่คนอื่นเห็นเป็นของธรรมดา

กลับมีโอกาสให้พัฒนาเป็นธุรกิจซ่อนอยู่

‘น้ำเต้าหู้ปูปลา’ เริ่มต้นจากความรักและความปรารถนาดีที่คุณตูนมีต่อคุณพ่อ เพราะตั้งแต่จำความได้ คุณตูนเห็นคุณพ่อดื่มน้ำเต้าหู้ของร้านเก่าแก่แถวบ้านที่เปิดขายมานานหลายรุ่นเป็นประจำทุกวัน แต่แล้ววันหนึ่งร้านนั้นได้ปิดตัวลง กลายเป็นรสชาติแห่งความทรงจำที่ขาดหายไปในชีวิต

 

“ทุกคนที่บ้านชอบน้ำเต้าหู้กันมาก โดยเฉพาะคุณพ่อ ผมมักจะได้ยินคุณพ่อพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า ลองน้ำเต้าหู้มาแล้วหลายเจ้า แต่ก็หารสชาติน้ำเต้าหู้ที่เข้มข้นและมีกลิ่นหอมแบบร้านนั้นไม่ได้สักที ตัวผมเองชอบดื่มน้ำเต้าหู้ร้านนั้นเหมือนกัน ก็อยากให้คุณพ่อได้ดื่มน้ำเต้าหู้ในความทรงจำอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าจะต้องให้คุณพ่อลองชิมน้ำเต้าหู้ไปเรื่อย ๆ อีกกี่ร้านกว่าจะเจอรสชาติดั้งเดิมแบบที่ตามหา”

 

“ผมเลยเกิดไอเดียใหม่ขึ้นมาว่า งั้นลองทำน้ำเต้าหู้เองน่าจะดีกว่า แล้วเอาไปให้คุณพ่อชิม เพราะท่านยังจำรสชาติของร้านนั้นได้ดีที่สุด นี่คือจุดเริ่มต้นของภารกิจที่ผมตั้งใจกับตัวเองไว้ว่าจะต้องทำให้สำเร็จ”

 

“ผมไม่เคยทำน้ำเต้าหู้ เลยหาข้อมูลว่ามีที่ไหนเปิดสอน แล้วไปสมัครเรียนที่นั่น อย่างน้อยจะได้มีความรู้พื้นฐานว่าน้ำเต้าหู้ทำยังไง พอได้เรียนจริง ๆ ถึงเข้าใจว่าน้ำเต้าหู้มีขั้นตอนการทำที่ละเอียดมาก ทุกคนทำน้ำเต้าหู้ได้ก็จริง แต่การจะทำน้ำเต้าหู้ให้เข้มข้นและอร่อยกลับไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใส่ใจตั้งแต่การเลือกถั่วเหลือง เพราะมีหลายพันธุ์ มีหลายขนาด ให้รส กลิ่น และความเข้มข้นต่างกัน ไปจนถึงการแช่ถั่วเหลือง การโม่ การกรอง การเคี่ยว และการต้ม”

 

“ผมทำน้ำเต้าหู้ทุกสัปดาห์ ใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่ 1 ปี ปรับสูตรนับครั้งไม่ถ้วนตามคอมเมนต์ของคุณพ่อ ทำน้ำเต้าหู้ไปหลายพันลิตร กว่าจะได้น้ำเต้าหู้เข้มข้นที่มีกลิ่นหอมของถั่วเหลืองคู่กับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเตาถ่าน เป็นรสชาติดั้งเดิมแบบเดียวกันกับที่คุณพ่อตามหา”

 

หลังจากเติมเต็มรสชาติน้ำเต้าหู้แห่งความทรงจำที่เคยขาดหายไปให้คุณพ่อได้สำเร็จ คุณตูนยังมองเห็นโอกาสพัฒนาเป็นธุรกิจที่ซ่อนอยู่ว่า น่าจะมีใครอีกหลายคนที่กำลังตามหารสชาติน้ำเต้าหู้แบบดั้งเดิมเหมือนคุณพ่อ จึงมุ่งมั่นปลุกปั้นแบรนด์น้ำเต้าหู้ด้วยความตั้งใจอยากส่งต่อรสชาติแห่งความทรงจำและความสุขให้คนอื่น ๆ

 

“ผมเห็นคุณพ่อและคนที่บ้านดื่มน้ำเต้าหู้แล้วมีความสุข จึงอยากส่งต่อความสุขในแบบเดียวกันนี้ให้คนที่ชอบน้ำเต้าหู้เหมือนกันได้ลองชิม ผมเริ่มจากการสังเกตตลาดเครื่องดื่มก่อนว่าเป็นยังไง เห็นมีแต่คนธุรกิจชานม ชาชีส ชาไทย และกาแฟ ยังไม่มีใครให้ความสำคัญกับน้ำเต้าหู้ เท่ากับมีคู่แข่งน้อย ถ้าทำออกมาดี ๆ โอกาสเติบโตย่อมมีสูงกว่าแน่นอน ผมก็เลยตัดสินใจสร้างแบรนด์น้ำเต้าหู้คุณภาพที่เข้าถึงง่าย และราคาไม่แพง เพราะอยากให้ทุกคนซื้อได้ทุกวัน”

 

“เมนูของร้านต้องมีน้ำเต้าหู้ที่ทำสดใหม่วันต่อวันเป็นพระเอก เลือกระดับความหวานได้ ใส่เครื่องได้ตามความชอบ มีเครื่องให้เลือกมากถึง 40 อย่าง แต่ก็ต้องมีอย่างอื่นขายด้วย เป็นของหวานที่คนจะต้องนึกถึงคู่กับน้ำเต้าหู้ เช่น น้ำขิง เต้าทึง และน้ำลำไย เรื่องทำเลที่ตั้งของร้าน ผมปักหมุดว่าต้องเป็นย่านประตูผีเท่านั้น เพราะมีชื่อเสียงเป็นแหล่งสตรีทฟู้ดเก่าแก่ และเป็นย่านที่ผมคุ้นเคย เพราะเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่”

 

“ส่วนชื่อ ‘น้ำเต้าหู้ปูปลา’ ผมได้ไอเดียมาจากความทรงจำวัยเด็ก เพราะชอบเล่นน้ำเต้าปูปลากับเพื่อนที่โรงเรียน แต่เล่นคำโดยเพิ่ม ‘หู้’ เข้าไป กลายเป็นชื่อที่จำง่าย เห็นแล้วรู้ทันทีว่าขายน้ำเต้าหู้ และสื่อถึงความสนุกเป็นกันเองได้ด้วย”

 

 

ถอดสูตร(ไม่)ลับข้อที่ 2

‘ปู’ เส้นทางสู่ความสำเร็จ

ด้วยการไม่หยุดพัฒนาธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง

สำหรับมือใหม่อย่างคุณตูน แม้การทำธุรกิจอาหารจะไม่ใช่เรื่องง่ายและเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ในเมื่อทุกอย่างของแบรนด์ ‘น้ำเต้าหู้ปูปลา’ ผ่านการคิดและวางแผนมาเป็นอย่างดี ผลตอบรับจากลูกค้าจึงดีเกินคาดตามไปด้วย ถึงขนาดเกิดปรากฏการณ์คนต่อแถวรอตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด

 

“น้ำเต้าหู้ปูปลาสาขาแรกที่ประตูผี เปิดตอน 6 โมงเย็น เพราะช่วงเช้าถึงบ่าย เป็นเวลาผลิตน้ำเต้าหู้และเตรียมของให้พร้อมขาย แต่ลูกค้าจะเริ่มมาต่อแถวรอประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนร้านเปิด อาจจะด้วยช่วงแรกที่คนยังไม่เคยเห็นร้านน้ำเต้าหู้ที่มีลักษณะเป็นคาเฟ่ให้คนมานัดเจอกัน มาสังสรรค์กับเพื่อนและครอบครัวได้ ก็เลยเกิดกระแสความนิยมในกลุ่มลูกค้าว่ามีร้านใหม่ให้ลอง เป็นร้านขายน้ำเต้าหู้ที่เลือกใส่เครื่องได้ตามใจชอบ ตอบโจทย์ทั้งคนที่ชอบน้ำเต้าหู้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และลูกค้าใหม่ ๆ ที่อยากจะลองเมนูจากน้ำเต้าหู้แบบไม่จำเจ”

 

จากความสำเร็จเหนือความคาดหมายของ ‘น้ำเต้าหู้ปูปลา’ สาขาแรก ที่ขึ้นแท่นเป็นร้านดังประจำย่านประตูผี คุณตูนจึงคิดต่อยอดธุรกิจให้เป็นแบรนด์น้ำเต้าหู้ขึ้นห้าง นี่คือย่างก้าวสำคัญที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จไปอีกขั้น

 

“สิ่งที่ทำให้ผมแน่ใจแล้วว่า สามารถลุยต่อกับธุรกิจน้ำเต้าหู้ต่อไปได้ คือความชัดเจนในตัวตนของแบรนด์ พิสูจน์ได้จากการตอบรับของลูกค้านี่แหละว่า ‘น้ำเต้าหู้ปูปลา’ มีจุดเด่นที่น้ำเต้าหู้รสชาติดั้งเดิม หอมกลิ่นถั่ว หอมกลิ่นเตาถ่านอ่อน ๆ ใส่เครื่องได้หลากหลาย”

 

“ในแง่ของธุรกิจ การต่อยอดแบรนด์ที่คนรู้จักอยู่แล้วว่าทำอะไรขาย ผมมองว่าต่อยอดได้ง่ายกว่าแบรนด์หน้าใหม่ เพราะช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนที่ลูกค้าต้องมาเริ่มทำความเข้าใจว่านี่คือร้านอะไร ไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน”

 

“ถ้าเริ่มธุรกิจด้วยการขึ้นห้าง จะมีข้อจำกัดเยอะกว่ามาก ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน ต้องแบกรับความเสี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายและยอดขายเท่าไหร่ กว่าจะทำให้คนรู้จักและมีลูกค้าประจำ”

 

“น้ำเต้าหู้ปูปลาโชคดีตรงที่เราเริ่มจากร้าน Stand Alone ค่อย ๆ สร้างตัวตนให้แบรนด์ก่อน ผ่านไป 1 ปี เมื่อมั่นใจแล้วว่าแบรนด์ติดตลาดจึงค่อยเอาแบรนด์ขึ้นห้าง เพื่อขยายฐานลูกค้าและรองรับความต้องการของลูกค้าด้วย เพราะการเปิดสาขาเพิ่มตามห้างต่าง ๆ เท่ากับการทำให้ลูกค้าเข้าถึงน้ำเต้าหู้ได้ง่ายและสะดวกกว่าเดินทางมาที่สาขาประตูผีอย่างเดียว”

 

ในระยะเวลาเพียง 2 ปี คุณตูนขยายสาขา ‘น้ำเต้าหู้ปูปลา’ ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีทั้งหมด 14 สาขา ด้วยจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีความท้าทายและเป้าหมายใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา การทำธุรกิจจึงไม่เคยมีคำว่าสูตรสำเร็จ

 

“อย่างที่บอกไปว่าช่วงเริ่มแรก ผมทำน้ำเต้าหู้สดใหม่ทุกวันก่อนเปิดร้าน แต่พอขยายสาขามากขึ้น จะทำเหมือนเดิมคงไม่ได้ ผมจึงตั้งครัวกลางเพื่อควบคุมคุณภาพน้ำเต้าหู้และเมนูอื่น ๆ ให้มีมาตรฐานเดียวกันในทุกสาขา”

 

“และผมก็คิดอยู่ตลอดว่าทำยังไงให้น้ำเต้าหู้ปูปลาเติบโตต่อไปได้เรื่อย ๆ ตอนนี้มี 14 สาขา แต่สาขาทั้งหมดยังอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปีหน้าผมตั้งใจเปิดสาขาตามหัวเมืองต่างจังหวัด จากนั้นค่อยวางแผนขยายแบรนด์ในระดับภูมิภาคเอเชีย มีอยู่ 3 ประเทศที่ผมมองไว้ตอนนี้ คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกง”

 

 

ถอดสูตร(ไม่)ลับข้อที่ 3

‘ปลา’ ตัวนี้ไม่จำเป็นต้องว่ายทวนน้ำพิสูจน์ความเก่ง

แต่ต้องรู้ว่าควรว่ายน้ำอย่างไรให้รอดปลอดภัย

ตามทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ลส์ ดาร์วินที่บอกว่า ผู้ที่ปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุดเท่านั้นที่จะอยู่รอด ไม่ใช่ผู้ที่แข็งแรงที่สุดหรือผู้ฉลาดที่สุด การอยู่รอดของธุรกิจก็เช่นเดียวกัน ต้องเรียนรู้ที่จะพัฒนาและปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค

 

“ผมพยายามคิดหาเมนูใหม่ ๆ ออกมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และเข้ากับเทรนด์อาหารและการดูแลสุขภาพ คอยดูว่ามีอะไรที่น่าสนใจแล้วหยิบมาสร้างความแปลกใหม่ให้แบรนด์ได้บ้าง”

 

“อย่างแรกที่ทำได้เลยคือน้ำผลไม้เกล็ดหิมะ เพราะว่าน้ำเต้าหู้ปูปลาเป็นแบรนด์ของคนไทย ผมจึงต้องการชูความเป็นไทย ผ่านผลไม้ไทยตามฤดูกาลที่สั่งตรงกับชาวสวนคนไทย เช่น มังคุด มะยงชิด น้อยหน่า เสียงตอบรับจากลูกค้าก็ดีมาก เพราะไม่มีใครทำมาก่อน แล้วลูกค้าก็ไม่คิดว่าจะเอาน้อยหน่ามาปั่นเป็นเกล็ดหิมะได้อร่อยและเข้มข้นขนาดนี้”

 

“อย่างที่สองคือเมนูที่คนมักกินคู่กับน้ำเต้าหู้ นั่นก็คือ ปาท่องโก๋ ทุกสาขาของเราทำแบบปั้นสด Made to Order ลูกค้าจะได้กินปาท่องโก๋ที่มีความสดใหม่ ทอดร้อน ๆ”

 

“อย่างที่สามเป็นการ Collab กับแบรนด์อื่น ๆ ล่าสุดน้ำเต้าหู้ปูปลาจับมือกับชาตรามือ ทำน้ำเต้าหู้นมนัวชาไทย เอาใจคนที่รักน้ำเต้าหู้และชาไทย ช่วยสร้างสีสันและความน่าสนใจให้แบรนด์ได้”

 

น้ำเต้าหู้ปูปลาเปรียบได้กับปลาที่เชี่ยวชาญจังหวะการว่ายน้ำอย่างดี รู้ว่ากระแสน้ำแบบนี้ ควรว่ายน้ำอย่างไรถึงจะเหมาะสม นอกจากจะไม่ทำให้หมดแรงเหมือนปลาที่ว่ายน้ำทวนกระแส ยังช่วยให้ว่ายไปได้ไกลและอยู่รอดปลอดภัยจากทุกกระแสแห่งความท้าทาย

 

“สำหรับคนทำธุรกิจ ย่อมต้องการให้แบรนด์ของตัวเองเติบโตต่อไปได้ในระยะยาว โจทย์คือจะทำยังไงให้ลูกค้ารักและประทับใจในน้ำเต้าหู้ปูปลา เพราะเป้าหมายสูงสุดของผมคือทำให้เป็นแบรนด์ Top-of-Mind ของคนไทย คือถ้าใครคิดจะดื่มน้ำเต้าหู้ดี ๆ ก็ต้องคิดถึงน้ำเต้าหู้ปูปลาเป็นอันดับแรก ซึ่งไม่ง่ายและต้องใช้เวลา”

 

“แต่ผมเชื่อว่าจะทำได้สำเร็จ เพราะจุดเริ่มต้นของน้ำเต้าหู้ปูปลาเกิดจากความตั้งใจอยากส่งต่อรสชาติและความสุขให้คนที่เรารัก รวมไปถึงลูกค้าทุกคน ร้านน้ำเต้าหู้ปูปลาถึงมี Hashtag ที่เป็นปรัชญาการทำธุรกิจว่า #ความสุขที่อยากแบ่งปัน เหมือนเวลาที่เจอของอร่อย แล้วนึกถึงคนที่บ้าน ต้องซื้อไปฝากให้ได้ อย่างตอนที่ลูกค้ามาต่อแถวรอร้านเปิด ก็เพราะเขาบอกกันปากต่อปาก เขาเชื่อมั่นในคุณภาพน้ำเต้าหู้ของเรา ผมมองว่านั่นคือความสำเร็จ เพราะผลิตภัณฑ์หรือสินค้าพูดแทนผมหมดแล้ว ส่วนหน้าที่ของเราคือตั้งใจทำสินค้าให้ดีที่สุด”

 

เมื่อถามถึงความมั่งคั่งของธุรกิจ คุณตูนยืนยันว่า ไม่ใช่แค่เรื่องเงินที่มีความสำคัญทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น แต่ยังมีความมั่งคั่งด้านอื่น ๆ ที่คนทำธุรกิจต้องไม่มองข้าม

 

“ความมั่งคั่งสำหรับผม แบ่งเป็น 3 ส่วน ความมั่งคั่งทางการเงิน สุขภาพ และความสุข แน่นอนว่าคนทำธุรกิจต้องอยากได้ผลกำไร เพราะช่วยต่อยอดธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้ เราก็ต้องดูแลตัวเองให้มีสุขภาพแข็งแรง และมีความสุขด้วย โชคดีที่แบรนด์น้ำเต้าหู้ปูปลาตอบโจทย์ความมั่งคั่งทั้ง 3 ส่วน ผมเลยทำธุรกิจด้วยความสบายใจ ผมมีความสุขทุกวันที่ได้ตื่นมาทำงาน เห็นพนักงานในองค์กรขยันขันแข็ง มีความสุขกับงาน เท่านี้ก็พอแล้ว”

 

“ทุกวันนี้ หลายคนอยากทำธุรกิจ อยากสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง สิ่งสำคัญที่ผมอยากแบ่งปันก็คือ การเห็นคุณค่าในสิ่งที่ทำ ถ้าตัดสินใจว่าจะทำอะไรแล้ว ต้องตั้งใจทำจริง ๆ เต็มที่กับสิ่งนั้น ต้องโฟกัส ต้องศึกษาให้รู้รอบทุกแง่มุม เพราะความชอบอย่างเดียวไม่พอทำให้ธุรกิจเติบโต และมองหาโอกาสใหม่ ๆ จากสิ่งที่อยู่รอบตัว ไม่มีใครตอบได้ว่าธุรกิจที่เราปลุกปั้นจะเป็นยังไงในอนาคต ถ้าทำเต็มที่แล้วไม่สำเร็จ เราจะไม่เสียใจที่ได้ลอง นั่นคือบทเรียนให้เรานำไปปรับปรุงใหม่ในดีขึ้นในครั้งต่อไป ถ้าทำสำเร็จ นอกจากความมั่งคั่ง เราจะมีความสุขและภูมิใจกับตัวเองที่สุด”

 

ทำความรู้จัก ‘น้ำเต้าหู้ปูปลา’ เพิ่มเติมได้ที่

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...