KARAVA แบรนด์ที่ดีไซน์องค์เทพสไตล์โมเดิร์นให้เข้ากับ ‘ยุคสมัยใหม่แห่งมูเตลู’

24 Oct 2023 - 10 mins read

Wealth / Business

Share

ถ้าพูดถึง ‘องค์เทพ’ คุณจินตนาการถึงรูปลักษณ์แบบไหน  

 

เชื่อว่าทุกบ้านที่นับถือศาสนาต่างก็ต้องมีมุมศักดิ์สิทธิ์สำหรับตั้งหิ้งพระ บูชาเทพเจ้าที่ตนนับถือ ในบ้านชาวไทยเชื้อสายจีนมีตี่จู้เอี๊ยะ บ้านชาวไทยพุทธมีหิ้งพระ เมื่อให้นึกถึงพระพุทธรูปหรือองค์เทพที่อยู่ที่บ้าน เชื่อว่าหลายคนคงมีภาพจำที่ไม่ต่างกันมาก ดูขลัง คลาสสิก เต็มไปด้วยสีสัน และเครื่องประดับประดามากมาย  

 

แต่ไม่ว่า ‘องค์เทพ’ ในมโนคติของคุณเป็นแบบไหน LIVE TO LIFE เราขอชวนมาทำความรู้จักกับ ‘องค์เทพสไตล์โมเดิร์น’ ดีไซน์ใหม่ ที่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ขององค์เทพแบบเดิมให้มินิมอล ต้อนรับยุคสมัยใหม่แห่งการมูเตลู 

 

KARAVA หรือ คารวะ เป็นแบรนด์องค์เทพตั้งโต๊ะสไตล์โมเดิร์น ซึ่งมีแนวคิดอยากเปลี่ยนดีไซน์ขององค์เทพแบบเดิมที่เราคุ้นเคยให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น โดยเป็นไอเดียของเพื่อนซี้ เคน - นันท์ธร พรกุลวัฒน์ และ บุ๊ค- หัสวีร์ วิรัลสิริภักดิ์ สองผู้ก่อตั้งเป็นสายมูกันทั้งคู่

 

ทั้งสองเป็นลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีนที่คุ้นเคยกับความเชื่อและความศรัทธาที่หลากหลาย นอกจากครอบครัวจะทำพิธีไหว้แบบชาวจีนแล้ว แต่ละบ้านยังมีหิ้งพระแบบชาวไทยพุทธ โดยเฉพาะบ้านของบุ๊คซึ่งเป็นนักสะสมพระตัวยงมาตั้งแต่รุ่นคุณตา 

 

เคนและบุ๊คเป็นเพื่อนร่วมคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้รู้จักกันใน CU Band ตอนนั้นเคนเรียนอยู่สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ ส่วนบุ๊คเรียนอยู่ในสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้ทำงานเกี่ยวกับ Data เป็นประจำ เขามองเห็นว่าเทรนด์ของหินมงคลกำลังมาแรงเป็นอย่างดีไม่มีตก ทั้งสองจึงชักชวนกันมาทำแบรนด์เครื่องประดับสายมูฯ ที่ชื่อว่า ‘Harmenstone’ ซึ่งเป็นเครื่องประดับสายมูดีไซน์สวย สวมใส่ง่าย แมตช์ได้กับทุกลุค เปลี่ยนภาพจำของเครื่องราง ของขลังแบบเดิม ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง  

 

นั่นเป็นเรื่องราวเมื่อราว 7 ปีที่แล้ว ก่อนจะมาเป็น Karava อย่างในวันนี้  

 

‘Harmenstone’ 

ก้าวแรกสู่เส้นทางสายมู 

 

“สมัยนั้นถ้าเราจะพกของมงคลติดตัวไปทำงาน สัมภาษณ์งาน หรือไปสอบ เราก็จะเห็นแต่เครื่องรางแบบเก่า เช่น ลูกประคำ หรือจตุคามรามเทพ มีแต่ของใหญ่ ๆ ที่ต้องพกไว้ในกระเป๋า เพราะใส่แล้วเขิน เราเลยนำองค์เทพที่เราบูชาอยู่แล้วมาดีไซน์เป็นเครื่องประดับที่โมเดิร์นขึ้น” เคนเล่าให้เราฟัง 

 

“เริ่มแรกมีเทรนด์เรื่องหินอย่างเดียว แต่หลัง ๆ มีเทรนด์ของขององค์เทพเข้ามาด้วย ตอนนั้นเทรนด์ของปี่เซียะค่อนข้างดี เราเลยหยิบมาดีไซน์ใหม่ให้โมเดิร์น เป็นเครื่องประดับที่มีหินมงคลและมีปี่เซียะอยู่ด้วย หลังจากนั้นเราก็นำไปทำพิธีบวงสรวงในที่ที่ขึ้นชื่อว่าขลังและมงคลที่สุด อย่างคอลเลกชันเจ้าแม่กวนอิมและองค์ปี่เซียะเราก็ไปทำพิธีที่วัดต้าเซียน ที่ฮ่องกง คอลเลกชันถ้ำนาคา เราก็ขึ้นไปทำพิธีที่ถ้ำนาคา เราพาเครื่องประดับไปรับพลังทุกที่และส่งต่อถึงมือลูกค้า” บุ๊คเสริม 

 

เคนบอกกับเราอีกว่าสิ่งนี้คือการ ‘เชื่อมโลกแห่งความศรัทธาและดีไซน์เข้าด้วยกัน’ 

 

นอกจากบุ๊คจะใช้ Data ในการสำรวจเทรนด์ผู้บริโภคและฟีดแบคต่าง ๆ จากลูกค้าเพื่อพัฒนาโปรดักส์แล้ว เขายังพบข้อมูลที่น่าสนใจจากกลุ่มลูกค้าด้วยว่าพวกเขาต้องการบูชาแบบเลเวลที่มากกว่าเครื่องประดับ กลุ่มลูกค้าเริ่มเรียกร้องให้มี ‘องค์เทพตั้งโต๊ะ’ และเมื่อความต้องการของลูกค้าสอดคล้องกับความต้องการองค์เทพในตลาดที่สูงขึ้นทุกวัน พวกเขาจึงเริ่มปลุกปั้นแบรนด์ KARAVA องค์เทพตั้งโต๊ะสไตล์โมเดิร์นขึ้นมา 

 

KARAVA - คารวะ 

 

เคนและบุ๊คเริ่มออกแบบองค์เทพ โดยมีโจทย์ คือ ‘องค์เทพสไตล์โมเดิร์น’  

 

“เราอยากให้เห็นว่าองค์เทพไม่จำเป็นต้องมีดีไซน์แบบเดิม แต่ปรับเปลี่ยนได้ตามยุคสมัย โดยที่คนทำยังทำด้วยความเคารพและศรัทธาในองค์เทพเช่นเดิม” เคนบอกกับเรา 

 

“คนเราเปลี่ยนไปตามยุคสมัย คนรุ่นใหม่อาจไม่ค่อยเก็ทดีไซน์เดิม ๆ อาจละเลยและปล่อยให้หายไปก็ได้ เราเลยอยากทำให้องค์เทพเป็นที่จดจำอีกครั้งด้วยการรีดีไซน์สิ่งเก่าให้เป็นสิ่งใหม่ เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำความรู้จักองค์เทพมากขึ้น ให้ได้เข้ามาขอพร กราบไหว้ เพื่อเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกดีและมั่นใจจะทำสิ่งต่าง ๆ ขึ้นได้” บุ๊คเสริม 

 

ทั้งสองเฟ้นหารูปทรงมินิมอลหลายรูปแบบจนท้ายที่สุดก็ได้แนวคิดการออกแบบที่เรียกว่า โมเดิร์นโพลีกอน (Modern Polygon) ซึ่งเป็นศิลปะการตัดทอนรูปทรงต่าง ๆ ให้กลายเป็นทรงเรขาคณิต ทำให้องค์เทพและองค์พระมีเหลี่ยมมุมที่สวยงาม แวววับเมื่อมีแสงตกกระทบ นับว่าเป็นดีไซน์ที่ลงตัวที่สุดเพราะนอกจากจะโมเดิร์นตามที่ตั้งโจทย์ไว้แล้ว องค์เทพยังดูขลังเหมือนเดิมอีกด้วย 

 

“อย่างองค์พระพิฆเนศปางประทานพร ท่านจะมีอาวุธที่ถืออยู่ในแต่ละพระหัตถ์ของพระองค์ทั้ง 4 พระหัตถ์ เราก็จะเก็บดีเทลที่สำคัญต่าง ๆ ไว้หมด แต่จะตัดทอนรูปทรงเศียรและชุดที่ใส่ ปรับให้เป็นรูปทรงโมเดิร์นโพลีกอน” เคนเล่าถึง ‘องค์พระพิฆเนศปางประทานพร’ บวงสรวงที่วัดสมานรัตนาราม จังหวัดฉะเชิงเทราม ซึ่งเป็นคอลเลกชั่นที่เรียกได้ว่าปังตั้งแต่เปิดตัว เพราะเปิดให้บูชาจำนวน 100 องค์ และมีคนจองหมดภายใน 5 นาที 

 

“ทุกองค์เป็นงานแฮนด์คราฟต์ทั้งหมด เราไม่สามารถทำเป็นแมสโปรดักชันได้ เพราะเราอยากทำให้ทุกองค์สวยที่สุด ทุกเหลี่ยมที่เห็น ช่างเขาขัดด้วยมือทุกองค์ และที่สำคัญเราต้องทำพิธีตามฤกษ์ด้วย” บุ๊คเสริม 

 

 

ความท้ายทายของ 

ธุรกิจที่ว่าด้วย ‘ความเชื่อ’ 

 

นอกจากความสวยงามแล้ว จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ Harmenstone ถึง KARAVA แบรนด์ให้ความสำคัญกับการทำพิธีบวงสรวงองค์เทพให้พร้อมสำหรับบูชา และต้องดูฤกษ์งามยามดีล่วงหน้าหลายเดือน ทำให้กว่าจะออกมาเป็นคอลเลกชันแรกได้นั้นใช้เวลาราว 2 ปี  

 

บุ๊คบอกกับเราว่าพวกเขาต้องให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน รีเสิร์ชข้อมูลเกี่ยวกับพิธีกรรมและทำตามกฎต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด เนื่องจากการทำแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความเชื่อและความศรัทธานั้นมีเรื่องละเอียดอ่อนให้ต้องคำนึงถึงอยู่มากมาย และที่สำคัญนอกจากดีไซน์สวยแล้ว องค์เทพต้องถูกต้องตามหลักบูชาด้วย 

 

 เคนเสริมว่า “การเป็นคนรุ่นใหม่ที่มาทำองค์เทพดีไซน์ใหม่ ก็จะมีเสียงวิจารณ์จากคนทั่วไปตั้งคำถามว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันถูกต้องหรือเปล่า มันเป็นแบบใหม่หรือเป็นแฟชั่นที่ไม่เคารพองค์เทพหรือเปล่า แต่เราก็มั่นใจมากเพราะเราตั้งใจทำอย่างดีทุกขั้นตอนจริง ๆ ” 

 

“ก่อนหน้านี้เราก็แค่พอรู้ว่าครูบาที่ไหนปัง ที่ไหนดี แต่เรายังเป็นแค่คนนอกวงการ เราเลยเริ่มศึกษาทุกอย่าง เข้าไปคลุกวงในมูเตลู ได้เจออาจารย์หลาย ๆ คน พระหลาย ๆ รูป ซึ่งมีทั้งท่านที่สนับสนุนและไม่สนับสนุน แต่ อาจารย์เทพ วรมัน เคยบอกว่าผมกับบุ๊คเป็นเหมือนตัวแทนที่ทำให้คนรุ่นใหม่หรือคนที่ไม่มีโอกาสได้ไหว้หรือบูชาองค์เทพได้มาเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งการที่เขาได้ศรัทธาแล้วทำให้เขาชีวิตดีขึ้นทั้งกายและใจ มันก็ถือเป็นบุญของเราด้วย อาจารย์ถึงบอกว่าถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำ เราเลยอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้องค์เทพแต่ละองค์อยู่คู่คนไทยต่อไปได้นาน ๆ”  

 

“เราได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เราดีใจที่เห็นลูกค้าได้สิ่งที่เราตั้งใจทำจริง ๆ ดีใจที่ได้เห็นลูกค้าใส่เครื่องประดับของเรา แล้วเขามั่นใจขึ้น ประสบความสำเร็จทั้งในชีวิตและด้านจิตใจ มีลูกค้าชอบองค์เทพและวางขึ้นบนหิ้งบูชา ผมมีความสุขที่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้” บุ๊คเสริม 

 

จากองค์เทพตั้งโต๊ะสู่ 

‘องค์พระพิฆเนศโพลีกอน’ ที่สูงที่สุดในโลก 

 

ปัจจุบันองค์เทพของ KARAVA มีทั้งหมด 3 ขนาด คือ 8 เซนติเมตร สำหรับตั้งบูชาที่โต๊ะทำงาน, ขนาด 18 เซนติเมตร สำหรับวางบนแท่นบูชา และสูงขึ้นมาอีกหน่อยคือแบบ 50 เซนติเมตร 

 

แต่ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ KARAVA จะมีการเปิดตัว ‘องค์พระศรีสิทธายะ เหนือดวง’ พระพิฆเนศโมเดิร์นโพลีกอน สูง 2.19 เมตร ซึ่งนับว่าเป็นองค์เทพโพลีกอนที่สูงที่สุดองค์แรกของโลก ที่จะไปประดิษฐานอยู่ที่เทวสถานพระศิวะพรหม นารายณ์ อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ 

 

“นับเป็นก้าวใหญ่ของเราเลยก็ว่าได้ จากแบรนด์เครื่องประดับสายมูกลายมาเป็นองค์พระที่ตั้งบูชา และกลายเป็นองค์พ่อองค์ใหญ่ที่คนไปขอพร เราอยากให้ลูกศิษย์ทั้งชาวไทยและต่างชาติไปกราบไหว้ และเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย และในอนาคตก็อยากให้องค์เทพที่เราดีไซน์เป็นแลนด์มาร์กกลางเมืองในสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ด้วย” 

 

“ตอนที่เราเริ่มทำแบรนด์ เราไม่คิดว่าสิ่งที่เราทำได้มันจะใหญ่ขนาดนี้ มันใหญ่กว่าภาพแรกที่เราคิดไว้มาก เพราะตอนนั้นเราคิดว่าอยากทำเครื่องประดับ อยากขายของเท่านั้น แต่เราไม่มีขอบเขตของการดีไซน์ ตอนอยู่วงนอกเราเริ่มจากการขบถต่อแบบออริจินัล ตอนแรกเรายังไม่รู้สิ่งนี้ถูกหรือผิดอย่างไร แต่คิดว่าสามารถทำได้และคอยดูผลลัพธ์ว่าการที่เราออกมาเดินนอกกรอบจะพาเราไปถึงที่ ไหนบ้าง จนท้ายที่สุดแล้วก็มีคนยอมรับ” 

 

“การที่เราทำองค์เทพองค์ใหญ่ขนาดนี้ก็มาจากความคิดของผมและบุ๊คที่เปลี่ยนไป สิ่งที่เราทำมันยิ่งใหญ่กว่าการขายของออนไลน์ เราอยากเป็นเทรนด์เซ็ตเตอร์ของมูเตลูยุคใหม่ อยากทำสิ่งที่มีพลังและยิ่งใหญ่มากกว่านี้” เคนบอกกับเรา 

 

The New Era of Mutelu 

 

เคนและบุ๊คเชื่อว่า ‘The New Era of Mutelu’ หรือ ‘ยุคสมัยใหม่แห่งมูเตลู’ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว นับต่อจากนี้ความศรัทธาและความเชื่อของผู้คนยังดำเนินต่อไปเพียงแต่รูปแบบจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โดยที่โอบรับผู้คนผู้มีความศรัทธาทุกคนเอาไว้ 

 

“นอกจากเรื่องดีไซน์ที่เปลี่ยนไปแล้ว The New Era of Mutelu ที่ผมอยากเห็นคือการทำบุญในมุมมองใหม่ที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้จริง ๆ และอยู่บนหลักการของความถูกต้อง เช่น การปล่อยปลา เราก็ต้องปล่อยให้ถูกวิธีเพราะมีปลาบางชนิดที่ปล่อยไม่ได้ หรืออย่างการที่เราเปิดให้ทำบุญสร้างองค์พระ ทำบุญให้กับศาสนสถาน เราก็มีการนำปัจจัยส่วนนั้นไปมอบให้กับมูลนิธิต่าง ๆ ด้วย ส่งไปถึงคนที่เดือดร้อนจริง ๆ อยากให้ยุคใหม่ของมูเตลูมองที่การช่วยเหลือสังคมมากขึ้น” 

 

 

“และอีกหนึ่งเรื่องคือ ปัจจุบันคนไหว้ขอพรองค์เทพหลายเรื่อง บางคนอาจจะขอให้ถูกหวย อาจจะขอให้ได้รับโอกาสที่ไม่คาดฝัน อาจจะขอให้สมัครงานได้ ขอให้มีแฟน แต่สำหรับผม พรศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับจากองค์เทพคือ ‘สติปัญญา’ ที่จะสามารถเข้าใจความเป็นไปของโลกและมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข ในศาสนาพุทธก็หมายถึงทางสายกลางและมีสติในการใช้ชีวิตต่อไป ไม่ได้หมายความว่าโชคลาภฉาบฉวยเป็นสิ่งไม่ดีนะ เพราะองค์พ่อก็ให้มาเยอะแล้วเหมือนกัน” เคนเล่าให้เราฟัง 

 

บุ๊คทิ้งท้ายไว้ว่า “สำหรับผมจริง ๆ แล้วแต่ก่อนไม่ค่อยขอพรเพราะเชื่อในตัวเองสูงมาก ปัจจุบันก็ยังเชื่อแบบนั้นอยู่ เพียงแต่พอได้รู้จักองค์เทพจริง ๆ จัง ๆ ได้ขอพรก็คิดว่าองค์เทพมีส่วนช่วยทางด้านจิตใจในวันที่เราทุกข์ ช่วยให้เราใช้แรงตัวเองเดินต่อไปได้โดยไม่เสียกำลังใจ” 

 

ติดตาม KARAVA และบูชาองค์เทพได้ที่ 

www.karavathailand.com 

Facebook : Karava Thailand 

Instagram : karava.th 

Line OA : @karava.th

 

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...