พ่อแม่แก่ลงทุกวัน มีประกันผู้สูงอายุหรือยัง ? ชวนลูก ๆ วางแผนทำประกันให้พ่อแม่สูงวัยไร้กังวล

08 Aug 2025 - 3 mins read

Wealth / Money

Share

อะไรคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ? สำหรับลูกที่ต้องดูแลพ่อแม่ยามแก่ชรา

 

เมื่อพ่อแม่มีอายุมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งตกอยู่ในความเสี่ยงเจ็บไข้ได้ป่วยง่ายตามสภาพร่างกายที่เสื่อมถอยลงมากเท่านั้น LIVE TO LIFE จึงมั่นใจว่า คงไม่มีสิ่งใดจะน่ากลัวและสร้างความหวั่นใจให้คนเป็นลูกได้มากเท่า ‘ค่ารักษาพยาบาล’ ของพ่อแม่ในวันที่พวกท่านไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง เพราะชีวิตคือความไม่แน่นอน และเรื่องไม่คาดฝันก็อาจเกิดขึ้นกับพ่อแม่ได้ทุกวินาที

 

แต่เรื่องนี้จะน่ากลัวน้อยลงทันที หรือไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอีกต่อไป หากคนเป็นลูกได้เตรียมความพร้อมและวางแผนรับมือไว้ล่วงหน้าด้วยวิธี ‘ทำประกันให้พ่อแม่’ เพื่อป้องกันปัญหาทางการเงินในวันที่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลจำนวนมาก

 

‘ประกันชีวิต’ และ ‘ประกันสุขภาพ’ สำหรับผู้สูงอายุ จึงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ลูก ๆ ควรวางแผนให้เหมาะสม เพราะไม่เพียงช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลให้พ่อแม่ แต่ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินให้คนเป็นลูกได้ด้วย

 

LIVE TO LIFE ชวนลูกทุกคน มาสำรวจดูความจำเป็น และศึกษาข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำประกันให้พ่อแม่ผ่านข้อคิดและคำแนะนำในบทความนี้

 

 

นับถอยหลังก่อนถึงวันที่ลูกต้องดูแลพ่อแม่

เพราะความรัก การเอาใจใส่ และการได้ดูแลกันและกัน คือพลังที่ช่วยเติมเต็มความอบอุ่นใจและความหมายของความเป็นครอบครัวให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น การได้ดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่าจึงเป็นการแสดงออกถึงความผูกพันและความห่วยใยถึงคนที่รักและคนสำคัญในชีวิต เท่ากับว่า คนเป็นลูกเป็นหลานต้องเตรียมความพร้อมด้านการเงินสำหรับดูแลพ่อแม่หรือผู้หลักผู้ใหญ่ในครอบครัวก่อนที่พวกท่านจะเข้าสู่วัยเกษียณ

 

ช่วงเวลาสั้น ๆ นับจากวันนี้ก่อนถึงวันที่พ่อแม่จะเกษียณอายุจากการทำงาน คือช่วงเวลาสำคัญของลูก ๆ ที่ต้องวางแผนทำประกันสำหรับผู้สูงอายุให้เรียบร้อย ยิ่งเหลือเวลาน้อย ยิ่งต้องรีบวางแผนทำประกันอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้ความเจ็บป่วยของพ่อแม่ ซึ่งอาจใช้เงินจำนวนมากในการรักษา กลายเป็นความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพการเงินของลูกได้

 

หากเป็นไปได้ พ่อแม่และลูกควรวางแผนทำประกันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อไม่ให้ภาระทั้งหมดตกสู่คนเป็นลูกเพียงผู้เดียว แต่ปัญหาก็คือ ข้อมูลจากรายงานการสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2564 สำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่าสถานะการเงินของผู้สูงอายุไทยส่วนใหญ่อยู่ในภาวะเปราะบาง

 

ทั่วประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุเพียง 1.5% เท่านั้นที่พร้อมเกษียณอย่างสบายใจและไม่เป็นภาระของลูกหลาน เพราะมีเงินและรายได้จากเงินออมเพียงพอเอาไว้ใช้จ่ายส่วนตัวได้อย่างสบาย ส่วนผู้สูงอายุที่เหลือ ไม่มีเงินออมเลย หรือถ้ามี ก็มีจำนวนเล็กน้อย และยังต้องการพึ่งพาลูกให้ช่วยเลี้ยงดูต่อไป ลูก ๆ จึงจำเป็นต้องคำนวณจำนวนเงินที่ใช้ดูแลพ่อแม่ให้ถี่ถ้วนและรัดกุม

 

 

3 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำประกันให้พ่อแม่

 

1. จุดเด่นของประกันผู้สูงอายุ

‘ประกันสำหรับผู้สูงอายุ’ ทั้งประกันสุขภาพและประกันชีวิต มีจุดเด่นที่แตกต่างจากประกันสำหรับช่วงวัยอื่น ๆ อย่างชัดเจน เพราะเป็นประกันที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ความต้องการและความคุ้มครองผู้สูงอายุโดยเฉพาะ คือเน้นสร้างความพร้อมให้ใช้ชีวิตวัยเกษียณได้อย่างมั่นคง ควบคู่กับการสร้างมรดกให้ลูกหลานหมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายยามเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต

 

โดยปกติแล้ว ก่อนทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพสำหรับคนทั่วไป จะต้องผ่านการตรวจสุขภาพหรือตอบคำถามสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อหาโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งบริษัทประกันมีสิทธิ์พิจารณายกเว้นความคุ้มครองหรือกำหนดเงื่อนไขความคุ้มครองในส่วนนั้นเพิ่มเติมได้

 

แต่ก็มีผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทที่ ‘ไม่ต้องตรวจสุขภาพ’ และ ‘ไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ’ สาเหตุที่บริษัทประกันพิจารณาผ่อนปรนขั้นตอนนี้มากกว่าวัยอื่น ๆ ก็เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นวัยที่เสี่ยงมีโรคประจำตัวหรือมีสุขภาพไม่สมบูรณ์แข็งแรงอยู่ก่อนแล้ว สามารถทำประกันได้ง่ายและสะดวกขึ้น พร้อมให้ความคุ้มครองที่ยาวนาน เช่น ถึงอายุ 90 ปี หรือบางแผนอาจคุ้มครองตลอดชีพ โดยแลกกับการจ่ายเบี้ยประกันที่สูงกว่าวัยอื่น ๆ เพราะถือว่าเป็นวัยที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพมากที่สุด

 

สำหรับลูกหลานที่กำลังมองหาประกันผู้สูงอายุให้พ่อแม่และผู้หลักผู้ใหญ่ที่ตนรัก LIVE TO LIFE ขอแนะนำประกันของ ‘ไทยประกันชีวิต’ ที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุยุคใหม่ให้ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลและรับมือกับความเสี่ยงได้ทุกสถานการณ์

  • ไทยประกันชีวิต สูงวัยไร้กังวล (เพื่อผู้สูงอายุ) ประกันสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการสร้างมรดกให้ลูกหลาน สมัครได้ตั้งแต่อายุ 50 - 75 ปี โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพและไม่ต้องแถลงสุขภาพ จ่ายเบี้ยฯ เริ่มต้นเพียงวันละ 8 บาท แต่คุ้มครองชีวิตจากการเจ็บป่วยและจากอุบัติเหตสูงสุดถึง 450,000 บาท*
  • ไทยประกันชีวิต เฮลท์ ฟิต ซีเนียร์ ซีไอ ประกันสุขภาพโรคร้ายแรงสำหรับดูแลสุขภาพผู้สูงอายุในระยะยาวโดยเฉพาะ สมัครได้ตั้งแต่อายุ 40-80 ปี คุ้มครองการป่วยด้วยโรคเรื้อรัง โรคร้ายแรงทุกระยะ และการตรวจคัดกรองอัลไซเมอร์ รวมถึงกรณีกระดูกแตกหักจากอุบัติเหตุ ช่วยสร้างความอุ่นใจให้ทั้งผู้สูงอายุและลูกหลาน

 

สามารถศึกษารายละเอียดแบบประกันภัยอื่น ๆ ของไทยประกันชีวิตที่ออกแบบมาให้เหมาะกับ วัยก่อนเกษียณ (51-60 ปี) และ วัยเกษียณ (60 ปีขึ้นไป) ได้ที่ https://product.thailife.com/lifestage เพราะแต่ละช่วงวัยก็มีความต้องการที่แตกต่าง เลือกความคุ้มครองที่ใช่เพื่อใช้ชีวิตในแบบที่คุณวางแผนไว้

 

2. คำนวณเบี้ยประกันผู้สูงอายุ

แม้ว่าการจ่ายเบี้ยประกันสำหรับผู้สูงอายุจะเป็นเรื่องที่คุ้มค่าและสร้างความสบายใจให้ลูกได้กว่าการจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองทั้งหมด ซึ่งแพงขึ้นต่อเนื่องทุกปีตาม ‘อัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์’ แต่เรื่องสำคัญที่คนเป็นลูกต้องรู้ก่อนตัดสินใจเลือกทำประกันให้พ่อแม่คือ การคิดคำนวณเบี้ยประกันที่ต้องชำระให้สอดคล้องกับรายรับของตัวเอง

 

ค่าเบี้ยประกันที่ต้องชำระ จึงไม่ควรต่ำกว่า 10% และไม่ควรเกิน 20% ของรายได้ต่อปีของลูก และวิธีคำนวณเบี้ยประกันที่ต้องชำระให้สอดคล้องกับรายรับของตัวเอง สามารถคิดได้ง่าย ๆ ตามตัวอย่างดังต่อไปนี้

 

นางสาว A มีรายได้ทางเดียวคือเงินเดือนจากงานประจำ เดือนละ 40,000 บาท เท่ากับมีรายได้ต่อปี คือ 40,000×12 = 480,000 บาท

 

10% ของ 480,000 บาท เท่ากับ (480,000÷100)×10 = 48,000 บาท และ

20% ของ 480,000 บาท เท่ากับ (480,000÷100)×20 = 96,000 บาท

 

ดังนั้น เบี้ยประกันที่สอดคล้องกับรายรับของนางสาว A จึงอยู่ระหว่าง 48,000-96,000 บาทต่อปี หรือ 4,000-8,000 บาทต่อเดือน

 

หมายความว่า เบี้ยประกันที่ลูกต้องจ่ายให้พ่อแม่ ต้องไม่ใช่จำนวนเงินที่มากเกินไปจนส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของลูก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหากับลูก ๆ ในอนาคต ซึ่งอาจมีเงินไม่พอจ่ายเบี้ยประกันต่อเนื่อง จนพ่อแม่ต้องเสียความคุ้มครองจากประกันไปอย่างน่าเสียดาย

 

3. สิทธิประโยชน์จากประกันผู้สูงอายุ

เมื่อลูกเป็นคนจ่ายเบี้ยประกันให้พ่อแม่ (รวมถึงพ่อแม่ของคู่สมรสด้วย หากคู่สมรสไม่มีเงินได้) สามารถนำเบี้ยประกันที่จ่าย ไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทต่อปี ภายใต้เงื่อนไขสำคัญดังนี้

  • ต้องเป็น ‘ประกันสุขภาพ’ ที่มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล, ค่าชดเชยการทุพพลภาพ, หรือการสูญเสียอวัยวะ และรวมถึง ‘สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ’ ที่ซื้อแนบท้ายกับประกันชีวิตหลัก (ไม่นับรวมประกันชีวิตที่เน้นความคุ้มครองชีวิตอย่างเดียว)
  • ทั้งพ่อและแม่ที่ลูกทำประกันสุขภาพให้ (รวมถึงพ่อแม่ของคู่สมรส) ต้องมีรายได้พึงประเมินในปีภาษีนั้นไม่เกิน 30,000 บาท
  • คนที่ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากประกันสุขภาพของพ่อแม่ ต้องเป็นลูกทางสายเลือดเท่านั้น ลูกบุญธรรมไม่สามารถใช้สิทธินี้ได้
  • หากมีลูกหลายคนช่วยกันจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพให้พ่อแม่ สามารถหารเฉลี่ยค่าเบี้ยประกันแล้วนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามสัดส่วนที่จ่ายจริง แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 15,000 บาท

 

กว่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวจากเงินที่หามาได้ ย่อมใช้ทั้งแรงกายแรงใจและเวลาหลายสิบปี หากไม่มีการวางแผนการทำประกันผู้สูงอายุไว้ เพื่อช่วยรับความเสี่ยงยามพ่อแม่เกิดเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมากะทันหัน ย่อมไม่ใช่เรื่องดีนัก ถ้าเงินที่เพียรเก็บมาตลอดต้องหมดลงได้ภายในชั่วข้ามคืน การวางแผนทำประกันชีวิตให้พ่อแม่จึงเป็นเรื่องใหญ่และจำเป็นสำหรับลูกทุกคน

 

LIVE TO LIFE หวังว่าข้อมูลทั้งหมดนี้ จะเป็นประโยชน์ให้ลูก ๆ ใช้วางแผนและเลือกซื้อประกันให้พ่อแม่ที่ตนรัก เพื่อลูกและพ่อแม่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกัน โดยไม่มีเรื่องเงินหรือค่าใช้จ่ายหากพ่อแม่เจ็บป่วยมารบกวนใจอีกต่อไป

 

 

อ้างอิง

  • ไทยประกันชีวิต. แบบประกันที่เหมาะกับช่วงอายุ. https://product.thailife.com/lifestage
  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย. เจาะลึกสถานการณ์การเงินของคนไทยวัยเกษียณ. https://bit.ly/45hD8ml
  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย. อยากทำประกัน แบ่งเงินมาทำเท่าไรดี. https://bit.ly/3H4Aubz

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...