รักที่ดีต้องมีหลักประกัน รวมเรื่องควรรู้ก่อนซื้อประกันให้คนรัก ตอบโจทย์ชีวิตคู่ที่มั่นคง

06 Feb 2025 - 3 mins read

Wealth / Money

Share

‘รักที่มั่นคง’ ควรเป็นแบบไหน ?

 

‘รัก’ คือ สิ่งสวยงามเสมอ เพราะทำให้ชีวิตของเราทุกคนมีคุณค่าและมีความหมาย แต่ ‘รักที่มั่นคง’ ไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยความรู้สึกผูกพันระหว่างเธอกับฉันเพียงอย่างเดียว เพราะความรักยังต้องการ ‘หลักประกัน’ ที่จะช่วยสร้างความอุ่นใจให้ทั้งคู่พร้อมจับมือก้าวเดินเคียงข้างกันไปบนเส้นทางชีวิตรักได้อย่างราบรื่นและยืนยาว

 

ก่อนเข้าสู่เนื้อหาหลักของบทความนี้ LIVE TO LIFE อยากชวนทุกคนที่มีคู่ ที่ยังไม่ได้เริ่มต้นสร้างหลักประกันให้ชีวิตรักสักที มาสำรวจความพร้อมและความเร่งด่วนของการสร้างหลักประกันให้ชีวิตรักมั่นคง ด้วยเช็กลิสต์คำถามทั้ง 6 ข้อต่อไปนี้ เพียงเลือกตอบว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’

 

(1) ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ ที่คุณและคู่รัก ได้ตกลงใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน โดยจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

(2) ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ ที่คุณและคู่รัก ต่างฝ่ายต่างมีเงินสำรองเพียงพอสำหรับใช้จ่ายยามฉุกเฉินได้นานมากกว่า 12 เดือน

(3) ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ ที่คุณและคู่รัก ต่างฝ่ายต่างมีประกันชีวิตและประกันสุขภาพเป็นของตัวเอง

(4) ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ ที่คุณและคู่รัก ไม่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพและด้านการเงิน คือ ร่างกายแข็งแรงและมีเงินเพียงพอเอาไว้ให้ใช้จ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาล หากคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนเกิดเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ

(5) ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ ที่คุณและคู่รัก ต่างฝ่ายต่างไม่ใช่เสาหลักของครอบครัว คือ ไม่มีภาระความรับผิดชอบที่ต้องดูแลคนข้างหลัง เช่น พ่อแม่ในวัยเกษียณ น้องที่ยังอยู่ในวัยเรียน หรือลูกติดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

(6) ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ ที่คุณและคู่รัก ได้ตกลงวางแผนการใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายร่วมกันเอาไว้แล้ว

 

ยิ่งตอบ ‘ไม่ใช่’ มากเท่าไหร่ คุณและคู่รักยิ่งตกอยู่ในความเสี่ยงด้านการเงินมากเท่านั้น นั่นหมายความว่า หากใครสักคนหรือทั้งคู่ประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยเฉพาะในยามที่ต้องใช้จ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อประคับประคองชีวิตให้ดำเนินต่อไปในวันข้างหน้า เช่น เจ็บไข้ได้ป่วย หรือกรณีร้ายแรงที่สุดคือต้องสูญเสียคนรักไปอย่างกะทันหัน มีความเป็นไปได้สูงว่า จากคู่รักที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันอย่างปกติสุข จะพลิกผันกลายเป็นความยากลำบากอย่างที่ใครหลายคนคาดไม่ถึง

 

แต่ความน่ากังวลด้านการเงินทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคู่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเองและคนที่รักได้ ถึงเวลาแล้วที่ คู่รักต้องจริงจังกับการสร้างหลักประกันให้ชีวิตคู่ นี่คือสิ่งสำคัญที่เริ่มต้นวางแผนได้ทันที เท่ากับว่า ยิ่งลงมือวางแผนไว ยิ่งส่งผลดีกับชีวิตรักตามไปด้วย เพราะ ‘รักที่ดี’ ต้องมี ‘หลักประกัน’ ที่พร้อมทำให้ชีวิตคู่ไม่ต้องกังวลกับความไม่แน่นอนของอนาคต

 

ในบทความนี้ LIVE TO LIFE ได้สรุปเรื่องควรรู้ 3 ข้อ ที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถตัดสินใจเลือกซื้อประกันให้ตอบโจทย์ชีวิตคู่มากที่สุด เป็นข้อมูลที่เหมาะสำหรับคู่รักและใครก็ตามที่กำลังวางแผนซื้อประกันให้กับคนสำคัญในชีวิต หรือกำลังมองหาหลักประกันที่จะทำให้รักมั่นคง เพื่อสร้างชีวิตคู่ที่มีทั้งความรัก ความสุข และความมั่นคงจากหลักประกันที่ทั้งสองเลือกเองได้

 

 

เรื่องควรรู้ข้อที่ 1

เหตุผลที่คู่รักต้องทำประกันทั้งคู่

ทำแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้เหรอ ? 

ถ้าเลือกหรือออกแบบชีวิตได้ดั่งใจ LIVE TO LIFE เชื่อว่า คู่รักทุกคู่จะเลือกอยู่ดูแลกันและกันไปจนแก่เฒ่า แต่ในความเป็นจริง ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดอะไรในวันพรุ่งนี้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทั้งคู่ต้องมีประกันชีวิตและประกันสุขภาพเป็นของตัวเอง

 

เพราะการสร้างหลักประกันในชีวิตคู่ ถือเป็นการวางแผนเพื่อความมั่นคงในอนาคตที่ยืนยาวร่วมกันระหว่างคู่รัก การทำประกันเอาไว้ทั้งสองฝ่าย ย่อมได้รับผลประโยชน์เรื่องความคุ้มครองที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ชีวิตคู่ได้ตรงจุดมากกว่า

 

ในกรณีเจ็บป่วย ประกันสุขภาพที่มีอยู่จะกลายเป็นเกราะกันชนอย่างดี ทั้งช่วยลดแรงกระแทกและผ่อนหนักเป็นเบาให้คู่รักไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจหรือวิ่งเต้นหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่อาจบานปลายได้ทุกเมื่อ เพราะประกันสุขภาพจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้แทน ทั้งค่ารักษา และค่าชดเชยอื่น ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่แต่ละคนเลือกทำเอาไว้ก่อนหน้า

 

ในกรณีเสียชีวิต หากคู่รักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต อีกฝ่ายจะได้รับเงินก้อนจากกรมธรรม์ประกันชีวิตก็ต่อเมื่อมีชื่อเป็นผู้รับผลประโยชน์ แต่ถ้าหากคู่รักเสียชีวิตพร้อมกัน เงินประกันจะตกเป็นของผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุชื่อเอาไว้ หรือทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเงินจำนวนนี้จะช่วยให้ผู้รับผลประโยชน์สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างหมดห่วง

 

 

เรื่องควรรู้ข้อที่ 2

ควรเลือกใครให้เป็นผู้รับผลประโยชน์

ใส่ชื่อแฟนที่ยังไม่จดทะเบียนได้ไหม ?

หากเป็นคู่รักที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย การตัดสินใจเลือกใส่ชื่อใครให้เป็นผู้รับผลประโยชน์คงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะต่างฝ่ายมักจะใส่ชื่อคู่ชีวิตของตัวเองอยู่แล้ว แต่สำหรับคู่รักที่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสด้วยกัน ก็ไม่ต้องคิดหนักว่าจะใส่ชื่อคนที่ตนรักมาตลอดไม่ได้ เพราะกรมธรรม์ประกันชีวิตในปัจจุบันเปิดกว้างและให้อิสระในเรื่องนี้

 

หมายความว่า เจ้าของกรมธรรม์ประกันชีวิตมีสิทธิ์ตัดสินใจอย่างเต็มที่ว่าจะใส่ชื่อใครก็ได้เป็นผู้รับผลประโยชน์ เพราะไม่จำกัดผู้รับผลประโยชน์ว่าต้องเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเท่านั้น คู่รักทุกคู่จึงสามารถทำประกันชีวิตเพื่อดูแลกันและกันได้ตามความตั้งใจ

 

ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ต้องมีหลักฐานเอกสารที่รับรองความสัมพันธ์ระหว่างผู้ทำประกันและผู้รับผลประโยชน์ เช่น ภาพถ่ายตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตด้วยกัน สมุดบัญชีเงินฝากที่เปิดร่วมกัน เอกสารในธุรกิจที่ทำร่วมกัน หรือมีชื่อในอสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้รับผลประโยชน์ที่ไม่ใช่ทายาทโดยชอบธรรมตามกฎหมายมุ่งร้ายไม่ประสงค์ดีกับผู้ทำประกันเพื่อหวังเงินประกันชีวิต

 

นอกจากนี้ ผู้ทำประกันชีวิตยังสามารถใส่ชื่อผู้รับประโยชน์ได้มากกว่า 1 ชื่อ เพียงแต่ต้องกำหนดสัดส่วนที่แต่ละคนจะได้รับเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ชัดเจน และเมื่อรวมสัดส่วนของทุกชื่อแล้ว ต้องได้จำนวนครบ 100% พอดี

 

 

เรื่องควรรู้ข้อที่ 3

หลังจากทำประกันชีวิตแล้ว

นำไปลดหย่อนภาษีได้อย่างไร ?

การทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพให้กับคนที่รัก เป็นมากกว่าการมอบความรักและความปรารถนาดีที่คู่รักมีต่อกัน เพราะว่าการทำประกันเป็นการวางแผนทางการเงินในระยะยาวสำหรับอนาคตที่อาจไม่แน่นอน เพื่อสร้างหลักประกันให้ชีวิตคู่มั่นคงและยั่งยืนร่วมกัน 

 

นอกเหนือจากผลประโยชน์ความคุ้มครองที่จะได้รับแล้ว เจ้าของกรมธรรม์ยังสามารถนำเบี้ยประกันที่จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้วางแผนภาษีได้คุ้มค่า

 

โดยประกันแต่ละประเภท สามารถลดหย่อนภาษีได้แตกต่างกัน ตามที่กรมสรรพากรกำหนดไว้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ‘ประกันลดหย่อนภาษี’

 

สำหรับคู่รักที่กำลังมองหาประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ทั้งความคุ้มครองและความคุ้มค่า ที่จะช่วยสร้างหลักประกันให้ชีวิตคู่มั่นคงกว่าเดิม LIVE TO LIFE ขอแนะนำ ไทยประกันชีวิต คุ้มธนกิจ 99/20 (Nn) เพราะแผนประกันชีวิตสามารถเป็นกองทุนมรดกที่สร้างหลักประกันที่มั่นคง มอบแด่ครอบครัวหรือคนที่รักได้ โดยชำระเบี้ยประกันเพียง 20 ปี ให้ความความคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี กรณีเสียชีวิต หรือครบกำหนดสัญญา จะได้รับเงินก้อน 100%* ส่วนเบี้ยประกันชีวิต สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี ตามที่กรมสรรพากรกำหนด

*ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์

 

แล้วอย่าลืมชวนคนที่คุณรักมาร่วมกันสร้าง ‘หลักประกัน’ ให้ตอบโจทย์ชีวิตคู่ที่มั่นคง เพราะว่า ‘รักที่ดีต้องมีหลักประกัน’

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...