ไม่มีเวลาพาพ่อแม่เที่ยวใช่ไหม ? เปิดใจคนทำทัวร์ 'พาแม่เที่ยว' อาสาพาบุพการีไปเที่ยวด้วยกัน

ในยุคที่ธุรกิจท่องเที่ยวแข่งขันกันดุเดือด มีไม่กี่แบรนด์ที่สามารถสร้างความแตกต่างได้จาก “หัวใจ” มากกว่ากลยุทธ์การตลาด

หนึ่งในนั้นคือ เพจพาแม่เที่ยว. ที่ก้าวข้ามจากการเป็นเพจเล่าเรื่องการเดินทางแบบครอบครัว สู่การทำธุรกิจทัวร์เต็มรูปแบบภายใต้ชื่อ ทัวร์สไตล์ครอบครัว by พาแม่เที่ยว.

จุดเริ่มต้นของเพจพาแม่เที่ยว. เกิดจากการที่ลูกสาวคนเดียวของบ้านอย่าง อุ๊ - ยุวรัตน์ ทองเอกแก้ว เกิดความตั้งใจดีในการพาคุณพ่อคุณแม่ขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวด้วยกันสักครั้งในชีวิต เธอจึงเริ่มเก็บหอมรอมริบจนสามารถพา แม่แป๋ว - ศกุนตลา สองศรี ขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยกัน จากนั้นค่อยสลับเป็นคิวของคุณพ่อกฤตติ สองศรี ก่อนที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะได้เที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตากันในทริปต่อ ๆ มา

คุณอุ๊กับแม่แป๋วแห่งเพจพาแม่เที่ยว.

นับแต่นั้นเป็นต้นมา การท่องเที่ยวของครอบครัวก็เกิดขึ้นเป็นประจำสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการเล่าเรื่องราวความอบอุ่นบนเพจพาแม่เที่ยว. ที่นอกจากจะทำให้คุณพ่อและคุณแม่ของคุณอุ๊หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น เพื่อจะได้สามารถออกเดินทางได้เรื่อย ๆ (ทันทีที่ลูกสาวเอ่ยปากชวน) ยังต่อยอดไปสู่การเกิดเสียงเรียกร้องจากผู้ติดตามเพจที่อยากเดินทางไปเที่ยวด้วยกัน

สิ่งที่ทำให้ ทัวร์สไตล์ครอบครัว by พาแม่เที่ยว. แตกต่าง ไม่ใช่แค่เส้นทางท่องเที่ยว แต่คือประสบการณ์ที่ถูกออกแบบอย่างใส่ใจ ตั้งแต่การเลือกที่พักและร้านอาหารที่สะท้อนความสบายและคุณภาพ ไปจนถึงรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ทำให้ผู้ร่วมเดินทางทุกเพศทุกวัยรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวกับคนในครอบครัวจริง ๆ

จากทริปในประเทศขยายสู่เส้นทางต่างประเทศ ปัจจุบัน ครอบครัว ‘พาแม่เที่ยว.’ ก็ขยายใหญ่ขึ้นตามไปด้วย โดยมีสมาชิกใหม่อย่าง เบิร์ด - อัครินทร์ ทองเอกแก้ว สามีของคุณอุ๊ ซึ่งเป็นนักเดินทางสายลุย มาช่วยเสริมทัพ ให้ธุรกิจ ทัวร์สไตล์ครอบครัว by พาแม่เที่ยว. ต่อยอดสู่เส้นทางทัวร์ใหม่ ๆ ที่รองรับความต้องการของครอบครัวได้หลายรูปแบบยิ่งขึ้น 

คุณอุ๊กับคุณเบิร์ด และครอบครัว

ทัวร์อาสาพาบุพการีออกเดินทาง

“หลังจากทำเพจ พาแม่เที่ยว. ได้ 3 ปี เริ่มมีคนหลังไมค์มาบอกว่าอยากไปเที่ยวกับคุณอุ๊จังเลย คุณอุ๊มีจัดทัวร์ไหม พอเริ่มมีคนถามมาเรื่อย ๆ ผ่านไปหนึ่งปีอุ๊เลยชวนคุณแม่จดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดร่วมกันตอนเดือนกันยายน ใบอนุญาตฯ ออกตอนปลายเดือนตุลาคม พอเดือนพฤศจิกายน 2565 เราออกทริปแรกทันที”

“ทริปแรกเลือกไปสงขลา เพราะเป็นหนึ่งในสองจังหวัดที่อุ๊ชอบที่สุด คือ เชียงใหม่กับสงขลา อุ๊ชอบโซนเมืองเก่าสงขลามาก เคยไปอยู่เป็นอาทิตย์ แค่เดินไปเดินมาก็มีความสุขแล้ว เลยเลือกจัดทริปแรกเป็นการนั่งรถไฟไปสงขลา ซึ่งยอดจองเต็ม ระหว่างนั้นก็เปิดขายทริปอื่นไปด้วย เช่น One Day Trip ที่สวนผึ้ง และทำให้มีลูกค้าประจำเกิดขึ้นหลายคน โดยหลังจากนั้นเราต่อยอดด้วยการทำทริปญี่ปุ่น ซึ่งคนที่เคยไปทริปแรก ๆ กับเรา พอกลับถึงบ้านปั๊บก็โอนเงินจองทริปญี่ปุ่นต่อทันที”

“อุ๊ตั้งใจทำเพจแยกออกมาในชื่อ ทัวร์สไตล์ครอบครัว by เพจพาแม่เที่ยว. เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจตรงกันว่าคนในครอบครัวทุกคนสามารถมาเที่ยวด้วยกันได้ ตั้งแต่ผู้สูงอายุไปจนถึงเด็กเล็ก ที่ผ่านมาลูกค้าที่มีอายุสูงสุด คือ 92 ปี แต่เป็นเก้าสิบสองที่เดินตัวตรง ไม่ใช้วีลแชร์ ส่วนเด็กที่สุดคือ 3 ขวบ ทัวร์ของเราจึงเป็นทัวร์ที่ต้อนรับทุกเพศทุกวัย”

“ผู้สูงอายุที่ยังไม่เคยมาเที่ยวกับเรามาก่อน เมื่อมาถึงเขามักจะแนะนำตัวว่า ป้าอายุหกสิบเจ็ดสิบแล้ว ฝากดูแลป้าด้วยนะ อุ๊มักจะตอบกลับไปเสมอว่า ทุกคนในทริปอายุเท่ากันหมดเลยค่ะ โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งในทริปออสเตรเลีย มีอยู่ครอบครัวนึงที่ไปด้วยกัน 3 เจเนอเรชั่น มีคุณแม่เป็นครูวัยเกษียณแล้ว ส่วนลูกเป็นคุณหมอและพาลูกชายตัวน้อยไปด้วย โดยความตั้งใจของคุณหมอคือ อยากพาคุณแม่ไปเที่ยวนอกเอเชียเป็นครั้งแรก ตอนแรกตัวคุณแม่เองก็เป็นกังวลว่าตัวเองเป็นผู้สูงวัยที่ทุกคนจะต้องคอยมาดูแล แต่พอมาเจอเพื่อนร่วมทริปคนอื่น ๆ ที่สูงวัยเหมือนกัน แต่เป็นสูงวัยแบบแอ็กทีฟ กระฉับกระเฉง”

“ผ่านไปได้สองวัน คุณแม่แอบมาเฉลยกับอุ๊ว่าพอเห็นคนอื่นแต่งตัวสวย เขาเลยรีบให้ลูกจัดเซตเสื้อผ้าให้ใหม่ระหว่างทาง นั่นแสดงว่าคุณแม่ได้รับการจุดประกายให้หันมาดูแลตัวเองในทันที และหลังจากจบทริป คุณแม่ก็หันมาออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงทัดเทียมกับเพื่อนร่วมทริปในวันนั้น”

แตกต่างอย่างใส่ใจ

“จุดที่ทำให้ทัวร์สไตล์ครอบครัว by เพจพาแม่เที่ยว. แตกต่างจากทัวร์เจ้าอื่น คือ เราเน้นให้ลูกค้ากินดี คัดสรรเฉพาะร้านอาหารที่อร่อยเท่านั้น และที่นอนต้องนอนสบาย ประการสำคัญคือ ลูกค้าต้องไม่เจอผี (หัวเราะ) ที่พักที่เราเลือกมักมีกิมมิคน่ารัก ๆ เช่น บางแห่งเสิร์ฟน้ำเต้าหู้ตอนกลางคืน เป็นความพิเศษเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้ลูกค้าประทับใจ”

“จุดเด่นอีกอย่างในทัวร์ของเรา คือ ไม่ขายของ และไม่พาเข้าร้าน เพราะ Pain Point ของการไปเที่ยวกับทัวร์ คือ การพาลูกค้าเข้าร้านเพื่อซื้อของ อุ๊คิดว่าในชีวิตของใครสักคน เขาอาจจะตั้งใจเก็บเงินก้อนนั้นเพื่อไปเที่ยวดี ๆ สักครั้ง แต่กลับถูกมัดมือชกให้ต้องซื้อของ ทัวร์ของเราเลย Customize ในทุกรายละเอียด อย่างเรื่องอาหารการกิน ทุกคนต้องได้กินอิ่ม แม้ว่าคุณจะมีข้อจำกัดในการกิน ก็ต้องมีอะไรทดแทน และเราจะไม่มีการขายของหรือพาเข้าร้านค้าแบบภาคบังคับ ดังนั้น แน่นอนอยู่แล้วว่าลูกค้าต้องจ่ายราคาทัวร์ของเราแพงกว่าเพื่อแลกกับการเก็บเงินไปเที่ยวครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป”

“ในส่วนของไกด์และคนขับรถตู้ เราเลือกเฉพาะคนที่ทำงานจากใจเหมือนกับเรา ต้องใส่ใจลูกค้าเหมือนเป็นครอบครัวตัวเอง ให้มองว่าลูกค้าเป็นคุณพ่อคุณแม่ของเขาเอง อย่างไกด์คนแรกของอุ๊ที่ยังคงทำงานด้วยกันจนถึงทุกวันนี้ คือ ไกด์เหมียว ที่สงขลา เมื่อก่อนตอนที่อุ๊ยังไปออกทัวร์เอง อุ๊จะยืนรับลูกค้าทุกคนตรงหน้าประตูรถ เพื่อให้เขาเกาะบ่าแล้วค่อย ๆ ก้าวลงจากรถ ดังนั้น ก่อนที่อุ๊จะตัดสายสะดือ คือ ไม่ไปทัวร์ภาคใต้อีก ปล่อยให้ไกด์ดูแลเองทั้งทริป อุ๊จึงกำชับไกด์เหมียวว่า พี่จะไม่มาแล้วนะ เหมียวต้องทำอย่างที่พี่ทำ เหมียวก็รับปากว่าจะทำอย่างที่อุ๊สอนทุกอย่าง”

กำไรจากการได้เติมเต็มความสุข

“เชื่อไหมว่าอุ๊เสียน้ำตาตั้งแต่ทริปแรกที่ไปสงขลา มีลูกค้าอยู่คู่นึงเป็นลูกสาวกับคุณแม่ ตั้งแต่ขึ้นรถไฟคุณแม่ไม่ยิ้มเลย อุ๊คอยไปคุยกับคุณแม่อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งก็ถามคำตอบคำ จนลูกสาวมากระซิบว่า อย่าโกรธนะที่แม่ไม่ค่อยยิ้มหรือไม่พูดด้วย เพราะหมาที่เขาเลี้ยงเพิ่งตาย แม่ยังเศร้าอยู่เลยพามาเที่ยวเพื่อให้ลืมและจะได้สบายใจขึ้น หลังจากผ่านไปหนึ่งคืน จนวันรุ่งขึ้นไปเที่ยวหาดสมิหลาด้วยกัน คุณแม่เดินมาจับมืออุ๊ และบอกว่าขอบคุณมากนะลูกที่ทำให้แม่มีความสุข เหมือนกับคุณแม่รู้สึกสนิทใจและไว้ใจเราหลังผ่านการอยู่ด้วยกันมาหนึ่งคืนบนรถไฟ และใช้เวลาอีกหนึ่งวันในการเรียนรู้กันและกัน แค่นั้นอุ๊ก็ร้องไห้ออกมาเลย เป็นน้ำตาแห่งความสุขค่ะ”

“อุ๊รู้สึกว่านี่ไม่ใช่กำไรที่เป็นตัวเงิน แต่เป็นกำไรที่เราได้เติมเต็มความสุข อุ๊คิดว่าการที่ผู้สูงอายุยอมเปิดใจไปเที่ยวกับเราเป็นครั้งแรก เพราะเขาไว้ใจที่เราดูแลเขาแบบคนในครอบครัว นี่เป็นตัวแตกโจทย์ที่ทำให้ทัวร์สไตล์ครอบครัว by เพจพาแม่เที่ยว. เป็นทัวร์ที่ทุกคนในครอบครัวมาเที่ยวด้วยกันได้ และทุกคนที่มาคือครอบครัวของเรา แม้จะมาคนเดียวก็ไม่รู้สึกแปลกแยกและไม่ต้องกังวล”

บริหารงานแบบครอบครัว

“ปีแรกที่เริ่มทำทัวร์ อุ๊ทำงานคนเดียวทุกหน้าที่ โดยใช้วิธีจ้างไกด์ข้างนอกเอา และอุ๊จะต้องไปส่งลูกค้าที่สนามบินด้วยตัวเองกับคุณพ่อคุณแม่ของอุ๊ทุกครั้ง ตอนนั้นยังไม่รับพนักงาน เพราะไม่รู้ว่าธุรกิจเราจะรอดรึเปล่า พอผ่านไปหนึ่งปีทุกอย่างเกินความคาดหมายไปไกลเลยตัดสินใจรับพนักงานคนแรกชื่อน้องนา มาช่วยทำบัญชีและทำงานหลังบ้านด้วยกันทุกอย่าง เข้าสู่ปีที่ 3 จึงรับพนักงานเพิ่มอีก 2 คน คือ น้องมินท์กับน้องมุก โดยอุ๊จะเลือกทีมงานที่รักครอบครัวเป็นอันดับแรก เพราะถ้าเขาไม่รักครอบครัวคงไม่สามารถบริการลูกค้าให้รู้สึกถึงอินเนอร์ของทัวร์สไตล์ครอบครัวได้”

“นอกจากคัดพนักงานที่รักครอบครัวแล้ว อุ๊ก็ต้องมอบความเป็นครอบครัวให้กับเขาด้วย จะได้สะท้อนไปในเรื่องการทำงาน อุ๊มักจะสอนน้อง ๆ เสมอว่าเวลาทำโปรแกรมทัวร์ให้นึกถึงคุณพ่อคุณแม่หรือคุณตาคุณยายของเราเองว่าท่านจะโอเคกับโปรแกรมท่องเที่ยวแบบนี้ไหม อย่าคิดแค่ทำให้มันจบ ๆ ไป ให้คิด Journey ต่อด้วยว่าทำแล้วลูกค้าจะรู้สึกอย่างไร”

ทีมงาน บริษัท พาแม่เที่ยว. จำกัด

ก้าวต่อไปของทัวร์สไตล์ครอบครัวฯ

“สำหรับปีหน้า ทัวร์ของเราวางแผนจะออกเดินทาง 12 ทริปต่อเดือน ทั้งในและต่างประเทศ โดยเพิ่มจากปัจจุบันที่เฉลี่ย 8 ทริปต่อเดือน และจะพาไปตะลุยทวีปยุโรป รวมถึงโซนตะวันออกกลาง นอกจากนี้ เราจะแตกไลน์ธุรกิจเพิ่ม โดยให้เบิร์ดออกแบบทริปเอาใจนักเดินทางสาย Adventure เพราะเขาถนัดเที่ยวสไตล์นั้น”

เบิร์ด - “การเดินทางมีหลายแบบ ดังนั้น การทำทัวร์ก็สามารถออกแบบเส้นทางที่หลากหลายได้ โดยเฉพาะการไปท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่มีได้หลายมู้ด ไม่จำเป็นต้องเดินป่าสายลุยเต็มขั้น เพราะประเทศไทยมีธรรมชาติที่หลากหลาย เช่น ทุ่งดอกกระเจียวที่ชัยภูมิก็มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เดินไม่ยากอยู่ ไทยมีที่เที่ยวที่เป็นธรรมชาติสวย ๆ มากมาย แค่ต้องออกแรงเดินสักหน่อย และที่สำคัญอีกอย่างคือ ต้องไปให้ถูกช่วงถูกฤดู เพราะด้วยความเป็นธรรมชาติแต่ละช่วงเวลามีความสวยงามที่แตกต่างกัน” 

วันนี้คุณชวนพ่อแม่เที่ยวแล้วหรือยัง

“ใครที่ยังไม่เคยหรือไม่กล้าชวนพ่อแม่ออกไปเที่ยว ให้เริ่มจากจุดเล็ก ๆ ก่อน อย่ากระโดดข้ามขั้นด้วยการพาเขาขึ้นเครื่องบิน เพราะบางคนกลัวเครื่องบิน กลัวการเดินทาง อาจจะเริ่มต้นด้วยการพาท่านไปเที่ยวใกล้บ้าน ไปเดินห้าง ไปตลาดชุมชน แล้วถ่ายรูปให้เขาเก็บเป็นที่ระลึก ไม่ต้องโพสต์ลงโซเชียลก็ได้ แค่นั้นพ่อแม่ก็มีความสุขแล้ว จากการที่ได้แต่งตัวสวย ๆ ได้ดูแลตัวเอง ได้เห็นสังคมที่กว้างขึ้น การเริ่มจากจุดเล็ก ๆ เหมือนเป็นการจุดประกายให้เขาเริ่มรู้สึกว่าการออกไปเที่ยวนอกบ้านไม่ได้เป็นภาระของลูก”

“หลังจากพาพ่อแม่เที่ยวใกล้บ้านบ่อยแล้ว ค่อยพาไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ ตามกำลังเงินที่เรามี อย่าไปเปรียบเทียบกับคนในโซเชียล เราแค่เลือกสถานที่ที่เราไปได้โดยไม่ต้องใช้เงินเยอะ คนเราพอได้เริ่มออกไปเที่ยวก็จะเขยิบไปอีก Channel นึง เช่น ไปเที่ยวกับทัวร์ คนเป็นลูกต้องหมั่นสังเกต และต้องไม่คิดว่าสิ่งที่เรากำลังทำคือภาระ ค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นกิจวัตรสุดสัปดาห์ แม้ปากอาจจะบอกว่าไม่อยากไป แต่เชื่อเถอะว่าพ่อแม่อยากไปเที่ยว ลูก ๆ อาจจะตั้งเป้าหมายอะไรไว้หลอกล่อเขา เหมือนอย่างที่อุ๊ทำเพจพาแม่เที่ยวเพื่อให้แม่รู้สึกว่าเขาไปเที่ยวแล้วเราก็ได้งาน เป้าหมายอื่น ๆ เช่น เราไปเที่ยวเหนือกันบ่อย ถ้าอย่างนั้นเราค่อย ๆ ตามเก็บจังหวัดในภาคเหนือให้ครบกันไหม” 

“สิ่งที่อุ๊บอกกับคุณแม่และทุกครอบครัวเสมอ คือ เราต้องพาคนที่เรารักออกเดินทางด้วยกันในวันที่ยังเดินไหว เขาไม่ใช่แค่ได้ไปเที่ยว แต่ได้อยู่กับลูกหลาน ความทรงจำนั้นอาจจะเป็นความทรงจำเดียวของปีหรือครึ่งปีนั้น และมันจะเป็นความทรงจำที่เขาเก็บไว้กับตัว โดยที่อาจจะไม่ได้พูดกับเรา แต่เขาจะไปบอกคนนั้นคนนี้ว่าลูกของฉันพาไปเที่ยวมา นี่เป็นความภูมิใจของพ่อแม่ที่ทำให้เขามีเรี่ยวแรงที่จะไปที่นั่นที่นี่อีก การท่องเที่ยวไม่ใช่เรื่องสิ้นเปลืองและไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ทุกวันนี้แค่เราอยู่บ้านกดสั่งอาหารก็เปลืองแล้วค่ะ ดังนั้น การไปเที่ยวก็คือเราแค่เปลี่ยนช่องทางในการใช้เงินด้วยการไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง”

“เวลาชวนแม่ไปเที่ยว อุ๊มักจะบอกแม่เสมอว่าถึงหนูจะเสียตังค์ แต่มันทำให้หนูมีแรงในการทำงานหาเงิน เพื่อที่เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันอีก ไม่ว่าจะนานแค่ไหน นี่คือคำมั่นสัญญาต่อตัวเองที่เราอยากจะจดจำเอาไว้ว่า เมื่อมีเงินและมีเวลาต้องพาแม่เที่ยว”

ทำความรู้จักการท่องเที่ยวแบบทัวร์สไตล์ครอบครัวเพิ่มเติมได้ที่ ทัวร์สไตล์ครอบครัว by เพจพาแม่เที่ยว.