

PIPATCHARA พลิกตำราแบรนด์ที่ไปไกลกว่าแค่เรื่องของแฟชั่น
Wealth / Business
18 Oct 2022 - 10 mins read
Wealth / Business
SHARE
18 Oct 2022 - 10 mins read
อะไรคือเหตุผลที่ดาราฮอลลีวูดอย่างแอนน์ ฮาเธอเวย์ (Anne Hathaway) เลือกถือกระเป๋าของแบรนด์ไทย PIPATCHARA โดยคุณเพชร-ภิพัชรา แก้วจินดา ออกงานพรมแดง แน่นอนว่าคงไม่ใช่เรื่องของดีไซน์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ด้วยแนวคิด Brand for Community ที่เปลี่ยนขยะกำพร้ามาเป็นวัสดุสำหรับทำกระเป๋า ลองทำความรู้จักแนวคิดของเธอ อ่านจบเราอาจจะถามตัวเองว่า แล้วเราจะช่วยเหลือโลกของเราให้ยั่งยืนบ้างได้อย่างไร
“ต้องช่วยเหลือสังคม” ไอเดียแรกจากครอบครัว
ด้วยดีกรีการทำงานกับแบรนด์ดังอย่าง Chloé และ Givenchy จากปารีสมาก่อน ทำให้คุณเพชรออกตัวว่าตอนเริ่มต้นแค่อยากทำกระเป๋างานอาร์ตสวย ๆ แต่เมื่อหุ้นใหญ่ของแบรนด์คือคุณแม่และพี่สาวได้แนะนำให้เธอทำอะไรที่มีส่วนช่วยเหลือสังคมด้วย แนวคิด Brand for Community จึงถือกำเนิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับการก่อตั้งของแบรนด์
“เพชรขอให้เครดิตเรื่องนี้กับคุณแม่และพี่สาว (คุณทับทิม จิตริณี แก้วจินดา) เพราะเพชรมาสายแฟชั่นล้วน ๆ แต่พี่สาวบอกว่าถ้าอยากให้เป็นพาร์ตเนอร์ แบรนด์นี้ต้องมีส่วนช่วยเหลือสังคมด้วย เพชรยังจำได้ถึงทุกวันนี้ ส่วนคุณแม่แนะนำให้เราเข้าไปคุยกับมูลนิธิสติ เพื่อดูว่าสามารถจะมาเกี่ยวข้องกับแบรนด์เราตรงไหนได้บ้าง เลยได้ไอเดียการสอนชุมชนที่ภาคเหนือถักมาคราเม่ (Macrame ศาสตร์การถักเชือกโบราณของอาหรับ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดีเทลกระเป๋าของเรา กลายเป็นว่าได้ทีมที่สามารถช่วยเราถักได้ ส่วนนี้ก็เป็นรายได้เสริมที่สร้างความสุข สร้างทักษะให้กับพวกเขา ทำให้มุมมองการทำแบรนด์ของเพชรเปลี่ยนไปเลย เกิดคำว่า Brand for Community ขึ้นมา ทำให้เราเห็นว่าการทำอะไรเพื่อสังคมมันทำได้จริง ๆ”
และไม่ใช่แค่ตัวแบรนด์ที่เบนเข็มมาให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมช่วยเหลือชุมชน คุณเพชรเองก็ค้นพบความเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน “เพชรว่าไม่ใช่แค่วิธีการทำแบรนด์แล้ว แต่ตัวเพชรเองก็เปลี่ยนไปด้วย มันเป็นการปรับการใช้ชีวิตของเราไปเลย จากแต่ก่อนอยากได้กระเป๋าแบรนด์โน้นแบรนด์นี้ แต่ตอนนี้เรารู้สึกภูมิใจกับการเป็นตัวแทนของแบรนด์ PIPATCHARA สิ่งที่เราถือมันคือตัวแทนของคอมมูนิตี้”
วัสดุทางเลือกที่หลากหลายขยายฐานแฟนของแบรนด์
นอกจากการพัฒนาฝีมือแรงงานของชุมชนแล้ว ยังให้ความสำคัญกับวัสดุที่ใช้ เช่น การเลือกใช้หนังวัวที่ผ่านขั้นตอนการฟอกแบบยั่งยืน ไปจนถึงหนังแบบวีแกน อีกหนึ่งทางเลือกที่ให้ความสำคัญกับคนกลุ่มเล็ก ๆ แต่ได้ใจจนขยายฐานแฟนให้เติบโตขึ้น “หลายปีก่อนเพชรไปเจอคนทำหนังจากต้นกระบองเพชรอยู่ที่เม็กซิโก เด้งมาในเฟซบุ๊ก เพชรสนใจมากส่งอีเมลไปหาเขาตั้งหลายรอบกว่าจะตอบกลับ ตอนแรกเขาบอกว่าไม่เคยเอาหนังมาทำกระเป๋า ทำแต่เฟอร์นิเจอร์ แต่เราก็ยืนยันให้เขาลองส่งมา ปรากฏว่าเพชรเอาไปขึ้นรูปกระเป๋าแล้วเวิร์กมาก หนังเหนียว สีสวย ดูมีความแพง เลยเริ่มให้หนังวีแกนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับกระเป๋าในทุกรุ่น ลูกค้าสามารถเลือกได้เลยว่าอยากได้หนังวัว หรือ หนังวีแกน เมื่อไม่นานมานี้ H&M ก็เพิ่งออกข่าวว่าใช้หนังจากเจ้านี้เหมือนกัน แอบภูมิใจเหมือนกันว่า เรานี่ก็ตาถึงนะ และถึงแม้กลุ่มลูกค้าแนววีแกนอาจจะไม่ได้เยอะมากในตอนนี้ แต่สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือเราได้ใจคนกลุ่มนี้ เหมือนเขาเห็นว่าเราให้ความสำคัญกับเขานะ ถึงจะไม่ซื้อแต่แค่มาเป็นแฟนคลับเราก็ดีใจแล้ว”
เมื่อขยะที่ซาเล้งยังเมิน กลับสร้างมูลค่าเป็นกระเป๋าใบสวยที่ยอดออร์เดอร์พุ่งไม่หยุด
การนำขยะมาเปลี่ยนเป็นสิ่งของไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การหยิบเอาขยะพลาสติกกำพร้ามาแปลงโฉมเป็นแฟชั่นไอเท็มนั้นไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก คอลเล็กชัน Infinitude ของ PIPATCHARA ได้พลิกโฉมกระบวนการอัพไซเคิลใหม่ ด้วยการนำขยะพลาสติกกำพร้าที่รีไซเคิลต่อไม่ได้มาพัฒนาเป็นวัสดุในการทำกระเป๋ารุ่นนี้ โดยมีคุณทับทิมเป็นหัวเรือใหญ่ “พี่ทิมได้คลุกคลีอยู่กับปัญหาสิ่งแวดล้อมมานานแล้ว เราเคยคุยกันว่าลองเอาแฟชั่นมาจับกับเรื่องสิ่งแวดล้อมดู เราเลือกพลาสติกกำพร้าที่ไม่มีมูลค่าทางการตลาด โดยทำงานร่วมกับองค์กร Zero Waste YOLO เลือกฝาขวดน้ำที่เป็นสี ๆ ช้อนส้อม ภาชนะใส่อาหารต่าง ๆ ที่นำไปรีไซเคิลต่อไม่ได้ มาเข้าสู่กระบวนการ เช่น การหลอม การตัด การเจียร โดยใช้ฝีมือคนทั้งหมด ซึ่งเครื่องจักรไม่สามารถทำได้”
แค่เอาฝาขวดน้ำมาหลอมขึ้นรูปใหม่ ฟังแล้วเหมือนจะง่าย แต่เมื่อลงมือทำจริง ๆ กลับใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่ เกือบ 2 สองปี กว่าจะได้ชิ้นพลาสติกที่ต้องการ “พลาสติกที่นำมาใช้ เรียกว่า Post-Consumer Waste เป็นขยะที่นำมาจากครัวเรือนจริง ๆ เราไม่ได้ไปเอามาจากโรงงานพลาสติก รวมทั้งเราใช้สีธรรมชาติของพลาสติกแท้ ๆ ไม่ได้ใส่สีอื่นเพิ่มเข้าไป บางครั้งก็ต้องผสมพลาสติกอื่นเข้าไป เช่น สีขาวจากตัวกล่องใส่อาหาร และพลาสติกแต่ละแบบมีจุดหลอมเหลวที่ต่างกัน ทำให้การันตีได้ว่ากระเป๋าทุกใบจากคอลเล็กชัน Infinitude ที่ลูกค้าซื้อไปเท่ากับได้มีส่วนช่วยลดขยะเหล่านี้ออกมาจากกระบวนการกำจัดขยะ” ณ ตอนที่เราคุยกันอยู่แว่ว ๆ ว่า ตอนนี้มีการใช้ขวดยาคูลท์ถึง 30,000 ขวด ในการผลิตกระเป๋า รุ่นนี้ที่ Sold out ไปเป็นที่เรียบร้อย
จากวงการแฟชั่นในไทย เปิดตลาดความเป็นไปได้จากทั่วโลก
นอกจากการใช้วัสดุที่ Upcycle ได้ 100% แล้ว แบรนด์ PIPATCHARA ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาฝีมือแรงงานชุมชนอย่างยั่งยืน โดยร่วมกับกลุ่มครูในจังหวัดเชียงรายมาช่วยกันต่อจิ๊กซอว์แผ่นพลาสติกสี ๆ รวมถึงหนังกลับด้านในกระเป๋าก็เป็นหนังที่ผ่านกระบวนการฟอกอย่างยั่งยืนจากอิตาลี จนกลายเป็นกระเป๋าใบสวย และเต็มไปด้วยเรื่องราวที่แตกต่าง จนทำให้เป็นที่พูดถึงในวงกว้าง และส่งแรงกระเพื่อมถึงองค์กรใหญ่ ๆ ที่ได้เห็นศักยภาพของการสร้างสรรค์ขยะพลาสติกออกมาเป็นผลงานที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
“เรื่องราวของเราเมื่อคนอื่น ๆ ได้ฟังถึงที่มาของกระเป๋า ที่ทำจากฝาขวดยี่ห้อนี้นะ ช่วยเพิ่มมูลค่าและทำให้คนที่ซื้อไปรู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม ทำให้คนที่อยู่ในชนบทมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น เราไม่จำเป็นต้องเป็นนักอนุรักษ์นิยม แต่ก็สามารถเพื่อสังคมได้ หรือ บางองค์กรใหญ่ ๆ ก็ชวนเข้าไปดูวัสดุที่มีเผื่อได้ไอเดียไปต่อยอด เพชรเห็นแล้วก็ทึ่งมาก เขามีวัสดุรีไซเคิลที่สามารถนำไปทำเสื้อผ้า ทำหนัง ทำกระเป๋าได้หลายอย่าง ทำให้มีไอเดียพุ่งกระฉูด มีบริษัทที่ขายน้ำดื่มก็เริ่มติดต่อเข้ามาว่าให้นำฝาของเขาไปทำบ้าง หรือ YOLO ก็มีคนติดต่อให้ลองทำโปรเจกต์ใหม่ ๆ กับปริมาณขยะที่มีจำนวนมากขึ้นทุกวัน”
เสียงตอบรับระดับฮอลลีวูด
และล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมากระเป๋าแบรนด์สัญชาติไทยอย่าง PIPATCHARA ยังสร้างความฮือฮา เมื่อนางเอกชื่อดังจากฮอลลีวูดอย่าง “แอนน์ ฮาเธอเวย์” ได้ถือกระเป๋าหนังฝีมือดีไซเนอร์ไทยอวดโฉมในงานเปิดตัวซีรีส์ใหม่ท่ามกลางสื่อระดับโลก
“แอนน์เขาใช้กระเป๋าของเรามาสักพักแล้ว แต่เป็นลักษณะส่วนตัว เพชรก็ไม่ได้เอามาโปรโมตอะไร เพชรเคยเอาแบรนด์ไปออกงานอีเวนท์ที่นิวยอร์ก ได้มีโอกาสได้อธิบายและพูดคุยให้คนเข้าใจว่าแบรนด์เราคืออะไร ทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง เลยทำให้เริ่มมีคนรู้จักเรามากขึ้นที่นิวยอร์ก ส่วนที่เขาถือไปออกพรมแดง ตอนแรกไม่ทราบ รู้แค่ว่าสไตลิสต์ของแอนน์โทร.มาถามว่าเราสนับสนุนเพศที่สามหรือเปล่า เพราะแอนน์อยากจะติดธงที่กระเป๋า เราไม่มีปัญหาอยู่แล้ว จนได้เห็นว่าแอนน์เองลงรูปในไอจีส่วนตัวพร้อมแทคมาที่แบรนด์ของเรา อันนี้ตื่นเต้นมาก เพราะปกติดาราใหญ่ ๆ เขาไม่ค่อยแทคแบรนด์กัน ทำให้คนเริ่มเห็นและรู้จักแบรนด์ของเรามากขึ้นในวงกว้าง ตัวแอนน์เองก็มีแนวคิดสนับสนุนการทำอะไรเพื่อสังคมอยู่แล้ว เพชรรู้สึกเลยว่า สิ่งที่เราทำมา 4 ปีคือ สิ่งที่ดีนะ และภูมิใจที่คนดังระดับนี้ยังสนับสนุนเรา ทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่าเรามาถูกทางแล้ว”
มากกว่าแค่แฟชั่น แต่เป็นเรื่องของผู้คน
ณ วันนี้ ถ้าถามว่า PIPATCHARA มีความหมายอย่างไรสำหรับคุณเพชร เธอสามารถตอบแบบไม่ลังเลว่านี่เป็นเรื่องของ “คอมมูนิตี้” หรือ “ผู้คน” ไม่ใช่แค่ตัวเธอเอง ไม่ใช่แค่รายได้ หรือชื่อเสียง แต่เป็นการร่วมแรงร่วมใจของทีมงานทุกคน ทั้งในออฟฟิศ รวมถึงทีมชุมชนที่ภาคเหนือ และแรงกระเพื่อมของแบรนด์ที่ส่งผลต่อผู้คนทั้งทางตรงและทางอ้อม
“มีหลายครั้งที่ท้อมาก ๆ กับงาน พี่ทิมแนะนำให้เพชรขึ้นไปหาชุมชนที่เชียงรายและแม่ฮ่องสอนที่เขาทำงานให้เรา แค่ไปเห็นหน้าพวกเขาก็จะรับรู้ได้ถึงความภาคภูมิใจที่เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของ PIPATCHARA ไม่ใช่แค่เรื่องของรายได้ที่พวกเขาได้เพิ่มขึ้น แต่เขามองเพชรเหมือนคนในครอบครัวที่นำสิ่งดี ๆ มาให้ชีวิตพวกเขา กับทีมงานที่ออฟฟิศเพชรก็ภูมิใจที่ได้เห็นพัฒนาการของพวกเขา ที่มีส่วนช่วยให้แบรนด์เติบโต ทำให้เพชรได้พลังบวกกลับมาแบบเกินร้อย และมีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ทำอะไรดี ๆ ให้ชุมชนต่อไป ในอนาคต เพชรอยากเห็นแบรนด์ดำเนินต่อไปได้แม้จะไม่มีเพชรก็ตาม แต่จุดยืนสำคัญอย่าง Brand for Community ยังต้องอยู่ต่อไป เป็นแบรนด์ที่ทำอะไรซักอย่างคืนกลับสู่สังคมอย่างยั่งยืน”
เครดิตภาพจาก : Instragram Pipa https://bit.ly/3V70nJL