เงินบาทแข็งค่า ใครว่าไกลตัว ! รู้วิธีวางแผนการเงินและเลือกลงทุนรับมือค่าเงินบาทผันผวน

07 Oct 2025 - 4 mins read

Wealth / Money

Share

เงินบาทแข็งค่า ไม่ใช่เรื่องไกลตัว !

 

ใครที่คิดว่า “วิกฤติเงินบาทแข็งค่า เป็นปัญหาของบริษัทที่ทำธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้าเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนทั่วไปหรือมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ” อาจต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ก่อนจะพลาดโอกาสทางการเงินโดยไม่รู้ตัว

 

เพราะในความเป็นจริงแล้ว ตราบใดที่ยังต้องใช้จ่ายเงินบาท ทุกคนย่อมได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าเสมอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ ที่เงินบาทแข็งค่าสูงสุดในรอบ 4 ปี และเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับทุกสกุลเงินในประเทศต่าง ๆ ของทวีปในเอเชียแล้ว ปรากฏว่าเงินบาทแข็งค่าสูงเป็นอันดับสอง รองจากสกุลเงินดอลลาร์ไต้หวันเท่านั้น

 

การติดอาวุธความรู้เรื่อง ‘กลไกการแข็งค่าของเงินบาท’ รวมถึงเรื่อง ‘การวางแผนการเงินและเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ค่าเงินบาทผันผวน’ จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับสร้างภูมิคุ้มกันด้านการเงินให้กับตัวเอง ซึ่งไม่เพียงช่วยให้รับมือกับวิกฤติเงินบาทแข็งค่าได้อย่างเข้าใจ แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงเสียโอกาสทางการเงินได้ด้วย

 

ดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยเชื่อว่า เงินบาทแข็งค่า เป็นเรื่องห่างไกลตัว หรือไม่คิดสนใจวิกฤติเงินบาทแข็งค่ามาก่อน นี่คือบทความที่ LIVE TO LIFE อยากให้คุณอ่าน

 

 

เงินบาทแข็งค่าได้อย่างไร ?

ทำความเข้าใจกลไกการแข็งค่าของเงินบาท

ในทางการเงิน ‘ค่าเงิน’ หรือ ‘อัตราแลกเปลี่ยน’ เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง เพราะสามารถเปลี่ยนแปลงมูลค่าให้เพิ่มมากขึ้นหรือลดน้อยลงได้ตลอดเวลา

 

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ค่าเงินผันผวน เกิดได้จากหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจของโลก นโยบายการเงินของประเทศมหาอำนาจ นโยบายการค้าระหว่างประเทศ สงครามการค้า รวมถึงสภาพเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ

 

แต่สำหรับความผันผวนของค่าเงินบาท ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปัจจัยภายนอกประเทศ โดยเฉพาะทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของ ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Federal Reserve หรือ FED) ซึ่งมีหน้าที่สำคัญเหมือนกับธนาคารแห่งประเทศไทย นั่นคือคอยดูแลรักษาระบบการเงินและเศรษฐกิจของประเทศให้มีเสถียรภาพ

 

ประกอบกับ ‘ดอลลาร์สหรัฐฯ’ (US Dollar) เป็นสกุลเงินที่ทรงอิทธิพลที่สุด ทุกการค้าระหว่างประเทศต้องอ้างอิงและแลกเปลี่ยนผ่านดอลลาร์สหรัฐฯ เสมอ ดอลลาร์สหรัฐฯ จึงไม่ใช่แค่สกุลเงิน”มาตรฐานกลาง” ในโลกธุรกิจ แต่ยังคอยกุมชะตาการเงินโลกเอาไว้ เพราะทุกสกุลเงินจะต้องเปรียบเทียบมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐฯ เสมอ เพื่อให้รู้มูลค่าที่แท้จริงในช่วงเวลานั้น ๆ ว่า ‘อ่อนค่า’ หรือ ‘แข็งค่า’

 

ถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะอยากรู้แล้วว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า ?

 

ในทางทฤษฎี กลไกการแข็งค่าของเงินบาท (Baht Appreciation) จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ ความต้องการ (อุปสงค์) เงินบาทมีมากกว่าปริมาณ (อุปทาน) เงินบาทที่มีอยู่ในตลาด หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ยิ่งมีคนต้องการซื้อเงินบาทมากขึ้นมากเท่าไหร่ เงินบาทยิ่งแข็งค่าต่อเนื่องมากขึ้นเท่านั้น จากหลาย ๆ กรณี เช่น

  • นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (โดยเฉพาะมาตรการลดดอกเบี้ย) หมายความว่า หากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มลดดอกเบี้ย นักลงทุนจะลดการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วหันมาลงทุนในสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าอย่างเงินบาทแทน จึงทำให้เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
     
  • เงินทุนไหลเข้า หมายความว่า มีนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากเข้าซื้อสินทรัพย์ในประเทศไทย เพราะนักลงทุนต่างชาติมองเห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพ หรืออัตราดอกเบี้ยของไทยให้ผลตอบแทนสูงกว่าประเทศอื่น ๆ จึงตัดสินใจนำเงินต่างประเทศมาแลกเป็นเงินบาท เพื่อลงทุนในตลาดหุ้น พันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย เงินบาทจึงเป็นที่ต้องการมากขึ้นและแข็งค่าในที่สุด
     
  • ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล หมายความว่า ประเทศกำลังมีรายรับสุทธิจากต่างประเทศมากกว่ารายจ่ายที่ส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งเกิดจากมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการสูงกว่าการนำเข้า ทำให้ประเทศไทยมีเงินต่างประเทศ (เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ) เข้ามาในประเทศจำนวนมาก เงินตราต่างประเทศที่เข้ามาเหล่านี้จะถูกนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท เพื่อใช้จ่ายในประเทศ ทำให้ความต้องการเงินบาทสูงขึ้น เงินบาทจึงแข็งค่า

 

ส่วนกรณีเงินบาทแข็งค่าที่สุดในรอบ 4 ปี ทางด้านธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่ได้ชี้ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาทันที คือ ส่งผลกระทบด้านการเงินในระยะยาวที่ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

 

 

เงินบาทแข็งค่ากระทบเงินในกระเป๋าอย่างไร ?

รู้ทันผลกระทบรอบด้านจากเงินบาทแข็งค่า

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ‘เงินบาทแข็งค่า’ หมายถึง เงินบาทมีมูลค่ามากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หรือก็คือ ใช้จำนวนเงินบาทเท่าเดิม แลกเปลี่ยนเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้เยอะขึ้น

 

ตัวอย่างเช่น นางสาว A ต้องการแลกเงินบาทเป็นเงิน 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อนำไปใช้จ่ายระหว่างท่องเที่ยวที่นิวยอร์กในธันวาคม จึงดูอัตราแลกเปลี่ยนย้อนหลัง ทำให้นางสาว A เห็นความเปลี่ยนแปลงของค่าเงินชัดเจนว่า

  • เดือนเมษายน อัตราแลกเปลี่ยน 35.00 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ
  • เดือนกันยายน อัตราแลกเปลี่ยน 31.50 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ
  • เดือนตุลาคม อัตราแลกเปลี่ยน 32.00 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ

 

หากนางสาว A รีบแลกเงินตั้งแต่เดือนเมษายน จะต้องใช้เงินมากถึง 105,000 บาท แต่ถ้าแลกในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ค่าเงินบาทแข็งค่าที่สุด จะใช้เงินเพียง 94,500 บาท (ประหยัดไป 10,500 บาท) หรือถ้าแลกในเดือนตุลาคม จะใช้เงินเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยเป็น 96,000 บาท (เพิ่มขึ้น 2,500 บาท) เพราะเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าลง

(อัตราแลกเปลี่ยนที่เห็นในภาพ และที่ปรากฏในเนื้อหาบทความ ไม่ใช่อัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน
แนะนำให้ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศด้วยตนเอง
ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสถาบันการเงินที่ต้องการใช้บริการ)

 

นอกจากนี้ เงินบาทแข็งค่ายังส่งผลกระทบกับแง่มุมการใช้จ่ายและธุรกิจอื่น ๆ เป็นวงกว้าง ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ฝ่าย คือ

  • ฝ่ายที่ได้รับผลทางบวกหรือประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า ธุรกิจนำเข้าและผู้ประกอบการที่ต้องสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ จะได้จ่ายต้นทุนที่ถูกลง เพราะเงินบาทแข็งค่าทำให้ซื้อของต่างประเทศได้เยอะขึ้น หากมีหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศ มูลค่าของหนี้จะลดลงตามไปด้วย ส่วนคนทั่วไปที่ต้องการซื้อสินค้านำเข้าก็จะได้จ่ายเงินถูกลงเช่นเดียวกัน รวมถึงคนที่ไปทำงานต่างประเทศแล้วหวังส่งรายได้โอนกลับมาเป็นสกุลเงินบาท จะรู้สึกดีใจเป็นพิเศษ เพราะทำงานเท่าเดิมแต่ได้เงินมากขึ้น
     
  • ฝ่ายที่ได้รับผลทางลบหรือเสียประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า ธุรกิจส่งออกไปยังต่างประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงขาดทุนสูง ด้านผู้ประกอบการที่รับรายได้เป็นสกุลเงินต่างประเทศ มีรายได้ลดลง เพราะนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินในประเทศได้มูลค่าน้อยลงกว่าเดิม โดยเฉพาะการท่องเที่ยวจะซบเซา และอาชีพที่พึ่งพาการท่องเที่ยวจะขาดรายได้ เพราะเงินบาทแข็งค่า ทำให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศต้องจ่ายแพงขึ้น จึงไม่เลือกมาเที่ยวที่ประเทศไทย รวมถึงคนที่ไปทำงานต่างประเทศแล้วหวังส่งรายได้โอนกลับมาเป็นสกุลเงินบาท จะเหนื่อยมากขึ้น เพราะทำงานเท่าเดิมแต่ได้เงินลดลง

 

ความน่ากังวลของเงินบาทแข็งค่า คือผลกระทบที่ส่งผลเป็นโดมิโนในทุกระดับเศรษฐกิจ เริ่มตั้งแต่ภาคการส่งออกที่เป็นธุรกิจรายได้หลักของประเทศ ซึ่งชะลอตัวหรือโตช้าลง มาจนถึงภาคเศรษฐกิจสังคมและครัวเรือน คือเรื่องปากท้อง เงินในกระเป๋า และความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของคนในประเทศ ซึ่งเสี่ยงขาดรายได้ และโอกาสในการทำงาน ยิ่งตอกย้ำถึงความจริงที่ว่า ‘เงินบาทแข็งค่า ไม่ใช่เรื่องไกลตัว’

 

 

เงินบาทแข็งค่าควรวางแผนการเงินอย่างไร ?

รู้วิธีเลือกลงทุนรับมือค่าเงินบาทผันผวน

การวางแผนการเงินและเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ค่าเงินบาทผันผวน คือวิธีสร้างภูมิคุ้มกันด้านการเงินที่คนวัยทำงานไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นโอกาสที่ช่วยสร้างความมั่งคั่งผ่านการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้ โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่กำลังสร้างอนาคต

 

แนวทางการลงทุนที่น่าสนใจมีดังนี้

 

วิธีที่ 1 เลือกลงทุนในกองทุนต่างประเทศที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Fully Hedged) ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของมูลค่าการลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอน ที่สำคัญคือช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการขาดทุนที่มากเกินไปจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหรืออัตราแลกเปลี่ยน

 

วิธีที่ 2 เน้นลงทุนในธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาท เช่น กลุ่มธุรกิจนำเข้าสินค้าและพลังงาน, กลุ่มธุรกิจที่พึ่งพาตลาดในประเทศสูง แต่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบนำเข้าจำนวนมาก และกลุ่มธุรกิจที่ต้องการซื้อเครื่องจักรหรือใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพราะการแข็งค่าของเงินบาทช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้จ่ายต้นทุนถูกลง และเพิ่มโอกาสทำกำไรภายในประเทศได้

 

วิธีที่ 3 พิจารณาการลงทุนในต่างประเทศแบบไม่ป้องกันความเสี่ยง (Unhedged) เป็นไปได้ยากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปล่อยให้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เพราะในท้ายที่สุดจะมีมาตรการเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท หรือทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง จึงเป็นโอกาสหนึ่งที่สร้างผลต่อแทนได้ด้วยการทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงิน

 

วิธีที่ 4 ฝากเงินตราต่างประเทศผ่านบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Deposit หรือ FCD) เหมาะกับสถานการณ์เงินบาทจะแข็งค่าต่อเนื่อง และคนที่ต้องการถือเงินตราต่างประเทศในระยะยาว นอกจากจะช่วยจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว ยังได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเหมือนบัญชีเงินออมทรัพย์ทั่วไป สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่จะได้รับ ก็ขึ้นอยู่กับสกุลเงินที่เปิดบัญชี

 

แต่การลงทุนควรกระจายความเสี่ยงให้ครอบคลุมทุกรูปแบบ จะได้ไม่ต้องกังวลใจกับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น เปรียบเหมือน ‘ไม่ใส่ไข่ทุกใบไว้ในตะกร้าใบเดียว’ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดยังมีความผันผวน เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน ช่วยให้ไม่สูญเสียเงินทุนทั้งหมด และเพิ่มโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

 

สำหรับคนที่กำลังมองหาช่องทางการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง LIVE TO LIFE และไม่ต้องกังวลกับการแข็งค่าของเงินบาท ขอแนะนำ ผลิตภัณฑ์ประกันของไทยประกันชีวิต เพื่ออนาคตที่มั่นคง พร้อมสิทธิลดหย่อนภาษี*

  • ไทยประกันชีวิต มันนี่ ฟิต รีไทร์ (G) (บำนาญแบบลดหย่อนได้) ประกันเพื่อชีวิตหลังเกษียณ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการวางแผนเกษียณ สมัครได้โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพและไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ เลือกระยะเวลาชำระเบี้ยฯ ได้ 3 แบบ คือ 5 ปี,10 ปี, และถึงอายุ 60 ปี รับเงินบำนาญแน่นอนทุกปี สูงสุดปีละ 35% ตั้งแต่อายุ 60 ปี จนถึงอายุครบ 85 ปี คุ้มครองกรณีเสียชีวิตทั้งช่วงก่อนรับเงินบำนาญและช่วงรับเงินบำนาญ เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญรับสิทธิในการหักลดหย่อนภาษี เพิ่มขึ้นอีก 200,000 บาท รวมลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาทต่อปี*
  • ไทยประกันชีวิต มันนี่ ฟิต เวลท์ตี้ 18/4 (มีเงินปันผล) ประกันเพื่อการออมเงินและลดหย่อนภาษี เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผู้ที่ต้องสร้างหลักประกันที่มั่นคงในชีวิต สมัครได้โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพและไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ ด้วยจำนวนเงินเอาประกันภัย เริ่มต้น 50,000 บาท รับเงินคืนระหว่างสัญญาทุกปี ตลอดสัญญา รับเงินคืนขั้นต่ำ 418% พร้อมโอกาสรับเงินปันผลเมื่อครบกำหนดสัญญา ให้คุ้มครองชีวิตสูงสุด 400% และรับสิทธิพิเศษ ไทยประกันชีวิตฮอตไลน์ บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางการแพทย์ ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี*

*การลดหย่อนภาษีเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

• ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดของกรมธรรม์ประกันภัยก่อนตัดสินใจทำประกันภัย

 

ข้อมูลทั้งหมดของบทความนี้ เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นสำหรับการวางแผนการเงินและการลงทุนในภาพรวม การตัดสินใจลงทุนรับมือค่าเงินบาทผันผวน ต้องพิจารณาจากข้อมูลสถานการณ์ปัจจุบัน เป้าหมายทางการเงิน และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องอยู่ตลอด โดยเฉพาะนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา เพราะมีผลกระทบโดยตรงต่อทิศทางของค่าเงินบาทในอนาคต

 

 

อ้างอิง

  • ธนาคารแห่งประเทศไทย. ค่าเงินบาทแข็ง VS ค่าเงินบาทอ่อน ใครได้ ใครเสีย ?. http://bit.ly/46MHfY9
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย. รับมืออย่างไรเมื่อค่าเงินบาทไทยผันผวน. http://bit.ly/3Kx8Sgu
  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย. บาทแข็ง ดอกลด ลงทุนอย่างไร. http://bit.ly/3VMK7iW
  • Yuichi Nitta. Strong baht looms over Thailand's new PM, incoming central bank chief. http://bit.ly/4mHiYJ1

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...